ตอนที่แล้วบทที่ 420: ปรากฏตัว (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 422: ปรากฏตัว (5)

บทที่ 421: ปรากฏตัว (4)


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 421: ปรากฏตัว (4)

ชเวซองกุนคลี่ยิ้มกว้าง คังวูจินมองตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความกังวลปรากฏให้เห็น แม้เหงื่อจะผุดพรายตามไรผมก็ตาม

“······”

ปลายเดือนพฤษภาคมเช่นนี้ ใกล้เข้าเดือนมิถุนายนเต็มที อากาศจึงร้อนอบอ้าวเป็นธรรมดา วูจินพยักหน้ารับคำชเวซองกุนอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงราบเรียบ

“กำหนดวันถ่ายทำวันแรกแล้วเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว”

ชเวซองกุนยังคงรอยยิ้มสดใส พลางยกมือขึ้นแตะบ่าของคังวูจินเบา ๆ ก่อนจะชูนิ้วโป้งให้

“สัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายน วันที่ 11 มิถุนายนนี้เลย อาจจะมีการขยับวันก่อนหรือหลังสักหนึ่งหรือสองวัน แต่ถ้าไม่มีอะไรติดขัด วันที่ 11 นี้ก็จะเป็นวันเปิดกล้อง”

‘วันที่ 11 อย่างนั้นเหรอ... อีกไม่กี่วันนี้เองสินะ’

ภายนอกวูจินยังคงสงบนิ่ง แต่ภายในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย ราวกับเป็นพิธีกรรมก่อนการเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง น้ำหนักของการเตรียมตัว การทุ่มเทอ่านบท ต่างจากความรู้สึกของการถ่ายทำจริงราวฟ้ากับเหว ทุกผลงานที่ผ่านมือเขามาก็เป็นเช่นนี้เสมอ มันเหมือนกับการบรรจุกระสุน และการถ่ายทำครั้งแรกคือการเหนี่ยวไกปลดปล่อยพลังสู่โลกภายนอก

‘ยิ่งไปกว่านั้น... นี่มันฮอลลีวูดเชียวนะ’

และไม่ใช่แค่ฮอลลีวูดธรรมดา คังวูจินได้สร้างตำนานมากมาย เป็นนักแสดงนำชาวเอเชียคนแรกที่ได้ก้าวเข้ามาในวงการนี้ นี่คือจุดเริ่มต้น วันนี้คือวันที่ 27 พฤษภาคม วันที่ 11 มิถุนายน... เหลือเวลาอีกเพียงสองสัปดาห์ อาจจะดูยาวนานหรือสั้น แต่เมื่อมองตารางงานที่อัดแน่นของเขาแล้ว มันช่างกระชั้นชิดเหลือเกิน

ความตื่นเต้นแล่นริ้วอยู่ในอก คังวูจินปลดกระดุมเสื้อสูทออกอย่างเชื่องช้า

เพราะอากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน

-กึก

รอยยิ้มของชเวซองกุนยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ขณะที่วูจินกวาดสายตาไปทั่ว พบเพียงแววตาเปี่ยมความหวังของทีมงานทุกคน

วูจินหันหลังกลับไป ฉากของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ พาร์ท 2 ปรากฏแก่สายตา แม้ยามราตรีจะแผ่ความมืดมิดลงมา แต่แสงไฟที่ถูกติดตั้งกลับสว่างจ้าจนแทบแสบตา แมลงน้อยใหญ่บินวนเวียนอยู่รอบ ๆ แสงไฟเหล่านั้น เหล่าทีมงานเกือบร้อยชีวิตกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการแมลงเหล่านี้ PDซงมันวู ชายผู้มีเคราแพะเป็นเอกลักษณ์ กำลังสนทนากับผู้ช่วยผู้กำกับ ถึงแผนการถ่ายทำในวันรุ่งขึ้น อากาศร้อนอบอ้าวทำให้ทุกคนเลือกสวมใส่เสื้อแขนสั้น

คังวูจินจ้องมองสถานที่ถ่ายทำอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกหม่นเศร้าแล่นริ้วผ่านหัวใจ

‘การถ่ายทำในเกาหลีสิ้นสุดลงแล้วสินะ...ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน ทำไมถึงได้รู้สึกใจหายอย่างนี้’

แม้สีหน้าจะยังคงเรียบเฉยตามแบบฉบับของเขา แต่ภายในใจกลับอ่อนไหวอย่างบอกไม่ถูก บางทีอาจเป็นเพราะการเดินทางไปแอลเอครั้งนี้ เขาคงไม่ได้กลับมาเหยียบผืนแผ่นดินเกาหลีอีกนาน เรื่องราวมากมายในอดีตไหลบ่าเข้ามาในความคิด ชเวซองกุนเดินเข้ามาหยุดอยู่เคียงข้าง เขามองตรงไปยังเบื้องหน้าเช่นเดียวกับคังวูจิน ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เป็นอะไรไป ใจหายเหรอ? คิดถึงชีวิตในฮอลลีวูดแล้วล่ะสิ?”

ราวกับรู้ใจกันอย่างน่าประหลาด วูจินสะดุ้งเล็กน้อยในใจ แต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ได้อย่างมิดชิด

“เปล่าครับ แค่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก”

“ฮ่า ๆ ก็จริงของนาย นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว ตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรก ‘ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล’ ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ยิ่งมีPDซงอยู่ด้วย ยิ่งรู้สึกแบบนั้นเข้าไปใหญ่”

ไม่รู้ว่าPDซงมันวูที่กำลังพูดคุยอยู่กับทีมงาน ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองหรือไม่ เขาวิ่งตรงเข้ามาหา ในชุดเสื้อยืดสีดำ สวมหมวกแก๊ป ทันทีที่มาถึงก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการถ่ายทำในวันรุ่งขึ้นโดยไม่รอช้า

“พรุ่งนี้เที่ยงเจอกันนะครับ”

“รับทราบครับ”

หลังคำตอบสั้น ๆ ของวูจิน ชเวซองกุนก็เอียงคอเล็กน้อย

“อืม? แต่ว่าเริ่มช้าไปหน่อยนะครับ?”

“อ่า ตอนเช้ามีถ่ายทำสัมภาษณ์กับ Netflix ครับ เรื่อง ‘รางวัลเอมมี่’ อะไรสักอย่าง ทางสำนักงานใหญ่ Netflix ร้องขอมาน่ะครับ แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? ทำไมดูพวกคุณเครียด ๆ”

“‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ กำหนดวันถ่ายทำวันแรกแล้วครับ”

PDซงมันวูชะงักไปครู่หนึ่งก่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น

“โอ้! โอ้โห!! จริงเหรอครับ?? วันไหน?”

“11 มิถุนายนครับ”

“11 น่ะเหรอ? เดี๋ยวก่อนนะ 11 ก็ อีก 2 อาทิตย์? โอ้โห ค่อนข้างกระชั้นชิดนะ คุณวูจินจะไม่หนักไปหน่อยเหรอครับ? ไหวไหม?”

“ไม่มีปัญหาครับ”

“รู้ว่าไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะครับ เดี๋ยวคุณวูจินล้มป่วยไป โอ้โห งานกี่เรื่องจะต้องหยุดกันล่ะ?”

PDซงมันวูทำท่าขนลุกซู่ด้วยความคิดนั้น ก่อนจะ

- ฟึบ

ดีดนิ้วคำนวณบางอย่าง ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา

“เรากะว่าจะปิดกล้องประมาณ 7 มิถุนายน ลองเลื่อนให้เร็วขึ้นสักหน่อยดีกว่า สักสองสามวัน ถ้าเร่งหน่อยก็น่าจะทำเวลาได้นะครับ”

“ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ”

“ไม่หรอก ไม่หรอก”

PDซงมันวูเริ่มยิ้มออกมาพลางเรียกผู้ช่วยผู้กำกับแล้วพูดว่า

“วันประเดิมของ ‘ดาวเด่นระดับโลก’ ของเรามาถึงทั้งที ต้องให้เขาฟิตเต็มที่สิ จริงไหมครับ ประธานชเว?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเลยครับ”

“พยายามเลื่อนให้จบภายใน 4 หรือ 5 ให้ได้นะครับ”

PDซงมันวูแสยะยิ้ม มองคังวูจินที่ยังคงนิ่งเฉย

“มาทำให้พวกฮอลลีวูดตกใจจนอ้วกพุ่งไปเลยเถอะครับ”

ณ ลอสแอนเจลิส

ต่างจากเกาหลีที่ล่วงเลยเที่ยงคืนมาแล้ว ลอสแอนเจลิสยังคงเป็นยามเช้าตรู่ รถราวิ่งกันขวักไขว่ เสียงแตรดังระงมไปทั่วทุกหัวระแหง ตั้งแต่ร้านกาแฟ ร้านเบเกิล ยันฟุตบาท ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา สถานีรถไฟใต้ดินก็เช่นกัน

ภายในสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในแอลเอ ที่ดูเผิน ๆ ราวกับรังโจร

“อืม...”

ชายชรารูปร่างคุ้นตาในชุดเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีนส์สบาย ๆ ก้าวเข้ามาในสถานี เขาคือผู้กำกับอันกาบก และแน่นอนว่าเขาไม่ได้มาเพียงลำพัง รอบตัวเขามีชาวต่างชาติอย่างน้อยสิบห้าคนติดตามมาด้วย พวกเขาคือทีมงานหลักของ ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ เหตุผลที่ผู้กำกับอันกาบกและทีมงานมาปรากฏตัวที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้ช่างแสนเรียบง่าย

‘ฉากรถไฟใต้ดิน ถ่ายทำในสถานที่จริงย่อมดีกว่าเซ็ตฉาก’

ดังที่ผู้กำกับอันกาบกครุ่นคิด ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ กำลังอยู่ในช่วงของการหาสถานที่ถ่ายทำ และนี่เป็นครั้งสุดท้ายตามกำหนดการ อันที่จริงการหาสถานที่ถ่ายทำเสร็จสิ้นไปตั้งนานแล้ว แต่นี่เป็นกำหนดการเพิ่มเติมตามคำขอของผู้กำกับอันกาบก

-ปิ๊ดดด!

ทันใดนั้น รถไฟใต้ดินก็แล่นเข้าเทียบชานชาลา

ทว่าผู้กำกับอันกาบกและทีมงานชาวต่างชาติไม่ได้ขึ้นรถไฟไปด้วย อันกาบกยืนเท้าคางสำรวจชานชาลาโดยรอบ ขณะที่ทีมงานบางคนก็เดินถ่ายรูปกันอย่างขะมักเขม้น ในตอนนี้ สายตาของผู้กำกับอันกาบกมองเห็นอะไรมากมาย ทั้งรอยขีดเขียนบนผนัง คนไร้บ้านที่นั่งอยู่ตามมุมหรือเก้าอี้ ผู้คนแต่งกายแปลกตา รวมถึงชายคนหนึ่งที่กำลังบรรเลงกีตาร์ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นนักดนตรีฝึกหัดหรืออะไร

-♬♪

แต่เสียงกีตาร์ที่ดังขึ้นนั้น ในหูของผู้กำกับอันกาบกกลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงอื่น

‘ดนตรีขึ้นแล้ว’

หนึ่งในเพลงประกอบละครมากมายของ ‘ปิเอโรต์: กำเนิดวายร้าย’ ดังขึ้นในหัว ในจังหวะนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังกวาดล้างคนไร้บ้านก็ปรากฏตัวขึ้นบนชานชาลา สายตาของอันกาบกพลันแปรเปลี่ยนเป็นมุมมองของกล้อง

คังวูจินปรากฏตัว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ...

‘ ‘โจ๊กเกอร์’ กำลังเต้นรำ และตำรวจที่ไล่ตามเขา’

เขากำลังวาดฉาก ‘โจ๊กเกอร์’ ขึ้นในหัว

ภาพตำรวจสองนายกำลังกวาดล้างคนไร้บ้านเบื้องหน้า ในสายตาผู้กำกับอันกาบกกลับกลายเป็นฉาก ‘โจ๊กเกอร์’ กำลังเยาะเย้ยตำรวจด้วยลีลาแท็ปแดนซ์ ตำรวจที่เดือดดาลพยายามวิ่งไล่ตามคังวูจิน หรือก็คือ ‘โจ๊กเกอร์’ ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตเทอะทะ แต่ก็ไม่ทัน ‘โจ๊กเกอร์’ ที่ยังคงยิ้มเยาะและจุดบุหรี่อย่างสบายอารมณ์

‘โจ๊กเกอร์’ นั่งลงบนราวบันไดแล้วไถลตัวลงมาราวกับว่าเล่นสไลเดอร์

เขาพ่นควันบุหรี่ยาวเหยียด ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนบันได ตำรวจร่างอวบวิ่งตามมาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ ‘โจ๊กเกอร์’ ได้แต่แสยะยิ้ม ปัดผมสีแดงยาวของตัวเองไปด้านหลัง แล้วก้าวเท้าออกไปด้วยท่าทางราวกับกำลังเต้นแท็ปแดนซ์

ผู้กำกับอันกาบกเยื้องย่างไปยังบันไดพลางพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา

“วิเศษเหลือเกิน”

ทันใดนั้น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะได้เห็นภาพฉากที่เขาเพียรสร้างสรรค์ขึ้นมาปรากฏบนจอมอนิเตอร์ก็พลุ่งพล่านขึ้นในอก

‘อีกสองสัปดาห์ แต่ทำไมถึงเนิ่นนานราวกับสองร้อยปีได้กันนะ’

เขาหันไปบอกทีมงานชาวต่างชาติที่เดินเข้ามาใกล้เป็นภาษาอังกฤษว่า

“ฉากนี้เราจะถ่ายทำกันตรงนี้”

ผู้กำกับอันกาบกล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบไพ่ใบหนึ่งออกมา บนไพ่นั้นปรากฏรูป ‘โจ๊กเกอร์’ ลอยเด่นอยู่กลางใบ

“การถ่ายทำฉากแรก เราจะเริ่มที่ฉากที่ ‘โจ๊กเกอร์’ ฟื้นคืนสติ”

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป วันที่ 4 มิถุนายน ณ ประเทศเกาหลี

เดือนพฤษภาคมลาลับ ฤดูร้อนเดือนมิถุนายนมาเยือนพร้อมกับอากาศที่ร้อนระอุ ผู้คนบนท้องถนนต่างสวมใส่เสื้อผ้าบางเบาคลายร้อน ยามบ่ายคล้อย ภายในรถตู้คันหนึ่งที่กำลังแล่นฉิวอยู่บนทางด่วน นักเขียนชเวนานา เจ้าของผลงาน ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ที่โด่งดังกึกก้องไปทั่วโลกนั่งอยู่

เธอลวบผมยาวสลวยที่ม้วนเป็นลอนขึ้นอย่างนุ่มนวล สายตาจับจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือพลางอ่านข่าวเกี่ยวกับผลงานของเธอ ‘มารร้ายผู้แสนดี’

『 ‘มารร้ายผู้แสนดี’ เสียแชมป์อันดับ 1 ของโลก แต่ยังคงแข็งแกร่งในอันดับ 2』

『 ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กวาด 10 รางวัลเอมมี่ Youtuberชื่อดังต่างประเทศทำคลิปล้อเลียน ยืนยันความเป็นซีรีส์สุดปัง』

『[ประเด็นร้อน] ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กลืนกินโลก มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการสร้างพาร์ท 2』

นักเขียนชเวนานาขยับแว่นขึ้นพลางเปลี่ยนหัวข้อการค้นหา นิ้วเรียวพิมพ์ชื่อ ‘คังวูจิน’ ลงไป ผลลัพธ์มากมายปรากฏขึ้นราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก

‘ว้าว... สุดยอด!’

แม้จะรู้ถึงอิทธิพลอันมหาศาลของคังวูจินดีอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้เห็น เธอก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก การเสิร์ชหาชื่อคังวูจินจึงกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของนักเขียนชเวนานาไปโดยปริยาย ปัจจุบันค่าตัวของเธอก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน แม้จะยังไม่อาจเทียบชั้นคังวูจินได้ก็ตาม แต่ด้วยผลงานชิ้นแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ทำให้เธอได้รับการติดต่อจากต่างประเทศมากมายในช่วงนี้

ทันใดนั้นเอง เสียงใส ๆ ก็ดังขึ้น

“คุณนักเขียนคะ”

หญิงสาวที่นั่งข้างนักเขียนชเวนานาเอ่ยขึ้น เธอคือคิมโซฮยาง ผู้จัดการทั่วไป อันที่จริงรถตู้คันนี้ออกเดินทางมาจาก Netflix เกาหลี โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่จังหวัดคย็องกี ณ กองถ่ายละครเรื่อง ‘มารร้ายผู้แสนดี’

ผู้จัดการทั่วไปคิมโซฮยางยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามนักเขียนชเวนานา

“เรื่องราวของ ‘มารร้ายผู้แสนดี 2’ คิดพล็อตเรื่องออกบ้างหรือยังคะ?”

นักเขียนชเวนานาวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วเกาหัวแกรก ๆ

“ยังเลยค่ะ... บอกตรง ๆ ว่าเรื่องเดิมมันเปิดเรื่องด้วยจังยอนอู ถ้าเปลี่ยนตัวนักแสดงนำ ฉันก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกัน”

คิมโซฮยางถอนหายใจเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจเช่นกัน

"เฮ้อ..." ผู้อำนวยการคิมโซฮยางถอนหายใจยาว "แน่นอนว่าจังยอนอูเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำเนินเรื่องต่อไป แต่ค่าตัวของคุณคังวูจินที่พุ่งสูงขึ้นหลายสิบเท่านั้นแหละค่ะ อีกทั้งตารางงานก็เป็นอุปสรรคใหญ่หลวง ฉันได้สอบถามท่านประธานชเวแล้ว เขาแจ้งว่าตารางงานของคุณคังวูจินเต็มทั้งปีนี้และปีหน้าเลยค่ะ"

"ฉันก็พอจะคาดการณ์ไว้แล้วล่ะ" นักเขียนชเวนานากล่าว "แต่ถ้า ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ปราศจากคุณวูจิน คนดูจะยังติดตามชมอยู่หรือเปล่านะคะคุณผู้อำนวยการ"

ผู้อำนวยการคิมโซฮยางเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังครุ่นคิด "······คนดูคงลดลงอย่างมาก อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่จะให้ฉันปฏิเสธข้อเสนอพร้อมเงินทุนมหาศาลจาก Netflix มันก็เป็นเรื่องยากลำบากใจสำหรับฉันเหลือเกิน"

"ฉันเองก็รัก ‘มารร้ายผู้แสนดี’ มาก จึงตอบตกลงไปแล้ว" นักเขียนชเวนานาสารภาพ "แต่เอาเข้าจริง ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีนักแสดงคนไหนสามารถมารับช่วงต่อจากคุณวูจินได้อย่างสมบูรณ์แบบ"

นักเขียนชเวนานาและผู้อำนวยการคิมโซฮยางสนทนากันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่นักเขียนชเวนานาจะก้มหน้าลง ใบหน้าของเธอฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง แม้ใจจะยังขุ่นมัว แต่นิ้วมือก็ยังคงขยับไปมาบนหน้าจอ

- สวึบ

นักเขียนชเวนานาเปิดแอปพลิเคชัน Instagram เธอเลื่อนดูไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบเจอบัญชีของคังวูจิน ก่อนจะเลื่อนต่อไปยังบัญชีที่เธอเข้าชมเป็นประจำ ทันใดนั้น ประกายแห่งความตื่นเต้นก็ฉายขึ้นมาบนใบหน้าที่เคยหม่นหมองของเธอ

"อ๊ะ!!"

เธอร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะหันไปบอกผู้อำนวยการคิมโซฮยางทันที

"ประกาศผลแล้วค่ะ!!"

นักเขียนชเวนานารีบยื่นโทรศัพท์ให้ผู้อำนวยการคิมโซฮยางดู หน้าจอโทรศัพท์ที่เธอเปิดค้างไว้ปรากฏข้อความว่า

-[สวัสดีครับ รางวัลสถาบันศิลปะและวิชาการทางโทรทัศน์ (ATAS) ครับ]

เป็นช่องทางการขององค์กรผู้จัด ‘รางวัลเอมมี่’ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘รางวัลออสการ์’ แห่งวงการโทรทัศน์ สถาบันศิลปะภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งสหราชอาณาจักร (ATAS) เพิ่งประกาศข่าวอย่างเป็นทางการ โดยนักเขียนชเวนานา ร้องตะโกนสรุปใจความสำคัญออกมาว่า

“‘รางวัลเอมมี่! วันที่ 1 สิงหาคมนี้!’”

หมายความว่าเหลือเวลาไม่ถึงสองเดือนแล้ว

ณ จังหวัดคย็องกี

เหล่าทีมงานกว่าร้อยชีวิตของกองถ่าย ‘มารร้ายผู้แสนดี’ จ้องมองไปยังบริเวณถ่ายทำอย่างเงียบกริบ PDผู้กำกับซงมันวู ใบหน้าเคร่งขรึม จ้องมองไปยังจอภาพหลายจอ โดยเฉพาะจอที่แสดงภาพใบหน้าของนักแสดง

“······”

บุคคลบนจอภาพนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นคังวูจิน ในตอนนี้ วูจินที่สวมบทบาท ‘จังยอนอู’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กำลังถอดเสื้อสูทพลางพึมพำ

“ร้อนชะมัด”

วูจินในบริเวณถ่ายทำเดินตรงไปยังกล้อง ใบหน้าฉายแววเบื่อหน่าย ราวกับพนักงานบริษัทที่อ่อนล้า เมื่อเขาเดินเข้าใกล้กล้องมากขึ้น ก็เอ่ยบทสนทนาต่อ

“ต่อไป-”

เขาก้าวผ่านกล้องไป แต่กล้องยังคงนิ่งอยู่ ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วกองถ่ายราว 5 วินาที จากนั้นทุกสายตา ทั้งของคังวูจินและทีมงานกว่าร้อยชีวิต ก็หันไปจับจ้องที่ PDผู้กำกับซงมันวูหนวดเคราผู้กำลังจ้องมองจอภาพ

“คัท”

PDซงมันวูส่งสัญญาณสั้น ๆ แล้วลุกขึ้นสบตากับคังวูจิน พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้

“โอเค คุณวูจิน เยี่ยมมาก เหนื่อยหน่อยนะครับ”

ในทันใดนั้น เหล่าทีมงานกว่าร้อยชีวิตก็ส่งเสียงร้องกึกก้องราวกับนัดหมายกันมา PDซงมันวูรีบตรงเข้าไปหาคังวูจินที่กำลังปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อผ้า พร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อขอจับ

“ผมรอชม ‘ปิเอโรต์: กำเนิดวายร้าย’ อยู่นะครับ”

คังวูจินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ครับ ไว้เจอกันที่ ‘รางวัลเอมมี่’ ครับ”

ในที่สุดการถ่ายทำ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ พาร์ท 2 ก็สิ้นสุดลง

-จบ-

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด