บทที่ 359 ไปดูที่หยางโจว
ในห้อง ลู่เสวี่ยหยาหลุบตาลงต่ำ ยกถ้วยชาขึ้นจิบเบา ๆ
ช่วงนี้ไม่ได้พบกันสักพัก ซูเล่ออวิ๋นรู้สึกว่าลู่เสวี่ยหยามีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูก
ความรู้สึกแบบนี้ ในชาติก่อนนางไม่เคยสัมผัสจากตัวลู่เสวี่ยหยาเลย
“พี่สาว พี่อยากแต่งงานกับองค์ชายหยูจริงๆหรือ”
ซูเล่ออวิ๋นมองลู่เสวี่ยหยานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามออกมา
มือที่ถือถ้วยชาของลู่เสวี่ยหยาสั่นเล็กน้อย
แม้ว่านางจะรู้ว่าความลับนี้ไม่อาจปิดบังซูเล่ออวิ๋นได้ แต่การที่อีกฝ่ายเอ่ยถามตรงๆเช่นนี้ ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่ได้
“เล่ออวิ๋น ข้าไม่เหมือนเจ้า”
ลู่เสวี่ยหยาไม่ได้ตอบว่าอยากหรือไม่อยาก เพราะไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร องค์ชายหยูก็เป็นทางเลือกสุดท้ายของนางอยู่ดี
“องค์ชายหยูไม่ใช่คนที่เหมาะสม” ที่สำคัญ เขาจะต้องตาย
ดวงตาของซูเล่ออวิ๋นทอประกายลึกซึ้ง แค้นตระกูลซุน นางจะต้องทำให้เขาชดใช้
“เล่ออวิ๋น เจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไป”
ไม่รู้ว่าทำไมลู่เสวี่ยหยาถึงหัวเราะออกมา “สำหรับข้าแล้ว การเป็นคนที่เหมาะสมหรือไม่มันสำคัญตรงไหน จริงๆข้ากลับมองว่าเขาคือ ‘คนที่เหมาะสม’ เสียด้วยซ้ำ”
คำว่า “คนที่เหมาะสม” ลู่เสวี่ยหยาย้ำเสียงหนักเป็นพิเศษ
“ข้าแค่คิดว่า ลู่เสวี่ยอิ๋งที่ต้องแต่งงานกับองค์ชายหยูเหมือนกัน มันทำให้ข้ารู้สึกสบายใจอย่างประหลาด”
ซูเล่ออวิ๋นเข้าใจ ลู่เสวี่ยหยาไม่สนใจอีกแล้วว่าสามีในอนาคตจะเป็นใคร
นางสนใจเพียงแค่การดึงลู่เสวี่ยอิ๋งให้ลงไปในหล่มเดียวกัน
เหตุการณ์ในสวนวันนั้น ซูเล่ออวิ๋นไม่ได้เห็นกับตา
แต่จากสีหน้าของทั้งสามคนในตอนนั้น นางรู้ดีว่านี่เป็นอุบัติเหตุที่วางแผนมาอย่างดี
องค์ชายหยูกลายเป็นปลาตัวหนึ่งที่ลู่เสวี่ยหยาและลู่เสวี่ยอิ๋งต่างเล็งไว้
คิดแล้วก็ตลก คนอย่างเขายังตกหลุมพรางนี้ได้
“พี่สาว ข้าช่วยพี่ได้”
ในชาติที่แล้ว ลู่เสวี่ยหยาส่งซุนเจียงหรูไปสู่สุขคติครั้งสุดท้าย นั่นเป็นบุญคุณที่ซูเล่ออวิ๋นต้องตอบแทน
ลู่เสวี่ยหยามองซูเล่ออวิ๋นด้วยแววตาแฝงความสงสัย
แม้ว่าในตอนแรกซูเล่ออวิ๋นจะสนิทกับนาง แต่หลังจากที่ซุนเจียงหรูหย่ากับซูฉางชิง
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับซูเล่ออวิ๋นก็ค่อยๆห่างออกไป นางไม่เข้าใจว่าทำไมซูเล่ออวิ๋นถึงอยากช่วยนาง
หรือว่ามีอะไรบางอย่างที่ซูเล่ออวิ๋นต้องการ
ลู่เสวี่ยหยาหัวเราะเยาะตนเอง นางมีอะไรที่ซูเล่ออวิ๋นจะต้องการได้
แม้ซุนเจียงหรูจะหย่าร้างและเสียชื่อเสียงไปแล้ว แต่ซูเล่ออวิ๋นก็ยังเป็นคุณหนูตระกูลซุนที่มีครอบครัวหนุนหลัง ต่างจากนางที่ต้องดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเอง
“เจ้าไม่ได้ถูกลู่เสวี่ยอิ๋งส่งมาหาข้าใช่ไหม” นี่คือข้อสันนิษฐานสุดท้ายของลู่เสวี่ยหยา
แต่แม้กระทั่งตัวนางเองก็ไม่ค่อยเชื่อข้อสันนิษฐานนี้
ซูเล่ออวิ๋นมองทะลุความหวาดกลัวในใจลึกๆ ของลู่เสวี่ยหยา นางส่ายหัว “พี่สาว ข้าอธิบายไม่ได้ แต่ข้าเชื่อว่าพี่เองก็คงไม่เชื่อว่าข้าถูกลู่เสวี่ยอิ๋งส่งมาหาใช่ไหม ข้าจริงใจและพร้อมที่จะช่วยพี่ได้ ตระกูลซุนมีญาติห่างๆอยู่ที่หยางโจว ข้าให้คนสืบมาแล้ว นี่คือข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับพวกเขา” นางยื่นกระดาษที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ให้ลู่เสวี่ยหยา
ลู่เสวี่ยหยามองอยู่นาน ก่อนจะยื่นมือรับไป
จากนั้นสายตาของลู่เสวี่ยหยาก็ตกลงไปยังแผ่นกระดาษ
เนื้อหาบนกระดาษมีรายละเอียดอย่างครบถ้วน อีกฝ่ายมีอายุใกล้เคียงกับนาง ทำธุรกิจร้านค้าเล็กๆ พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ มีพี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็ก ครอบครัวดูอบอุ่นและใกล้ชิดกัน
นอกจากรูปร่างหน้าตาที่ธรรมดาแล้ว ลู่เสวี่ยหยาก็ไม่สามารถหาข้อเสียอะไรจากข้อมูลนี้ได้เลย
ทั้งภาพวาด ทั้งข้อมูลของพ่อแม่และพี่น้อง เอกสารนี้ละเอียดมาก
หากซูเล่ออวิ๋นตั้งใจหลอกนาง ลู่เสวี่ยหยาก็ยอมรับว่านางคงถูกหลอกเข้าแล้วจริงๆ
“…”
ลู่เสวี่ยหยานิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะเลื่อนกระดาษคืนกลับไป
“เราจะปิดบังองค์ชายได้อย่างไร” นางไม่กล้าเสี่ยง
“ข้าไม่ได้รีบให้พี่สาวตัดสินใจทันที บันทึกนี้พี่เก็บไว้ก่อน วันแต่งงานของพี่กับองค์ชายยังเหลืออีกห้าวัน การเดินทางไป-กลับหยางโจวยังทัน”
ซูเล่ออวิ๋นพูดพร้อมกับสบตาลู่เสวี่ยหยา “ข้าสามารถจัดการให้พี่เดินทางไปหยางโจวเพื่อดูด้วยตัวเองได้”
ร่างของลู่เสวี่ยหยาสั่นเล็กน้อย นางจำต้องยอมรับว่าสิ่งที่ซูเล่ออวิ๋นทำทั้งหมดนี้ มันช่างน่าดึงดูดใจ
มองดูกระดาษบนโต๊ะ ลู่เสวี่ยหยาลังเลอยู่นาน ก่อนจะยื่นมือออกไปหยิบกระดาษกลับคืนมา
เมื่อเข้าใจถึงการตัดสินใจของลู่เสวี่ยหยา ซูเล่ออวิ๋นก็ถอนหายใจเบาๆ
“พรุ่งนี้ออกเดินทางก็ได้ แบบนี้พี่จะมีเวลาจัดการอะไรเล็กน้อย…”
“วันนี้เลยได้หรือไม่”
น้ำเสียงของลู่เสวี่ยหยาฟังดูเร่งรีบ พร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ซูเล่ออวิ๋นเข้าใจถึงความกระวนกระวายของลู่เสวี่ยหยา จึงพยักหน้า
“ได้ ข้าจะจัดคนคุ้มกันพี่เอง ทางบ้านลู่พี่ไม่ต้องกังวล”
“อืม”
ลู่เสวี่ยหยาขบริมฝีปาก หายใจกระชั้นถี่ด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
เรื่องส่งลู่เสวี่ยหยาไปหยางโจว ซูเล่ออวิ๋นวางแผนไว้ล่วงหน้า
แม้แต่เตรียมใจไว้แล้วว่าหากส่งลู่เสวี่ยหยาไป นางอาจจะไม่ได้กลับมาอีก
การเดินทางไปหยางโจว ทางน้ำเร็วกว่าเดินทางทางบก
ซูเล่ออวิ๋นส่งลู่เสวี่ยหยาขึ้นเรือ เรือค่อยๆลอยลำออกไปไกล
“กลับกันเถอะ”
นางหันกลับมา พูดกับเหลียนซินและชุ่ยลิ่ว
สาวใช้คนสนิทของลู่เสวี่ยหยาชื่อเสี่ยวอวี่ เดินตามหลังซูเล่ออวิ๋นด้วยท่าทีประหม่า
แต่เพราะเป็นห่วงคุณหนูของตัวเอง เสี่ยวอวี่จึงอดไม่ได้ที่จะถามเบาๆว่า
“คุณหนูซู ท่านคิดจะช่วยคุณหนูของข้าอย่างไรหรือ”
“มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณหนูของเจ้าเอง”
ซูเล่ออวิ๋นดูเหมือนจะให้ลู่เสวี่ยหยาเพียงหนึ่งทางเลือก แต่ในความเป็นจริง ลู่เสวี่ยหยายังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถเลือกได้
หากนางไม่อยากแต่งงาน นางยังสามารถเลือกทางอื่นได้
แต่ซูเล่ออวิ๋นไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เพราะอีกทางหนึ่งนั้นยุ่งยากกว่าการแต่งงานมาก
นางจะไม่โน้มน้าวลู่เสวี่ยหยา แต่ถ้าลู่เสวี่ยหยาเลือกทางนั้น นางก็พร้อมจะช่วย
“แล้วข้าต้องทำอะไรต่อไปหรือเจ้าคะ”
เสี่ยวอวี่ไม่เข้าใจคำพูดของซูเล่ออวิ๋น แต่ตอนนี้คุณหนูของนางก็ขึ้นเรือไปแล้ว แม้นางจะเข้าใจในตอนนี้ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้อยู่ดี
“เสี่ยวอวี่ เจ้ากลับไปกับข้าที่ตระกูลซุนก็พอ ทางบ้านลู่ คุณหนูของเราส่งคนไปแจ้งแล้วว่าคุณหนูลู่จะพักอยู่ที่ตระกูลซุนไม่กี่วัน” เหลียนซินดึงเสี่ยวอวี่ไปข้างๆ ก่อนจะชี้ไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินออกมาจากมุมห้อง
เสี่ยวอวี่ตาโตขึ้น “คุณหนู”
แต่คุณหนูของเธอไม่ใช่ขึ้นเรือไปแล้วหรือ
นางเห็นกับตาแท้ ๆ
“คุณหนูซู...”
‘ลู่เสวี่ยหยา’ โค้งคำนับให้ซูเล่ออวิ๋น
เสี่ยวอวี่กระพริบตา เสียงไม่เหมือนเดิม
เสียงของคุณหนูแท้จริงนั้นนุ่มนวลกว่าเล็กน้อย
แต่ใบหน้า…เหมือนกันอย่างไม่มีที่ติ แม้แต่เสี่ยวอวี่เองก็แทบแยกไม่ออก
“ทำตามที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้านี้ก็พอ”
ซูเล่ออวิ๋นกล่าวเตือน
‘ลู่เสวี่ยหยา’ พยักหน้า “เล่ออวิ๋น”
กระทั่งมาถึงตระกูลซุน เสี่ยวอวี่ยังคงรู้สึกสับสน ในสายตานาง หากไม่นับเรื่องเสียงที่ต่างออกไป คนตรงหน้านี้แทบจะเหมือนคุณหนูของนางไม่มีผิด
นางถึงกับรู้สึกว่าคุณหนูของนางอาจไม่ได้ขึ้นเรือไปตั้งแต่แรก
“คุณหนูลู่ เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
เหลียนซินนำทาง ‘ลู่เสวี่ยหยา’ และเสี่ยวอวี่ไปยังเรือนที่จัดเตรียมไว้
ทุกสิ่งในเรือนครบครัน พร้อมทั้งจัดหาสาวใช้ไว้คอยรับใช้เพิ่มเติม
“...พี่เหลียนซิน”
เมื่อเห็นเหลียนซินกำลังจะเดินจากไป เสี่ยวอวี่ขบริมฝีปากเรียกไว้
นางวิ่งตามไปจับแขนเหลียนซิน “พี่เหลียนซิน เรื่องนี้…”