บทที่ 359 หึหึ
บทที่ 359 หึหึ
เสียงฝนยังคงตกกระทบพื้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่ใช่แค่ที่หางโจว แต่ปักกิ่งก็เช่นกัน
สถานการณ์ที่ไม่เคยเจอ
สำหรับเฉินเฉิง แม้เขาจะผ่านการใช้ชีวิตสองครั้ง แต่สถานการณ์นี้กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเผชิญมาก่อน
เสียงฝนจากปลายสายทำให้เขารู้ว่าฝนที่ปักกิ่งตกหนักกว่าที่หางโจวมาก
ความเงียบจากปลายสายหลังจากบทสนทนากับฉินเหนียนและหวังเมิ่งทำให้เฉินเฉิงรู้ว่า เธอได้ยินทุกอย่างแล้ว
สถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เฉินเฉิงรู้ดีว่าการตัดสายหรือพยายามอธิบาย ณ จุดนั้นอาจจะทำให้เรื่องราวดูน่าสงสัยยิ่งขึ้น
เขาจึงเลือกที่จะปล่อยให้ฉินเหนียนและหวังเมิ่งพูดจนจบ โดยไม่ขัดจังหวะ
แต่ทันทีที่หวังเมิ่งพูดประโยคสุดท้ายจบ เสียงปลายสายก็ตัดไปทันที
โทรศัพท์ที่ไม่ได้รับ
เฉินเฉิงลองโทรกลับไป แต่สายถูกตัดทันทีที่เธอเห็นชื่อของเขา
เขาจึงส่งข้อความไปว่า
"รับสายเถอะ"
ไม่นานนัก โทรศัพท์ก็ถูกรับ แต่ปลายสายกลับเงียบสนิท
"เงียบแบบนี้ แปลว่าผมต้องพูดก่อนใช่ไหม?" เฉินเฉิงถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
"เงียบสิ จะให้พูดอะไรล่ะ?" เสียงของเจียงลู่ซีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เผชิญหน้าในหางโจว
เฉินเฉิงหันไปทางฉินเหนียนและหวังเมิ่งที่ยังยืนอยู่
“ฉินเหนียน” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"คะ?" ฉินเหนียนตอบรับพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
"เธอถามผมก่อนหน้านี้ใช่ไหม ว่าเพื่อนที่นั่งข้างผมตอนอยู่บนรถไฟคือใคร?"
"ใช่ค่ะ เธอบอกว่าเป็นเพื่อนของเธอ"
"ไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เธอเป็นแฟนของผม"
คำตอบที่เกินคาด
คำพูดของเฉินเฉิงทำให้ฉินเหนียนยืนอึ้งไปชั่วขณะ
รอยยิ้มที่เคยมีจางหายไปจากใบหน้าของเธอ
เฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินออกจากจุดนั้น ปล่อยให้ฝนที่เพิ่งหยุดตกช่วยล้างบรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ออกไป
ฝนที่ปักกิ่ง
แต่ฝนที่ปักกิ่งกลับยังคงตกหนัก เสียงฝนจากปลายสายยังคงดังชัดเจน
"ทำไมเงียบล่ะ?" เฉินเฉิงถามหลังจากเงียบกันไปนาน
"เธออยากให้พูดอะไร?" เจียงลู่ซีตอบกลับมา
"ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ เหรอ?" เฉินเฉิงถามย้ำด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
"ไม่มี"
การอธิบาย
"ถ้างั้น ผมพูดให้ฟังแล้วกัน"
เฉินเฉิงเริ่มเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ที่เขาเดินออกจากมหาวิทยาลัย จนถึงการพบกับฉินเหนียน
"ผมผิดเองที่ตอนแรกบอกเธอว่าเรายังเป็นแค่เพื่อนกัน ถ้าผมบอกตั้งแต่แรกว่าเราคบกัน เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น"
หลังจากฟังจบ เจียงลู่ซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"ใครกันเป็นแฟนของเธอ?"
"ปีนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้ว ใกล้จะเป็นแล้วล่ะ" เฉินเฉิงพูดติดตลก
"อีกครึ่งปีผ่านไปก็ไม่มีวันเป็นหรอก" เจียงลู่ซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
"เราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่แฟน เธอห้ามพูดแบบนี้อีก"
การตอบโต้แบบขี้เล่น
"โอเค ตอนนี้ยังไม่ใช่แฟน แต่เดี๋ยวผมกลับไปแก้ตัวกับเธอเอง บอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน" เฉินเฉิงพูด
"ห้ามไป!" น้ำเสียงของเจียงลู่ซีดังขึ้นอย่างฉับพลัน
"ทำไมล่ะ? ผมพูดผิดก็ต้องแก้ไขนะ"
คำพูดของเฉินเฉิงทำให้เจียงลู่ซีคิดถึงช่วงเวลาที่เขาเคยจับมือ กอด หรือแม้แต่จูบเธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
"ยังจะกล้าพูดเรื่องความบริสุทธิ์อีกเหรอ?"
"เธอพูดไปแล้วก็ปล่อยไปเถอะ คราวหน้าห้ามพูดแบบนี้อีก" เธอพูดเสียงเบา
"โอเค ถ้าคราวหน้ามีคนถาม ผมจะบอกว่าไม่มีแฟน" เฉินเฉิงพูดยิ้มๆ
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงสายปลายทางก็ถูกตัดอีกครั้ง
บทสรุปของการแกล้ง
เฉินเฉิงมองโทรศัพท์ในมือและหัวเราะเบาๆ
"เอาเถอะ ครั้งหน้าค่อยว่ากันใหม่"
เสียงฝนตกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
หางโจวและปักกิ่งต่างอยู่ในอ้อมกอดของสายฝนหนัก
บทสนทนาผ่านข้อความ
เฉินเฉิงส่งข้อความหาหลู่ซีทันทีหลังสายถูกตัด
"โอเคนะ แค่ล้อเล่นน่ะ สบายใจได้ ต่อไปถ้ามีคนถามอีก ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ ผมจะบอกไปเลยว่ามีแฟนแล้ว และแฟนผมคือคนที่ชื่อเจียงหลู่ซี"
ตามด้วยอีกข้อความ
"แต่สองครั้งที่ผ่านมา ให้อภัยนะครับ ครั้งหน้าอย่าพึ่งวางสายไปเฉยๆ อีก ไม่งั้นผมจะเป็นห่วง"
ไม่นาน เจียงหลู่ซีก็ตอบกลับมา
"ไม่ได้วางสายเฉยๆ นะ มันหลุดไปเอง ฉันไม่ได้วางจริงๆ"
ตามด้วยอีกข้อความ
"ฉันไม่ได้วางสายจริงๆ นะ"
เฉินเฉิงหัวเราะขณะพิมพ์ข้อความตอบกลับ
"โอเคๆ เธอไม่ได้วางเอง ผมเข้าใจแล้ว"
โทรศัพท์ที่หายไปและฝนที่ไม่หยุด
หลังจากรอสักพัก เฉินเฉิงโทรหาเจียงหลู่ซีอีกครั้ง
เธอรับสายแต่ยังไม่พูดอะไร
“ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่?” เขาถาม
“หลบฝน” เสียงจากปลายสายตอบกลับมาสั้นๆ
“ผมดูพยากรณ์อากาศ ปักกิ่งฝนตกหนักมาก งั้นผมโทรหานะ”
เฉินเฉิงพูดจบก็โทรหาเธอทันที
การพบกันที่ไม่คาดคิด
ที่มหาวิทยาลัยชิงฮวา เจียงหลู่ซีกำลังหลบฝนอยู่ในศาลาเล็กๆ
ทันใดนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งตรงเข้ามา เขาถือร่มมาในมือ
“เจียงหลู่ซี ผมชื่อเฉินปิง เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง คณะสถาปัตย์ครับ ผมเห็นเธอถือพัสดุหลบฝนอยู่ตรงนี้เลยรีบกลับไปเอาร่มมาให้”
เฉินปิงพูดอย่างตื่นเต้น ก่อนหลบสายตาอย่างเขินอายเมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆ ของเจียงหลู่ซี
"ผมรู้ว่าเธอไม่ชอบเดินกางร่มร่วมกับคนอื่น เลยเอามาให้ใช้เองครับ ฝนตกหนักแบบนี้อีกนานแน่ เธอรีบกลับหอพักเถอะ"
ปฏิกิริยาที่คาดไม่ถึง
เจียงหลู่ซีไม่ได้ตอบ เธอมองเฉินปิงครู่หนึ่งก่อนหัวเราะในใจ
เพราะขณะนั้นเอง เสียงของเฉินเฉิงที่ปลายสายเงียบไป
แทนที่จะตอบเฉินปิง เธอกลับโอบพัสดุไว้แน่นแล้ววิ่งออกไปกลางสายฝน
ความวุ่นวายของปลายสาย
เสียงฝนและเสียงฝีเท้าของเจียงหลู่ซีดังผ่านสาย
“นี่เธอทำอะไรอยู่?” เฉินเฉิงถาม
“กลับหอพัก”
“แล้วร่มของเขา?”
“เดาเอาเองสิ” เจียงหลู่ซีตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ
ความโมโหและความเป็นห่วง
"เจียงหลู่ซี! เธอบ้าไปแล้วเหรอ!” เฉินเฉิงตะโกน
“ฝนตกหนักแบบนี้เธอไม่คิดถึงสุขภาพตัวเองเลยหรือไง? จะเป็นไข้ไหมนี่!”
“อย่าดุสิ ไม่ให้พูดถึงแม่ฉันด้วย” หลู่ซีตอบเสียงเย็นๆ
“ถ้าอย่างนั้นหยุดอยู่ตรงนั้นก่อน หาที่หลบฝนแล้วรอให้หยุด” เฉินเฉิงพูดเสียงจริงจัง
“ไม่หยุดหรอก ฉันดูพยากรณ์อากาศแล้ว” หลู่ซียังคงยืนยัน
การทดสอบที่สนุกสนาน
“ทำไมไม่รับร่มจากเขาล่ะ?” เฉินเฉิงถาม
“รับแล้วเธอจะโกรธไหม?”
“ไม่โกรธ!”
“งั้นฉันไปเอาร่มมาเดินกางกับเขาดีไหม?”
“กล้าก็ลองดู!”
เสียงหัวเราะใสๆ ดังผ่านสาย เจียงหลู่ซีหัวเราะเบาๆ
“หึหึ”