ตอนที่แล้วบทที่ 26 พลังของลูกบอลทองคำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28 ตัวละครลึกลับ

บทที่ 27 ชนเผ่าอื่น ๆ


บทที่ 27 ชนเผ่าอื่น ๆ

ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำให้ทุกคนสะดุ้งตกใจ

แต่เมื่อแสงสีเขียวเรืองรองเหล่านั้นเผยให้เห็นตัวจริงของมัน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก

“กรอบแกรบ...”

เสียงเท้ากระทบใบไม้แห้งดังขึ้นเรื่อยๆ ฝูงหมาป่าสีเทาร่างใหญ่ค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากความมืดด้านนอกถ้ำ

ดวงตาสัตว์ที่สะท้อนแสงสีเขียววาววับในความมืด ทำให้บรรยากาศยิ่งดูน่าขนลุก

เมื่อมองไปยังฝูงหมาป่าสีเทากว่า 10 ตัวที่ปรากฏตัวตรงหน้า สีหน้าของคนเฝ้ายามทั้งห้าก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาทุกคนดูตึงเครียด

พวกเขามองสบตากัน ก่อนจะรวมกลุ่มยืนชิดกัน พร้อมกับค่อยๆ ถอยหลังไปทีละนิด

ด้วยจำนวนหมาป่ามากขนาดนี้ ต่อให้รวมกันทั้ง 5 คน ก็ไม่อาจต้านทานได้ไหว พวกเขาต้องรีบกลับเข้าไปในถ้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ

“เร็ว! รีบไปบอกคนในถ้ำ!”

หนึ่งในชายที่เฝ้ายามรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหลังกลับและวิ่งสุดกำลังเข้าไปในถ้ำ

ทันใดนั้น เหลือเพียง 4 คนที่ยืนเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าอยู่ด้านนอก

หมาป่าสีเทาทั้งหมดค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ พวกมันจ้องเขม็งด้วยดวงตาสีเขียวเรืองแสงที่เต็มไปด้วยความกระหายและดุร้าย

ในขณะที่ทั้งสี่คนยืนเฝ้าระวังอย่างเต็มที่และเตรียมพร้อมจะถอยหนีทันทีหากเกิดอันตราย

จู่ๆ หมาป่าสีเทาเหล่านั้นก็หยุดชะงัก!

“อะไรน่ะ?”

ทั้งสี่คนชะงักไปชั่วครู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมหมาป่าพวกนี้ถึงหยุดเดิน

ฝูงหมาป่าสีเทาสิบกว่าตัวที่ยืนอยู่ปากถ้ำดูเหมือนจะลังเล พวกมันไม่ก้าวเดินเข้ามา พวกมันย่ำเท้าบนพื้นซ้ำไปมา ดวงตาแสดงความลังเล แม้ว่าท้องของพวกมันจะดูแฟบแบนจากความหิวโหย

ภาพที่เห็นทำให้ทั้งสี่คนยืนอึ้งไปตามๆ กัน

ตึกๆ ตึกๆ...

เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง

“พวกนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ชายที่วิ่งเข้าไปเรียกคนในถ้ำถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เขาและคนที่ตามมาสมทบอีก 7-8 คน จะชะงักค้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

ภาพฝูงหมาป่าหยุดนิ่งอยู่ปากถ้ำ ทำให้พวกเขาตกตะลึงไปตามๆ กัน

“พวกมันทำอะไรอยู่? ทำไมถึงไม่บุกเข้ามา?”

ในใจของทุกคนเต็มไปด้วยคำถาม เพราะหมาป่าที่เคยเจอในอดีตจะกระโจนเข้าใส่ด้วยความดุร้ายทันที แต่ตอนนี้พวกมันกลับหยุดยืนอยู่ที่เดิม

ชายคนหนึ่งที่มาสมทบมีสีหน้าครุ่นคิดเมื่อมองฝูงหมาป่า จากนั้นเขาก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก ดวงตาเริ่มสว่างไสว ก่อนจะหันไปมองกองไฟที่อยู่ตรงกลาง

“เป็นเพราะไฟ!”

เสียงของซื่อโถวเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น คนอื่นๆ ที่ยืนอึ้งอยู่ก็พลันตระหนักได้ทันที

พวกเขามองไปยังกองไฟในถ้ำด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ

เสียงหนึ่งในกลุ่มร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น “ก่อนหน้านี้ท่านเทพเคยบอกไว้จริงๆ ว่าสัตว์ร้ายกลัวไฟ!”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

ตอนแรกพวกเขายังไม่ได้ใส่ใจความสามารถของไฟมากนัก เพราะยังไม่เคยเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมาก่อน ในความคิดของพวกเขา ไฟอาจทำได้เพียงขู่สัตว์ร้ายให้ลังเลชั่วคราวเท่านั้น

แต่สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือ หมาป่าพวกนั้นลังเลอยู่นาน และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กล้าบุกเข้ามาในถ้ำ

เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาทั้งตกใจและประหลาดใจกับพลังของไฟ

“ของที่ท่านเทพประทานให้ย่อมไม่ธรรมดา”

ซื่อโถวพูดพร้อมสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความนับถือ

เขาเหลือบมองฝูงหมาป่าสีเทาที่ค่อยๆ ถอยห่างไปเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง เพราะจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังเดินวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากถ้ำ

จากนั้นเขาก็เหลือบมองกองไฟ ก่อนที่แววตาจะฉายแววเจ้าเล่ห์ และเกิดความคิดบางอย่างขึ้นในหัว

“ให้ฉันลองดู!”

คิดได้ดังนั้น ซื่อโถวก็ลงมือทันที เขาวิ่งไปที่กองไฟ ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของคนอื่นๆ ก่อนจะหยิบฟืนที่ยังติดไฟลุกโชนขึ้นมาหนึ่งท่อน

หลังจากหยิบฟืนขึ้นมา ซื่อโถวก็เหลือบตานิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างตื่นเต้น เขาชูฟืนขึ้นสูง แล้วใช้แรงเหวี่ยงไปยังฝูงหมาป่า

ฟู่~

ฟืนที่ติดไฟหมุนกลางอากาศสองสามรอบ ก่อนจะตกลงอย่างแม่นยำกลางฝูงหมาป่า จนถึงกับโดนตัวหมาป่าสีเทาตัวหนึ่งเข้าเต็มๆ

"โฮ่ว~"

เสียงหอนดังลั่น ฝูงหมาป่าพากันส่งเสียงครางด้วยความหวาดกลัว แต่ละตัวหันไปมองฟืนที่ลุกโชนด้วยความตื่นตระหนก หางลู่ต่ำและวิ่งหนีไปคนละทิศทาง

ความกลัวไฟของสัตว์เหล่านี้ เกิดจากวิวัฒนาการที่ฝังรากลึกในพันธุกรรมของพวกมัน เมื่อบรรพบุรุษของมันเคยถูกไฟทำร้าย ความทรงจำนี้จึงถูกถ่ายทอดลงมาทางสายพันธุ์

พวกมันไม่สามารถเข้าใจหรือใช้งานไฟได้ จึงทำได้เพียงเคารพและหลีกเลี่ยงไฟ เป็นกลไกป้องกันตัวที่ธรรมชาติประทานให้

สำหรับสัตว์ป่า สีที่สว่างสดใสหมายถึงอันตราย หรือสิ่งที่ไม่ควรล่วงละเมิด สีของไฟนั้นไม่เพียงแต่สว่างสดใส แต่ยังเคลื่อนไหวไปมา แถมส่งเสียงดังและให้ความร้อนที่สูงมาก คุณสมบัติเหล่านี้ล้วนทำให้มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับสัตว์

"ฮ่าๆ! ให้มันได้รู้ซะบ้าง!"

ซื่อโถวหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ เขายืนเท้าสะเอวอย่างภาคภูมิ เหมือนระบายความอัดอั้นในใจออกมา

หากเป็นปกติ พวกเขาเองต่างหากที่กลัวหมาป่า แต่ตอนนี้กลับเป็นหมาป่าที่กลัวพวกเขา ทำให้เขายิ่งภูมิใจ

"ซื่อโถว! อีกแล้วเหรอแก!"

"ป้าบ!" เสียงฝ่ามือตบเข้ากลางหัวซื่อโถว ทำเอาเขาชะงักไปชั่วขณะ

"ทุกทีเลยนะไอ้ตัวดี! จะหัดคิดก่อนทำบ้างได้ไหม?"

กวงขมวดคิ้วมองเขาอย่างไม่พอใจ

"เอ่อ..." ซื่อโถวเพิ่งจะรู้ตัวว่าครั้งนี้ตัวเองอาจจะทำอะไรที่ดูใจร้อนไปอีกแล้ว

เขาเกาหัวด้วยความเก้อเขิน ก้มหน้าพลางพึมพำเสียงเบาว่า "ก็ไม่มีอะไรนี่นา?"

เสียงของเขาไม่พ้นหูของกวง ซึ่งกำลังจะเริ่มตำหนิเขาต่อ

ซื่อโถวมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูง เห็นท่าไม่ดี รีบหาทางเบี่ยงเบนความสนใจ และทันใดนั้นเอง เขาก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของฝูงหมาป่า

"เฮ้! พวกนายดูนั่นสิ พวกมันวิ่งหนีไปแล้ว!"

ทุกคนหันไปมอง และเป็นดังว่า หมาป่าทั้งสิบกว่าตัวต่างวิ่งหนีหายไปในความมืด ด้วยอาการตกใจกลัวจนต้องหางจุกตูด

ด้วยความกลัวไฟและจำนวนคนที่มากกว่า มันจึงไม่คิดจะเสี่ยงต่อไป แม้จะต้องท้องว่างกลับไปก็ตาม

จ่าฝูงส่งสัญญาณให้ฝูงหมาป่าถอยอย่างไม่ลังเล

เมื่อหมาป่าหายไป ความเงียบสงบก็กลับคืนมาที่ปากถ้ำ

ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงร้องแสดงความยินดี

"ไฟ!"

พวกเขาเชื่อมั่นว่าเมื่อมีไฟ คืนนี้และคืนต่อๆ ไป พวกเขาก็จะไม่ต้องหวาดกลัวสัตว์ร้ายอีกต่อไป คราวนี้เป็นตาของพวกมันที่จะต้องกลัวแทน!

บนใบหน้าของชาวเผ่าทุกคนล้วนมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข

...

ซูหยุนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง เขาหันไปมองปากถ้ำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

จากนั้นเขาก็กลับไปฝึกฝนต่อ แต่ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิด เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา

"ว่าไปแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่าเผ่านี้ชื่ออะไร"

เขาพึ่งสังเกตว่าตัวเองยังไม่เคยถามชื่อของเผ่าที่อยู่ด้วยเลย

"พรุ่งนี้ไปถามตาแก่ปุโรหิตดีกว่า"

เขาสังเกตเห็นว่าปุโรหิตเฒ่ากำลังหลับอยู่ จึงไม่ได้รบกวน

เมื่อพูดถึงชื่อ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ตั้งชื่อให้ท่า "ลูกบอลทองคำ"

"ท่าลูกบอลทองคำเรียกว่า 'วงล้อทองคำ' แล้วกัน ส่วนดาบแสงก็เรียก 'ดาบแห่งแสง' ดีมั้ยนะ"

ซูหยุนลูบคางครุ่นคิด

...

พระอาทิตย์ขึ้น

แสงแดดยามเช้าส่องลงมายังปากถ้ำ เติมแต่งให้มันมีสีทองระยับ

ซูหยุนจ้องมองดาบแห่งแสงในมือของตัวเองพลางครุ่นคิด

หลังจากพยายามตลอดทั้งคืน ในที่สุดเขาก็สามารถเพิ่มความชำนาญในการควบแน่น 'ดาบแห่งแสง' ได้เกินครึ่งแล้ว

แต่ยิ่งฝึกต่อไปจนใกล้จะสมบูรณ์ ความเร็วในการฝึกก็ยิ่งช้าลง ดูจากสถานการณ์แล้วอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันสินะ

'เช้าแล้ว'

ซูหยุนสังเกตเห็นว่าปุโรหิตเฒ่าตื่นขึ้นมาแล้ว

เขาตัดสินใจย้ายจิตสำนึกไปยังเส้นด้ายแห่งศรัทธา

ปุโรหิตที่กำลังสวดภาวนาตอนเช้าชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยุดและเงี่ยหูฟัง 'ถ้อยคำพูดจากพระเจ้า' อย่างนอบน้อม

'ปุโรหิต เผ่านี้มีชื่อเรียกหรือไม่?'

เสียงอันสงบนิ่งดังขึ้น

ปุโรหิตเฒ่าหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบอย่างนอบน้อมว่า 'ท่านเทพ เผ่านี้มีชื่อว่าเผ่าแสง'

ซูหยุนได้ยินเช่นนั้นก็ครุ่นคิดในใจ 'ชื่อเผ่าตั้งตามเทพอย่างนั้นหรือ?'

เขานึกถึงเผ่าน้ำแข็ง (Ice Tribe) ที่เขาเคยเจอ ชื่อของทั้งสองเผ่ามีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งอาจเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตั้งแต่ก่อนการถือกำเนิดของเทพ

ในขณะนั้น ปุโรหิตเฒ่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม 'ท่านเทพ ชื่อเผ่านี้ไม่เหมาะสมงั้นหรือท่าน?'

ซูหยุนชะงักไปเล็กน้อย

ปุโรหิตรีบเสนอ 'หากท่านเทพยินดี ท่านจะประทานนามให้เผ่าของเราได้หรือไม่?'

ให้ข้าตั้งชื่อ?

ซูหยุนยิ้มเจื่อน เขารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ค่อยเก่งเรื่องตั้งชื่อ

ในความคิดของเขา ชื่อ 'เผ่าแสง' ดูเหมาะสมดีแล้ว แต่เมื่อเห็นแววตารอคอยจากปุโรหิต เขาก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรที่อาจทำให้อีกฝ่ายเสียใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดให้ลึกขึ้น ชื่อที่สื่อถึงพลังอำนาจโดยตรงอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะมันอาจเผยข้อมูลสำคัญให้กับเผ่าอื่นที่ไม่หวังดีได้

'งั้นเปลี่ยนชื่อก็แล้วกัน'

ซูหยุนเริ่มคิดหาชื่อใหม่อย่างรวดเร็ว ชื่อมากมายแล่นเข้ามาในหัว แต่ก็ถูกปัดตกไปทีละชื่อ

จนกระทั่งชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ

'หยานหวง '

เมื่อคิดถึงชื่อนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย

ด้วยหลักการหยิบยืมที่เหมาะสม เขาคิดว่าชื่อนี้ดูดี มีความหมายลึกซึ้ง และสง่างามในตัว

นอกจากนี้ยังเป็นการรำลึกถึงโลกเดิมของเขาอีกด้วย

'ถ้างั้นเรียกว่าหยานหวงดีไหม?'

ซูหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ปุโรหิตเฒ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เขารู้สึกสงสัยว่าเหตุใดเทพเจ้า จึงไม่เชื่อมโยงแสงสว่างกับชื่อของเผ่า แต่กลับเลือกใช้สองคำที่ดูไม่เกี่ยวข้องกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดไม่ออก เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะตราบใดที่เป็นชื่อที่เทพเจ้าประทาน ย่อมต้องมีเหตุผลที่สูงส่ง

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฟังดูคร่าว ๆ ชื่อใหม่นี้ยังแฝงไว้ซึ่งเสน่ห์พิเศษบางอย่าง ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และลึกซึ้งยิ่งกว่าชื่อเดิม

ปุโรหิตเฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “ข้าแต่เทพแห่งแสงอันยิ่งใหญ่ ข้าจะเรียกชาวเผ่ามาประกาศชื่อใหม่ของเผ่าในทันที”

“เดี๋ยว รออีกหน่อย ข้ายังมีคำถามอีกข้อ”

ซูหยุนเอ่ยห้ามไว้

“ท่านทราบหรือไม่ว่ามีเผ่าอื่นอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนี้หรือเปล่า?”

ความคิดที่จะเพิ่มพลังของเขากำลังเร่งเร้า เขาตัดสินใจว่าจะต้องนำผู้คนจากเผ่าอื่นเข้ามาร่วมในเผ่าของเขา

อย่างน้อยที่สุด เขาต้องรวบรวมจำนวนประชากรที่มากพอจะเลื่อนระดับความเป็นเทพเจ้าได้

เพราะหากต้องเผชิญหน้ากับเทพแห่งน้ำแข็งในตอนนี้ ความมั่นใจของเขายังไม่มากพอ และเขาก็ไม่ต้องการให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

(จบตอนที่ 27 )

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด