บทที่ 429: โจ๊กเกอร์ (7)
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 429: โจ๊กเกอร์ (7)
คังวูจินทอดสายตาไปยังที่ใดที่หนึ่งอย่างเหม่อลอย ชเวซองกุนที่ไม่ทันสังเกตเห็นแววตาของเขา รวบผมหางม้าของตนเองอีกครั้งพลางเอ่ยถามซ้ำ
“ถ้าเรื่องพวกนี้มันยุ่งยากนัก ก็แค่โยนให้เยจองจัดการทั้งหมดก็น่าจะเรียบร้อยไม่ใช่เหรอครับ?”
“······”
“เออ จริงด้วยสิ งั้นเอาอย่างนั้นแหละ ยุ่งอยู่กับการแสดงแทบตาย จะมานั่งเลือกทักซิโด้หรือชุดสูท เลือกสีอะไรกันอีกล่ะ? เอาตั้งแต่แบรนด์ไปจนถึงดีไซน์ ฉันจะให้เยจองกับทีมสไตลิสต์จัดการให้ทั้งหมดเลย”
ชเวซองกุนหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นในรถเทรลเลอร์แล้วยื่นให้คังวูจิน
“ทั้งงานที่คานส์ และงานของบลูดราก้อน ฉันก็เห็นนายดูใส่ใจกับดีไซน์ทักซิโด้อยู่ เลยว่าจะให้นายลองเลือกดู แต่พอนึกถึงตารางงานของนายแล้ว มันก็น่าจะหนักไปหน่อย ฉันจะบอกเยจองไว้เอง ฉะนั้นนายไม่ต้องคิดมากแล้วตั้งใจถ่ายทำเถอะ”
ชเวซองกุนกล่าวจบกำลังจะออกจากรถเทรลเลอร์ เสียงทุ้มนุ่มของวูจินก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ท่านประธาน แบบที่มันเรียบง่าย หรือดูจืดชืดนี่ไม่เอาได้ไหมครับ?”
ชเวซองกุนหยุดเท้าหันกลับมามองด้วยความฉงน
“เรียบง่ายหรือจืดชืด? หมายถึงทักซิโด้หรือชุดสูทเหรอ? ก็นะ คนส่วนใหญ่เขาก็ใส่กัน มันก็เลยดูเรียบ ๆ ไปน่ะแหละ แต่นอกจากนั้นแล้วจะมีอะไรอีกล่ะ? หรือว่า… นายจะให้ตัดแบบสั่งทำพิเศษเลยงั้นเหรอ? อืม ก็ไม่เลวนะ แต่มันจะทันเวลาไหมนี่สิ”
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”
วูจินปฏิเสธอย่างเรียบเฉยพร้อมกับสบตากับชเวซองกุน สีหน้าของเขาดูเย็นชาลงยิ่งกว่าเดิม ราวกับกำลังสวมบทบาท
'ใช่แล้ว เอาแบบนี้น่าจะสนุกแน่'
ความคิดซุกซนแล่นผ่านเข้ามาในหัวของเขา จินตนาการถึงภาพบางอย่างที่น่าขบขันเหลือเกิน
ทว่าเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา เพียงแต่แววตาที่มองชเวซองกุนกลับแข็งกร้าวขึ้นเป็นทวีคูณ
“สำหรับผม ‘รางวัลเอมมี่’ เป็นเพียงจุดพักเท้าครับ ท่านประธาน”
“······ จุดพักเท้า? วูจิน ‘รางวัลเอมมี่’ น่ะเหรอ? ที่ใคร ๆ ก็ยกย่องให้เป็น ‘รางวัลออสการ์’ แห่งวงการโทรทัศน์ ทั้งบารมีและชื่อเสียงก็เทียบเท่า ‘รางวัลออสการ์’ ถึงแม้ว่ารางวัลสูงสุดจะเป็น ‘รางวัลออสการ์’ ก็เถอะ แต่จุดพักเท้านี้มัน-”
ชเวซองกุนพลันฉุกคิดได้ ใช่แล้ว สำหรับวูจินที่มองว่ารางวัลเมืองคานส์เป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่ง การที่เขามอง ‘รางวัลเอมมี่’ เป็นเพียงจุดพักเท้าก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
‘ไม่แปลกเลยแม้แต่น้อย’
นั่นสินะ แม้แต่ ‘รางวัลออสการ์’ ที่เปรียบเสมือนบอสใหญ่ วูจินยังพูดถึงอย่างไม่ยี่หระ แล้ว ‘รางวัลเอมมี่’ ที่ระดับใกล้เคียงกันล่ะ จะเป็นอย่างไร? แน่นอน หากนักแสดงทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นชาวเกาหลีหรือฮอลลีวูด ได้ยินเข้าคงต้องตื่นตะลึง ไม่มีใครกล้าคิดแบบคังวูจินได้แน่
‘แต่เขาก็คือคังวูจิน’
ชเวซองกุนเลิกคิดแบบคนทั่วไป เขาหันไปตอบวูจิน
“เออ ใช่ ‘รางวัลเอมมี่’ ก็แค่จุดพักเท้า เข้าใจแล้ว”
คังวูจินผู้ไม่แยแสสิ่งใด สะบัดผมสีดำสนิทไปมา ก่อนเอ่ยต่อ
“สำหรับผม ทั้งรางวัลเมืองคานส์และ ‘รางวัลเอมมี่’ ก็ไม่ต่างกัน แต่คนรอบข้างและคนทั่วไปคงมองต่างออกไป”
“แน่นอน แค่ได้รับเชิญครั้งแรกก็ถือว่าน่าทึ่งแล้ว นี่ยังได้เข้าชิงถึง 10 สาขาอีก ต้องกลายเป็นจุดสนใจของคนทั่วโลกแน่”
“ครับ เพราะแบบนั้นจึงทำให้เกิดช่องว่าง ระหว่างความคิดของผมกับสิ่งที่คนทั่วไปคิดเกี่ยวกับ ‘รางวัลเอมมี่’”
“…”
“ประมาณว่า…น่าเบื่อชะมัด”
“เบื่อ? งานประกาศรางวัล ‘เอมมี่’ เนี่ยนะ?”
“ใช่ครับ เบื่อสุด ๆ เพราะงั้นผมเลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้”
ชเวซองกุนกลืนน้ำลายเหนื่อย ๆ รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างว่าประโยคถัดไป คงไม่ใช่คำพูดธรรมดา ๆ แน่ วูจินสาวเท้าไปยังราวแขวนเสื้อผ้าอย่างเชื่องช้า
“งานนี้… มันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อ ‘ปิเอโรต์: กำเนิดวายร้าย’ แถมผมเองก็คงจะสนุกขึ้นมาบ้าง”
“หา?”
คังวูจินเอื้อมมือคว้าเสื้อแจ็กเก็ตสีแดงสดของ ‘โจ๊กเกอร์’
“บังเอิญว่าชุดของ ‘โจ๊กเกอร์’ ก็เป็นชุดสูทเหมือนกัน ถึงสีสันจะ… พิสดารไปสักหน่อยก็เถอะ”
“แค่หน่อยเรอะ?”
ชเวซองกุนมองคังวูจินพลางครุ่นคิด เขาเริ่มจับสังเกตอะไรบางอย่างได้
“แต่เดี๋ยวนะ ที่พูดถึงชุดโจ๊กเกอร์แบบนี้ นาย… หรือว่า…”
แต่คังวูจินกลับตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ผมคิดว่ามันคงจะเป็นการปรากฏตัวบนพรมแดงในฐานะ ‘โจ๊กเกอร์’ ที่ไม่มีใครเหมือนแน่ ๆ”
ชเวซองกุนอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ก่อนจะตั้งสติได้
“คือ… นายจะไปงานประกาศรางวัล ‘เอมมี่’ ในฐานะ ‘โจ๊กเกอร์’ จริง ๆ เหรอ?”
“มันแปลกตรงไหนครับ?”
“มันไม่ใช่แค่แปลก แต่มัน—”
เดี๋ยวก่อน… ไม่สิ! ชเวซองกุนสะบัดหัวไล่ความมึนงง ‘โจ๊กเกอร์’ ปรากฏตัวในงานประกาศรางวัล ‘เอมมี่’ อย่างนั้นเหรอ? แค่คิดภาพตามก็ขนลุก สปอตไลต์จากทั่วทุกสารทิศคงต้องส่องมาที่วูจินราวกับถูกดูดเข้าไปในหลุมดำแน่ ๆ
‘ปิเอโรต์: กำเนิดวายร้าย’ คงจะได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม หากใช้ ‘รางวัลเอมมี่’ เป็นเครื่องมือโปรโมต ลองนึกภาพผู้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายปรากฏกายในชุด ‘ปิเอโรต์’ สุดพิลึกแบบนั้นสิ กระแสตอบรับต้องถล่มทลายเป็นแน่
ไม่เพียงเท่านั้น
แม้คังวูจินจะพลาดรางวัลนักแสดงนำชาย... แต่เขามั่นใจว่า ‘โจ๊กเกอร์’ จะกลายเป็นพระเอกของงานในค่ำคืนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
รุ่งขึ้นหลังงาน ‘รางวัลเอมมี่’ ผู้คนจะต้องพูดถึงคังวูจินมากกว่านักแสดงที่คว้ารางวัลนักแสดงนำชายไปครองอย่างแน่นอน
ชเวซองกุนแย้มยิ้มบาง ๆ ก่อนเอ่ยถาม
"น่าสนใจมากทีเดียว แต่ว่า... คิดจะแต่งเต็มขนาดนั้นเลยเชียวเหรอ?"
คังวูจินส่ายหน้าแผ่วเบาอย่างสุขุม
"ไม่หรอกครับ แค่เสื้อผ้าหน้าผมก็น่าจะเพียงพอแล้ว"
"แค่นั้นสินะ"
"แต่แน่นอนว่าต้องได้รับอนุญาตจากผู้กำกับและ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ เสียก่อนครับ"
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ณ เกาหลี
ขณะที่ลอสแอนเจลิสเลยเที่ยงวันไปแล้ว แต่ที่เกาหลียังคงเป็นยามเช้ามืดของวันใหม่ เวลาประมาณห้าโมงเช้า อากาศยังคงห่อหุ้มด้วยความมืดและเงียบสงัด ทว่าแสงไฟภายในห้องตัดต่อขนาดใหญ่ของบริษัทรับผลิตสื่อDMในกรุงโซลกลับสว่างจ้า จอมอนิเตอร์นับไม่ถ้วนเปล่งแสงสาดส่องทั่วทั้งห้อง
ราวกับว่าที่นี่ไร้ซึ่งกลางคืน
ภายในห้องตัดต่อที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอับชื้น มีผู้คนอยู่ราวห้าคน ทุกคนมีรอยคล้ำใต้ตา ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอนมาหลายคืน บุคคลที่ดูโดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่มีหนวดเคราขึ้นรุงรังกว่าเดิม เขานั่งอยู่หน้าเครื่องตัดต่อตรงกลางห้อง
PDซงมันวู
เขากำลังทุ่มเทชีวิตให้กับการตัดต่อ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ พาร์ท 2
การถ่ายทำ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ พาร์ท 2 เสร็จสิ้นลงตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน บัดนี้ก้าวเข้าสู่สัปดาห์ที่สามของกระบวนการหลังการถ่ายทำแล้ว กำหนดฉายคือเดือนกันยายน PDซงมันวูจึงจำต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง
“เมื่อครู่มีภาพมุมกว้างใช่มั้ย?”
“ครับ”
“ลองเอามาดูหน่อย”
บทสนทนามีเพียงน้อยนิด PDซงมันวู เพียงจ้องมองคังวูจินบนหน้าจอพลางขยับนิ้วไปมา
“ไม่เอาดีกว่า เอาภาพแบบครึ่งตัวจะดีกว่า”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ”
“เฮ้อ อยากจะเป็นบ้าตาย ภาพแต่ละภาพมันดีจนตัดทิ้งไม่ลง ยากจริง ๆ”
“การแสดงที่ยอดเยี่ยมของคุณวูจิน อาจเป็นความทรมานเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับผู้กำกับนะครับ”
“เรียกว่าความทรมานที่แสนหอมหวานจะดีกว่านะ”
ตัวงานคืบหน้าไปอย่างเชื่องช้า ไม่เหมือน PDซงมันวู ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการละครตามที่เคยเป็น แม้แต่ตัวเขาเองก็เพิ่งเคยสร้างผลงานระดับโลกแบบนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้
ความกดดัน...
ความสนใจจากต่างประเทศถาโถมเข้ามา ทำให้เขาต้องครุ่นคิดและกังวลมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงของคังวูจินที่น่าประทับใจในทุก ๆ ฉาก ยิ่งตอกย้ำความกังวลของ PDซงมันวู ให้หนักอึ้งขึ้นไปอีก
‘นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่การตัดต่อมันยากเย็นแสนเข็ญถึงเพียงนี้’
ทันใดนั้น PDซงมันวู ชายผู้มีเคราหนาเต็มหน้า ก็รู้สึกว่าคังวูจินบนหน้าจอนั้นช่างน่าทึ่งเหลือเกิน
‘แม้แต่ฉันยังหวั่นไหวกับผลงานเพียงชิ้นเดียว แต่ไอ้หมอนั่น ผลงานที่ถ่ายทำไปล้วนแต่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย เขาไม่มีความกดดันบ้างเลยเชียวเหรอ?’
แม้จะเป็น ‘คังโทเทม’ แต่นี่ก็เป็นเส้นทางที่เหลือเชื่อเกินกว่าจะเข้าใจ PDซงมันวูนึกถึงใบหน้าของวูจินอยู่ครู่หนึ่ง
“เอาภาพแบบครึ่งตัวดีกว่า”
แล้วเขาก็กลับไปจดจ่อกับการตัดต่ออีกครั้ง
หลายชั่วโมงผ่านไป
“ฮู่ว... พักกันสักหน่อย เหนื่อยกันมามากแล้ว ไปงีบกันก่อนเถอะ”
เวลาประมาณ 9 โมงเช้า PDซงมันวูสั่งหยุดตัดต่อชั่วคราว แล้วให้ทีมตัดต่อที่กำลังอ่อนเพลียไปพักผ่อนที่ห้องพัก แต่ตัวเขาเองยังคงนั่งทำงานในห้องตัดต่อต่อไป
ต๊อกแต๊ก ๆ
ทันใดนั้น
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น PDซงมันวูสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเปิดประตู ภาพเบื้องหน้าคือหญิงสาวที่คุ้นเคย ยืนถือถุงกระดาษจากร้านอาหารญี่ปุ่น
“PDคะ ทานมื้อเช้าด้วยกันค่ะ” ผู้จัดการทั่วไปคิมโซฮยางที่มัดผมรวบเป็นหางม้ากล่าว
“ซูชิ ทานได้ใช่ไหมคะ?”
“ทำไมต้องลำบากขนาดนี้ด้วยครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ฉันรู้ว่าคุณคงเหนื่อยค่ะ เลยอยากดูแล อย่างน้อยก็เรื่องอาหารเช้านี่แหละ”
“ฮ่า ๆ งั้นก็ได้ครับ”
“ฉันมีเรื่องจะแจ้งด้วยค่ะ”
“เรื่องอะไรครับ?”
“เดี๋ยวฉันจะเรียกนักเขียนชเว ทีมงานคนสำคัญ ๆ มาประชุมสรุปอีกที แต่จะแจ้งPDก่อนล่วงหน้าค่ะ”
“ครับ” คิมโซฮยางเดินนำไปที่ห้องของPDซงมันวู พร้อมกับพูดต่อ
“กำหนดวันเดินทางไปงาน ‘รางวัลเอมมี่’ มาแล้วนะคะ วันที่ 20 กรกฎาคม สถานที่จัดงานก็ที่เดิมค่ะ ‘โรงละครพีค็อก’ ที่ LA”
วันที่ 20 กรกฎาคม หมายความว่าเหลือเวลาไม่ถึงเดือน
“อืม ใกล้เข้ามาแล้วสินะ”
ในขณะนั้น
♬♪
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของPDซงมันวูดังขึ้น เขาเหลือบมองดูชื่อผู้โทรเข้าอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“เอ๊ะ?”
คิมโซฮยางถามขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นคะ ใครโทรมาเหรอ?”
PDซงมันวูเหลือบมองโทรศัพท์มือถือในมือ ก่อนจะรับสาย
“วูจินเหรอ?”
ปลายสายคือคังวูจินที่น่าจะอยู่ไกลถึงแอลเอ
หนึ่งวันผ่านไป ค่ำคืนวันที่ 21 ณ นครลอสแอนเจลิส
หลังจากการถ่ายทำเสร็จสิ้นลงในวันนี้ ด้วยเหตุผลบางประการ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกลับมารวมตัวกันอีกครั้งบริเวณใกล้รถเทรลเลอร์ของวูจิน ในกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยผู้กำกับอันกาบก นอร่า ฟอสเตอร์ PDหญิงผู้ทรงอิทธิพล ทีมงานหลักอีกสองคน และชเวซองกุน ส่วนคังวูจินยังไม่ปรากฏตัว คงกำลังง่วนอยู่กับการล้างเครื่องสำอาง
ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยคำถาม ชเวซองกุนหันไปมองผู้กำกับอันกาบก ก่อนจะเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ
“นี่เป็นความคิดของวูจินครับ เขาอยากจะสวมชุด ‘โจ๊กเกอร์’ ไปงานประกาศรางวัล ‘เอมมี่’ ที่กำลังจะจัดขึ้น”
ผู้กำกับอันกาบกขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“อืม? ว่ายังไงนะ?”
นอร่า ฟอสเตอร์และทีมงานหลักต่างเบิกตากว้าง สีหน้าของแต่ละคนฉายแววตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“······ชุด ‘โจ๊กเกอร์’ ในงานประกาศรางวัล ‘เอมมี่’ งั้นเหรอ?”
“ฉันหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมต้องใส่ชุด ‘โจ๊กเกอร์’ ไปงานแบบนั้นด้วย? นั่นมันงานประกาศรางวัล ‘เอมมี่’ นะ ‘เอมมี่’ !”
“คุณคังวูจินพูดแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ?”
โดยเฉพาะนอร่า ฟอสเตอร์ที่แสดงปฏิกิริยารุนแรงที่สุด หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอก็เปล่งเสียงออกมาอย่างหนักแน่น
“นั่นมันเรื่องบ้า ๆ ชัด ๆ สิ! จะใส่ชุด ‘โจ๊กเกอร์’ ไปอวดโฉมในงานประกาศรางวัล ‘เอมมี่’ ทำไมกัน?!”
“เดี๋ยวก่อน”
ผู้กำกับอันกาบกยกมือขึ้นห้ามปราม
“ประธานชเว ลองฟังเหตุผลของวูจินก่อนเถอะ”
เขาก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน แต่คังวูจินที่เขาเห็นมาตลอด คงไม่ทำเรื่องแบบนี้โดยปราศจากเหตุผลแน่ เมื่อบรรยากาศเริ่มสงบลง ชเวซองกุนจึงถือโอกาสเล่าเรื่องที่ได้ยินจากคังวูจินเมื่อเช้าวานนี้ แม้ชเวซองกุนจะปรุงแต่งเรื่องราวให้มีสีสันขึ้นบ้าง แต่แก่นแท้ของเรื่องก็มีเพียงหนึ่งเดียว
นั่นคือ คังวูจินปรารถนาจะปรากฏกายในฐานะ ‘โจ๊กเกอร์’ บนพรมแดงแห่งงานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติ ‘รางวัลเอมมี่’
ผู้กำกับอันกาบกผู้ฟังคำอธิบายยกมือขึ้นลูบไล้แก้มเหี่ยวย่นของตน
“ให้ ‘โจ๊กเกอร์’ ปรากฏตัวบนพรมแดงงานอันทรงเกียรติอย่าง ‘รางวัลเอมมี่’ เชียวเหรอ?”
ผู้กำกับอันกาบกพึมพำกับตนเองแผ่วเบา ชเวซองกุนจึงเสริมขึ้น
“แน่นอนครับ ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะแต่งเป็น ‘โจ๊กเกอร์’ ตลอดงาน ‘รางวัลเอมมี่’ วูจินบอกว่าแค่เพียงเดินพรมแดงก็เพียงพอแล้ว แถมยังไม่จำเป็นต้องแต่งเต็ม เพียงแค่จัดแต่งทรงผมก็พอ”
หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นชุดทักซิโด้ที่เตรียมไว้ ทีมงานหลักต่างเงียบงันไป ราวกับกำลังวาดภาพพรมแดงงาน ‘รางวัลเอมมี่’ อยู่ในห้วงความคิด ครู่หนึ่ง ผู้กำกับอันกาบกก็เอ่ยความคิดที่แล่นเข้ามาในหัว
“...เริ่มต้นด้วย ‘โจ๊กเกอร์’ แล้วแปลงโฉมเป็นคังวูจิน เสมือนถ่ายทอดแก่นเรื่องของ ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ เช่นเดียวกับ ‘เฮนรี่ กอร์ดอน’ และ ‘โจ๊กเกอร์’ เลยสินะ”
‘อ๋อ งั้นที่แท้วูจินต้องการทำแบบนี้เหรอ?!’
ชเวซองกุนเข้าใจในทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้กำกับอันกาบก
‘วูจินไม่ได้ทำเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงแก่นเรื่องของ ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ อีกด้วย’
ไม่เลย...
ที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงความคิดเล่น ๆ เหมือนเกม ๆ หนึ่งของคังวูจินเท่านั้นเอง
แต่ต้นตอของความเข้าใจผิดกลับบังเกิดขึ้นใหญ่โตมาจากปากของผู้กำกับอันกาบกเสียอย่างนั้น
“เรื่องทั้งหมดนี้คงเป็นความตั้งใจของวูจินนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่มีใครคิดแผนการพิสดารแบบนี้ออกหรอก”
คำพูดนั้นแพร่กระจายออกไปราวกับไฟลามทุ่ง
“แน่นอนว่าต้องมีเรื่องของกระแสเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คงจะได้รับความสนใจมากกว่าระเบิดนิวเคลียร์เสียอีก ก็วูจินเขามีอิทธิพลระดับโลกนี่นะ”
ทันใดนั้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้กำกับอันกาบก
‘ ‘โจ๊กเกอร์’ ที่ไปปรากฏตัวในงานประกาศรางวัลเอมมี่ระดับโลก รวมถึงฮอลลีวูด ของแบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีก’
พลังในการประชาสัมพันธ์ต้องมหาศาลอย่างแน่นอน ท่ามกลางความคิดนั้นเอง นอร่าผู้มีสีหน้าดุดันก็แทรกขึ้นมา
“ฉันคัดค้านค่ะ ใน ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ ‘โจ๊กเกอร์’ ถือเป็นตัวละครหลักและเป็นวายร้ายตัวแรกของ ‘จักรวาลภาพยนตร์’ มันคือตัวละครสำคัญที่แบกรับความสำเร็จของโปรเจกต์ขนาดใหญ่นะคะ จะเปิดเผยตัวละครสำคัญแบบนั้นง่าย ๆ ได้ยังไง แบบนี้มันบ้าไปแล้ว!”
ในจังหวะนั้นเอง
“ในยุคสมัยนี้ หากปิดบังเอาไว้ กระแสของมันก็จะลดลงนะครับ”
เสียงทุ้มต่ำของบุรุษปริศนาดังแทรกขึ้นมา ดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง คังวูจินในชุดลำลองสวมหมวกปิดบังใบหน้า ก้าวเข้ามาอย่างไม่แยแส ก่อนจะเอ่ยต่อ
“การเปิดเผยออกไปบ้าง ย่อมทำให้กระแสของมันลุกโชนยิ่งขึ้นไปอีกครับ”
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_