บทที่ 369 เรื่องใหญ่ของอ๋องอัน
จวนองค์ชายหยู – ห้องหนังสือ
เมื่อเซียวจิ่นเดินเข้ามาในห้อง คนที่รออยู่ด้านในต่างพากันทำความเคารพ
“ข้าน้อยถวายบังคมองค์ชาย”
เซียวจิ่นนั่งลงบนที่นั่งหลัก สีหน้าของเขาไม่เหลือความอบอุ่นที่เคยแสดงออกให้คนอื่นเห็น กลับกลายเป็นเย็นชาและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
“เรื่องที่หยางโจว พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”
คนที่ยืนอยู่ในห้องล้วนเป็นขุนนางในราชสำนัก แม้วันนี้พวกเขาจะไม่ได้สวมชุดขุนนาง แต่ท่าทางที่แสดงออกอย่างเคารพนบนอบก็บอกได้ชัดเจนว่าทุกคนในนี้ล้วนเป็นคนของเซียวจิ่น
ขุนนางเหล่านั้นต่างสบตากันไปมา แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด
จนกระทั่งสีหน้าของเซียวจิ่นแสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงได้มีคนหนึ่งค่อยๆก้าวออกมาข้างหน้า
ชายผู้นั้นคือ รองเสนาบดีเฉินเฉิง
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่า ผู้ว่าราชการหยางโจวทำการเกินไปจึงถูกสืบสวน หากขุนนางผู้อื่นได้รับการตักเตือน ย่อมไม่กล้ากระทำเช่นนั้นอีก”
“หึ”
เซียวจิ่นหัวเราะเยาะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นทำให้ขุนนางทั้งหมดในห้องต่างก้มตัวต่ำลงอย่างเกรงกลัว
“ข้ากลับคิดว่า เรื่องนี้มีเงื่อนงำ”
เฉินเฉิงชะงักไป แต่ไม่นานนักเขาก็เก็บอาการและตั้งสติ
“ความหมายของฝ่าบาทคือ...มีคนแอบแพร่งพรายความลับหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ขุนนางคนอื่นๆก็พากันคุกเข่าลงทันที
“ขอฝ่าบาทโปรดเมตตา กระหม่อมทั้งหลายไม่กล้ากระทำเช่นนั้น!”
“ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งตื่นตกใจ” เซียวจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าย่อมรู้ดีว่าพวกเจ้าเป็นคนเช่นไร แต่หยางโจวนั้นอยู่ห่างจากเมืองหลวงนัก เรื่องที่เกิดขึ้นข้าเองก็ยากจะควบคุมได้”
แม้คำพูดจะฟังดูอ่อนโยน แต่สายตาที่เขามองขุนนางเหล่านั้นกลับเย็นเยียบ
ขุนนางที่คุกเข่าอยู่ไม่มีใครกล้าลุกขึ้น ยังคงก้มศีรษะต่ำ รอฟังคำสั่งของเขา
“เรื่องที่หยางโจว ไม่ต้องสืบสวนต่อไปก็ไร้ประโยชน์ แต่สิ่งที่ควรเก็บกวาด อย่าให้มีใครเหลือร่องรอย คงรู้ว่าต้องทำอย่างไร”
“พวกกระหม่อมเข้าใจดี”
ทุกคนเข้าใจทันทีว่า ผู้ว่าราชการหยางโจวคงถูกส่งตัวกลับเมืองหลวงในไม่ช้า และน่าจะไม่มีชีวิตรอดไปอีกไม่นาน
ขุนนางเหล่านั้นต่างสบตากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“ท่านเฉินอยู่ก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเฉิงรับคำสั่ง
เฉินเฉิงชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองเซียวจิ้น ก่อนรีบหลุบตาลงต่ำ
เมื่อขุนนางคนอื่นออกไปหมดแล้ว เซียวจิ่นจึงลุกจากที่นั่ง เดินมาหยุดอยู่ข้างเฉินเฉิง
“ท่านเฉิน มีเรื่องหนึ่งที่ข้าคิดแล้วคิดอีก และตัดสินใจจะมอบหมายให้ท่านจัดการ”
“โปรดฝ่าบาททรงสั่ง”
เฉินเฉิงตอบกลับโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เซียวจิ้นพยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นก็รบกวนท่านเฉินแล้ว”
จวนอ๋องอัน
ในขณะที่อ๋องอันกำลังเพลิดเพลินอยู่ใน "อ้อมกอดแห่งความสุข" เสียงประตูห้องก็ถูกพังเข้ามาอย่างแรง
“พวกเจ้าทำอะไร!”
บรรดานางสนมของอ๋องอันต่างพากันแตกตื่น วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง ส่วนอ๋องอันก็มองไปที่เหล่าทหารองครักษ์ที่บุกเข้ามาในห้องด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
หัวหน้าทหารองครักษ์ เฟิงหู่เดินนำเข้ามา ก่อนพูดเสียงเย็นชา “อ๋องอัน ฝ่าบาทมีราชโองการให้พวกข้านำตัวท่านเข้าเฝ้าในวังหลวง”
“เสด็จพ่อหรือ”
สีหน้าของอ๋องอันเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นทหารองครักษ์ทุกคนแสดงสีหน้าเย็นชา ความตึงเครียดในใจของเขายิ่งทวีคูณ
“เกิดอะไรขึ้น”
เฟิงหู่จ้องมองอ๋องอัน “โปรดตามมาเถิด”
“ข้าขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน!”
อ๋องอันรู้ดีว่าเขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ จึงหันหลังไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเดินตามทหารองครักษ์ออกไป
เสียงดังโครมครามในจวนดังไปถึงภายนอก ทำให้ข่าวลือเริ่มกระจายไปทั่วเมืองหลวง
ในพระราชวัง
อ๋องอันถูกนำตัวมายังท้องพระโรงจินหลวน
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องโถง เขาก็เห็นเหล่าขุนนางหลายคนคุกเข่าอยู่บนพื้น
เพียงเท่านั้น ขาของอ๋องอันก็อ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น แม้จะยังไม่ได้เดินเข้าไปใกล้
ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทอง เงยหน้าขึ้นมองลูกชายด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้าหก ยังไม่เข้ามาหรือ”
อ๋องอันรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนแทบขยับไม่ได้
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การที่ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินแสดงท่าทางเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น...
สายตาของอ๋องอันกวาดมองไปยังเหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่ คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกของเขาที่ทำงานให้เขาในทางลับ!
“ท่านเฟิง”
ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เฟิงหู่เข้าใจทันทีโดยไม่ต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติม เขาเดินเข้ามา คว้าตัวอ๋องอันราวกับยกเสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง และนำตัวเขาไปยังเบื้องหน้าพระพักตร์
อ๋องอันพยายามฝืนตัวเองให้นั่งคุกเข่าได้อย่างลำบาก
“หะ... หม่อมฉัน ถวายพระพรเสด็จพ่อ”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเรียกเจ้ามาเพราะเรื่องใด”
ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินไม่สนใจท่าทีที่ไร้ความสำรวมของอ๋องอันนัก เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยและถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนหน้าผากของอ๋องอัน ขณะที่เหล่าขุนนางที่หมอบอยู่ด้านข้างต่างตัวสั่น แต่ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงแม้แต่คำเดียว
“หม่อมฉัน... หม่อมฉันไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านหมัว ไปอธิบายให้ลูกรักของข้าฟังหน่อยสิ”
ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินเบนสายตาออกและเอ่ยสั่งอย่างเรียบง่าย
หมัวกงกงรับคำสั่ง โค้งตัวเดินลงมา ก่อนวางบัญชีหลายเล่มพร้อมกับก้อนแร่เหล็กก้อนหนึ่งลงตรงหน้าอ๋องอัน
อ๋องอันเย็นวาบไปทั้งตัว รีบก้มศีรษะลงกับพื้น พูดพลางคุกเข่าพลาง
“เสด็จพ่อ โปรดทรงอภัย โปรดทรงอภัย หม่อมฉัน... หม่อมฉันแค่อยากมอบของขวัญให้เสด็จพ่อ!”
น้ำเสียงของอ๋องอันเริ่มแหลมสูงขึ้น ความตื่นกลัวทำให้เขาเลิกติดอ่าง
ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินมองดูด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงความสนุกสนาน ไม่ได้ตรัสอะไร
หมัวกงกงเหลือบมองฮ่องเต้ เห็นพระองค์ไม่มีปฏิกิริยา จึงกล่าว “อ๋องอัน พระองค์ทรงพิจารณาบัญชีเหล่านี้ดีๆเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องอันกลัวจนมือสั่นเทา กว่าจะหยิบบัญชีขึ้นมาได้เล่มหนึ่งก็แทบหมดแรง
“เจ้าหก บอกข้าหน่อยสิว่า ของขวัญที่เจ้าบอกคืออะไร”
จู่ๆฮ่องเต้เจี้ยนเหวินก็เอ่ยขึ้น
อ๋องอันสะดุ้งเฮือก บัญชีหลุดมือร่วงลงพื้นอีกครั้ง
ไม่สนใจจะเปิดดู เขารีบก้มหน้าลงจนชิดพื้น “เสด็จพ่อ หม่อมฉันเพิ่งค้นพบเหมืองแห่งนี้เมื่อไม่นานมานี้ และตั้งใจจะนำมันมาให้เสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาจะยักยอกเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“แล้วแร่ล่ะ”
น้ำเสียงของฮ่องเต้เจี้ยนเหวินเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่หมัวกงกงที่อยู่ข้างๆ ยังรู้สึกเหมือนหัวใจบีบรัด เขาไม่ได้เห็นฮ่องเต้ทรงกริ้วเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
“แร่หรือ” อ๋องอันชะงัก “แร่ทั้งหมดอยู่ในเหมืองพ่ะย่ะค่ะ”
เขาคิดว่าฮ่องเต้ทรงกริ้วเพราะเขาไม่ได้รายงานเรื่องเหมืองแร่และการสร้างกลุ่มอำนาจ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่นั้น
แม้ว่าเหล่าขุนนางที่ก้มหมอบอยู่จะเป็นพวกของเขา แต่เขารู้ดีว่าหลังจากมารดาเสียชีวิต เขาไม่มีตระกูลแม่คอยสนับสนุน ดังนั้นเขาเข้าใจขีดจำกัดของตัวเอง เขาจึงเลือกที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่น้องคนอื่นๆ เพื่อให้ไม่ว่าใครขึ้นครองบัลลังก์ เขาจะสามารถอยู่รอดได้
“ฮ่า...”
ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินแค่นหัวเราะ ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังลั่น “เหมืองหรือ เจ้าหก เจ้ากล้าโกหกข้าต่อหน้าหรือ ข้าส่งคนไปตรวจสอบเหมืองนั้นแล้ว แต่ข้าไม่พบแร่อะไรเลย!”
“เป็นไปไม่ได้!”
อ๋องอันเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ
แต่ไม่นานนัก เขาก็รู้ตัวว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นการทำให้ฮ่องเต้เสียหน้า
เหมืองแร่มีหรือไม่มีนั้น ฮ่องเต้ทรงให้คนตรวจสอบแน่นอนแล้ว และหากเขาเถียงเช่นนี้ก็ยิ่งเหมือนกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง
เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังของอ๋องอันจนเสื้อผ้าด้านในเปียกชุ่ม
“เสด็จพ่อ โปรดทรงพิจารณา หม่อมฉันไม่ได้ยักยอกแร่เหล็กเหล่านั้นจริงๆ!”
อ๋องอันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่กลับไม่มีหลักฐานใดมาสนับสนุนคำพูดของเขา
ฮ่องเต้เจี้ยนเหวินมองดูด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะโบกพระหัตถ์ “จับอ๋องอันไปขังไว้ก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฟิงหู่เดินเข้ามา คว้าตัวอ๋องอันอย่างง่ายดาย และนำตัวเขาไปพร้อมกับเหล่าขุนนางคนอื่น ๆ