บทที่ 365 ล้มเหลว
สายตาเคร่งเครียดของจางโหยวเหลียงจับจ้องไปที่ตุ่มนูนเล็กๆบนแขนของซูเล่ออวิ๋น
ภายใต้ฤทธิ์ของยาชา ซูเล่ออวิ๋นหมดสติสนิท แต่ตุ่มนูนนี้กลับไม่ได้รับผลกระทบเลย
นั่นหมายความว่า ยาชาใช้ไม่ได้ผลกับหนอนพิษ
หนอนพิษยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องบนแขนของซูเล่ออวิ๋น
จางโหยวเหลียงยกมือขึ้น วางนิ้วอย่างมั่นคงเหนือจุดที่ตุ่มนูนปรากฏ โดยห่างออกไปประมาณสามนิ้ว
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเหลียนซินและชุ่ยลิ่ว จางโหยวเหลียงค่อยๆใช้มีดเล็กกรีดผิวหนังของซูเล่ออวิ๋น เลือดสดๆไหลออกมาทันที
เขากรีดลึกลงไปเรื่อยๆใกล้จะถึงจุดที่ตุ่มนูนอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้น จางโหยวเหลียงก็หยุด
เพราะตุ่มนูนใต้ปลายนิ้วของเขา…หายไปแล้ว
หนอนพิษซ่อนตัว
จางโหยวเหลียงไม่แสดงความตื่นตระหนก เขาหยิบเข็มเงินออกมาแล้วปักลงบนจุดสำคัญหลายจุดบนแขนของซูเล่ออวิ๋น เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดออกมากเกินไป เขาวางมีดลงข้างๆ
กล้ามเนื้อและกระดูกที่ไขว้กันใต้ผิวหนังเผยให้เห็นลางๆ ทำให้เหลียนซินและชุ่ยลิ่วหน้าซีด
ทั้งสองคนมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บปวดใจ ทั้งสงสารและเสียใจ
หากพวกนางระมัดระวังมากกว่านี้ คุณหนูก็คงไม่ถูกลักพาตัวไปและถูกวางพิษเช่นนี้
“หยิบขวดสีน้ำตาลมาให้ข้า”
จางโหยวเหลียงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เหลียนซินไม่รอช้า รีบหยิบขวดสีน้ำตาลมาให้ทันที
ขณะที่นางกำลังจะเปิดจุกขวด จางโหยวเหลียงพูดขึ้น “ไม่ต้องเปิด”
เหลียนซินปล่อยมือแล้วส่งขวดให้เขา
หลังจากที่เลือดบนแขนของซูเล่ออวิ๋นหยุดไหล จางโหยวเหลียงค่อยๆ เปิดขวดสีน้ำตาลอย่างระมัดระวัง แล้วเทของเหลวด้านในลงบริเวณแผล โดยไม่ให้ของเหลวนั้นสัมผัสกับบาดแผลโดยตรง
เหลียนซินที่อยู่ใกล้ๆ เห็นสิ่งที่จางโหยวเหลียงเทออกมา
มันเป็นของเหลวเหนียวๆ สีแดงน้ำตาล ดูคล้ายกับเลือดที่คนโดนพิษคายออกมา มีกลิ่นเหม็นอับจางๆ
ของเหลวเหนียวสีแดงน้ำตาลนี้หยดลงบนผิวหนังและหยุดอยู่ที่จุดนั้นโดยไม่ไหลกระจายออกไป
จางโหยวเหลียงก้มตาลง ใช้ปิ่นปักผมที่ทำจากหยกเขี่ยของเหลวออกช้าๆ
จากนั้นเขาหยิบเทียนไขมาจุดไฟ แล้วนำไปวางใกล้กับแขนของซูเล่ออวิ๋น
ทั้งสามถอยหลังออกมาไม่กี่ก้าว
ความร้อนจากเปลวเทียนแผ่กระจายไปยังแขนของซูเล่ออวิ๋น
กลิ่นเหม็นจากของเหลวเหนียวข้นยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่กลิ่นแรงขึ้นจนเกือบทนไม่ได้ เหลียนซินและชุ่ยลิ่วก็สังเกตเห็นสารสีเหลืองขุ่นเริ่มไหลออกมาจากแผลของคุณหนู
ทั้งสองคนขนลุกซู่ทันที
นั่นคือสารที่หนอนพิษขับออกมา เป็นสัญญาณว่ามันกำลังถูกดึงดูดออกมาจากร่างกาย
จางโหยวเหลียงส่งสัญญาณให้เหลียนซินและชุ่ยลิ่วถอยออกไปอีก ส่วนตัวเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของหนอนพิษ
ร่างของหนอนพิษเริ่มโผล่ออกมาจากแผลเล็กน้อย มันขยับปากเล็กๆของมันและขับสารสีเหลืองขุ่นออกมา
หนอนพิษที่ควรจะเป็นสีดำสนิท ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงจนมองเห็นโครงสร้างภายในของมันได้
ลวดลายบนตัวมันปรากฏให้เห็นเลือนราง พร้อมกับจุดเล็กๆ สีแดงคล้ายกับเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของมนุษย์
จางโหยวเหลียงจ้องมองหนอนพิษอย่างระมัดระวัง
มันโผล่ออกมาเพียงครึ่งเดียว แต่เนื่องจากอุณหภูมิอาจยังไม่พอ หรือการออกจากร่างของเจ้าของทำให้มันไม่สบายใจ หนอนพิษจึงค่อยๆถอยกลับเข้าไปในร่างของซูเล่ออวิ๋น
จางโหยวเหลียงเม้มปากแน่น เขารู้ว่าครั้งนี้ล้มเหลว
เมื่อหนอนพิษกลับเข้าไปในร่างกายของซูเล่ออวิ๋นเรียบร้อยแล้ว จางโหยวเหลียงเดินไปข้างหน้า ใช้เครื่องมือขูดเอาของเหลวสีแดงน้ำตาลที่เหลืออยู่บนแขนออก แล้วใส่กลับเข้าไปในขวดสีน้ำตาล
“ท่านจาง…นี่ล้มเหลวแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
เหลียนซินถามอย่างลังเล นางเห็นหนอนพิษกลับเข้าไปในร่างของซูเล่ออวิ๋น จึงพอจะเข้าใจว่าผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ แต่นางยังอดไม่ได้ที่จะถาม
จางโหยวเหลียงพยักหน้า “อาจพูดว่าล้มเหลวก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว อย่างน้อยเราก็พิสูจน์ได้ว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลในระดับนึง”
เขาพูดพลางเริ่มเย็บแผลบนแขนของซูเล่ออวิ๋น
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย จางโหยวเหลียงเดินออกจากห้อง
“ท่านจาง เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
ซูเยี่ยรีบเข้าไปหาจางโหยวเหลียงทันทีที่เขาออกมาจากห้อง
ด้านหลังของเขา ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า
จางโหยวเหลียงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น*“หนอนพิษยังคงอยู่ในร่างของนาง ตอนนี้ยังนำมันออกมาไม่ได้”
“แล้วควรทำอย่างไรต่อหรือ” ซูเยี่ยถามด้วยความร้อนใจ
“ข้ามีวิธีอยู่ในใจแล้ว แต่จำเป็นต้องลองอีกสักสองสามครั้ง หนอนพิษครั้งนี้มีบางส่วนออกจากร่างของนางไปแล้ว ซึ่งช่วยให้เราซื้อเวลาได้”
จางโหยวเหลียงอธิบาย
หนอนพิษจากดินแดนหนานเจียงส่วนใหญ่ เมื่อออกจากร่างของเจ้าของร่างแล้ว จะตายทันที ซึ่งหมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างมันกับเจ้าของร่างถูกตัดขาด
ตอนที่หนอนพิษคลานกลับเข้าไปในร่างของซูเล่ออวิ๋น จางโหยวเหลียงสังเกตเห็นว่ามันมีสีเข้มขึ้น
นั่นแสดงว่าหนอนพิษจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ในร่างของซูเล่ออวิ๋นอีกระยะหนึ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับร่างกายของนางขึ้นใหม่
นี่คือสิ่งที่จางโหยวเหลียงหมายถึงเมื่อพูดว่า “ช่วยให้เราซื้อเวลาได้”
หนอนพิษจะเชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์กับร่างกายของเจ้าของร่างเมื่อมันอาศัยอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานพอ
และก่อนที่จะถึงจุดนั้น หากเจ้าของหนอนพิษพยายามบังคับใช้พลัง มันจะส่งผลให้เขาได้รับบาดเจ็บเอง
การบาดเจ็บนั้นอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้จางโหยวเหลียงกังวลคือ หากฝ่ายตรงข้ามพยายามบังคับใช้พลังในช่วงนี้ พวกเขาจะรับมืออย่างไร
“เจ้าสืบเรื่องหลานมามาได้บ้างหรือยัง” จางโหยวเหลียงถามขึ้น
ซูเยี่ยมีสีหน้าขรึม “ยังไม่มีเบาะแส ท่านจาง ท่านคิดว่าครั้งนี้หลานมามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ขอรับ”
“ซูหว่านเอ๋อร์ไม่น่าจะเป็นเจ้าของหนอนพิษ ข้าคิดว่าหลานมามา คือกุญแจสำคัญในการไขปริศนานี้” จางโหยวเหลียงตอบ
“เข้าใจแล้ว ข้าจะส่งคนไปสืบเรื่องของนางเพิ่มเติม”
“ครั้งนี้ที่หนอนพิษเคลื่อนไหว ข้าสงสัยว่าหลานมามาอาจอยู่ใกล้ๆ”
จางโหยวเหลียงเตือน ซูเยี่ยพยักหน้า แล้วหันหลังไปจัดการเรื่องคน
ซุนเส้าและซุนฉางผิงเดินเข้ามาใกล้ จนจางโหยวเหลียงหันไป
“วันนี้ต้องรบกวนท่านมาก”
“ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ต้องเกรงใจ อีกหนึ่งชั่วยามเล่ออวิ๋นจะฟื้นขึ้นมา ข้าต้องกลับไปศึกษาเพิ่มเติมก่อน จึงไม่ขออยู่ต่อ”
หลังจากโค้งคำนับลา จางโหยวเหลียงก็เดินออกจากลานไป
ซุนเส้าและซุนฉางผิงสบตากัน ก่อนซุนเส้าจะพูดขึ้นว่า “เจ้าไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวเรื่องทางฝั่งเจียงหรูข้าจะไปอธิบายเอง”
“ขอรับ ท่านพ่อ”
หลังจากซุนฉางผิงจากไป ซุนเส้ายืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังห้องด้านข้างเพื่อรอให้ซูเล่ออวิ๋นฟื้น
---
ฤทธิ์ของยาชาค่อยๆจางหายไป หนึ่งชั่วยามให้หลัง ซูเล่ออวิ๋นก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
เหลียนซินรีบเข้ามาประคองนางให้ลุกขึ้นนั่ง “คุณหนู รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ”
ซูเล่ออวิ๋นหันไปมองแผลที่ถูกพันผ้าไว้บนแขนของนาง แล้วเอ่ยถาม “หนอนพิษเอาออกมาได้หรือไม่”
“...”
เหลียนซินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะส่ายหน้า “เรียนคุณหนู ยังไม่สำเร็จเจ้าค่ะ”
ซูเล่ออวิ๋นดูเหมือนจะรู้คำตอบนี้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่ได้แสดงความผิดหวังออกมา
“ท่านจางพูดว่าอย่างไรบ้าง”
เหลียนซินถ่ายทอดคำพูดของจางโหยวเหลียงให้ซูเล่ออวิ๋นฟังอย่างละเอียด
เมื่อพูดจบ นางก็เสริมขึ้นอีกว่า “คุณหนู ท่านจางกำชับไว้ หากคุณหนูรู้สึกไม่สบายตรงไหน ต้องบอกพวกบ่าว อย่าปิดบังเด็ดขาด”
“ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องกังวล หากข้ารู้สึกผิดปกติ ข้าจะบอกพวกเจ้าแน่นอน”
ซูเล่ออวิ๋นพูดพร้อมรอยยิ้ม น้ำเสียงของนางอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบใจเหลียนซินเสียเอง