ตอนที่ 1570 เจ็ดสิบปี (ฟรี)
ตอนที่ 1570 เจ็ดสิบปี
เวินหรูชิงไม่ชอบคนอย่างซู่ฮ่องกงที่เรียบง่ายและโง่เง่า แต่เมื่อเขานึกถึงฉีเชิงที่เจ้าเล่ห์ เขาก็รู้สึกขยะแขยงมากขึ้น สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงคิดว่าเขาชอบซู่ฮ่องกงมากกว่าฉีเชิง เพราะยังไงซะการที่เขาจะควบคุมคนอย่างฉีเชิงได้นั้นเป็นเรื่องยาก ส่วนซู่ฮ่องกง ต่อให้เขาจะไร้ความสามารถ แต่มันก็ยังคงง่ายที่จะควบคุมเขา
“เสาหลักแห่งหายนะเป็นยังไงบ้าง?” หมิงซินที่มองไปยังอีกทิศทางหนึ่งถามหลังจากที่เวินหรูชิงออกไปจากวิหารศักดิ์สิทธิ์
“ฝ่าบาท นอกจากการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดที่ตุนซางเป็นครั้งคราวแล้ว เสาหลักแห่งหายนะที่เหลืออีกเก้าต้นก็ยังคงมั่นคง แต่...” ฮัวเจิงหงตอบกลับ “เสาหลักแห่งหายนะนั้นเก่าลงเรื่อยๆ ผลของการฟื้นฟูจากพลังงานจากผืนดินนั้นอ่อนแอลง ในอัตรานี้ อย่างมากที่สุดดินแดนแห่งความว่างเปล่าจะลอยอยู่บนฟ้าได้อีกแค่ 200 ปี”
หมิงซินพยักหน้าและถอนหายใจ เขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้
ซู่ฮ่องกงกลับไปยังที่พักของเขาหลังจากที่ออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์
“เจ้ามาที่นี่ทำไม?” ซู่ฮ่องกงที่เห็นฉีเชิงที่ยืนเอามือไขว้หลังมองดูลวดลายบนผนังในห้องโถงถาม เขามองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ
“เจ้าไม่ต้อนรับข้างั้นเหรอ?” ฉีเชิงถาม
“ทำไมข้าต้องต้อนรับท่านด้วย?” ซู่ฮ่องกงหัวเราะเยาะ
“เจ้ามีเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าอยู่ในครอบครอง การที่เจ้าจะอยู่ในเก้าดินแดนนั้นอันตรายมาก เจ้าควรรู้ว่าสถานที่ที่อันตรายที่สุดคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด บนโลกใบนี้ไม่มีสถานที่ไหนที่จะปลอดภัยไปกว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์”
“ช่างเถอะ ท่านจะพูดอะไรก็เชิญ” ซู่ฮ่องกงกลอกตาไปมา
“ที่นี่ยังคงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการฝึกฝนตัวเอง เจ้าต้องตั้งใจฝึกฝน อย่าได้ทำให้...อย่าได้ทำให้จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ผิดหวัง” ฉีเชิงหยุดพูดเล็กน้อย
“เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับท่าน” ซู่ฮ่องกงกล่าว
ฉีเชิงยกมือขึ้นอย่างช้าๆ ลูกบอลเปลวเพลิงสีทองกลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งเข้าหาซู่ฮ่องกงเหมือนกับมังกร
ซู่ฮ่องกงที่หวาดกลัวหน้าซีด เขารีบบินถอยหลังไป เกราะป้องกันสีทองปรากฏขึ้น เขาใช้แขนป้องกันการโจมตี จากนั้นเขาก็กระเด็นลงสู่พื้นดินและถอยห่างไปหลายสิบหลา เขาตั้งหลักก่อนจะลูบแขนที่ตอนนี้กำลังแสบร้อนเพราะเปลวเพลิง “ท่านคิดจะทำอะไรกัน?”
“พวกเราต่างก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าอยู่ในครอบครอง แต่เจ้ายังห่างไกลจากข้า” ฉีเชิงที่วางมือลงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เขายืนเอามือไขว้หลัง “วิหารศักดิ์สิทธิ์ไม่อบรมคนไร้ประโยชน์ ต่อให้เจ้าจะมีเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าอยู่ในครอบครอง แต่หากเจ้าเป็นเพียงแค่คนไร้ประโยชน์ วิหารศักดิ์สิทธิ์จะไม่ลังเลที่จะกำจัดเจ้า”
“ท่านก็มีเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าอยู่งั้นเหรอ?” ซู่ฮ่องกงอุทาน
“ข้าเพิ่งจะพูดไป” ฉีเชิงหัวเราะ
“เมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าสิบเมล็ดจะเจริญเติบโตทุกๆ 30,000 ปี เมล็ดพันธุ์สิบเมล็ดล่าสุดนั้น...” ซู่ฮ่องกงที่มองดูฉีเชิงกล่าว เขาไอก่อนจะหยุดพูด “เมล็ดพันธุ์ของท่านมาจากรุ่นก่อนหน้านี้สินะ? แบบนี้นี่เอง ทำไมท่านถึงได้แข็งแกร่งกว่าข้า?”
ในเมื่อฉีเชิงดูอ่อนเยาว์ ซู่ฮ่องกงจึงไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนโบราณ คนในดินแดนแห่งความว่างเปล่านั้นแปลกประหลาด เขาต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
“นั่นไม่ใช่ประเด็น” ฉีเชิงที่ขี้เกียจจะอธิบายกล่าว
“ท่านแค่พยายามที่จะข่มขู่ข้างั้นเหรอ? วิหารศักดิ์สิทธิ์จะกำจัดสิ่งมีชีวิตสูงสุดในอนาคตได้ยังไง?” ซู่ฮ่องกงตบหน้าอกตัวเอง “ข้า ซู่ฮ่องกง จะทำให้ทุกคนต้องมองข้าใหม่!”
“ข้าไม่ได้พยายามจะข่มขู่เจ้า” ฉีเชิงกล่าวอย่างจริงจัง “เสาหลักแห่งหายนะกำลังถล่มลงมา อีกไม่เกิน 200 ปี ดินแดนแห่งความว่างเปล่าคงจะต้องร่วงหล่นลงมา ตอนนั้นความวุ่นวายจะมาเยือนโลก ชีวิตมากมายจะต้องสูญเสียไป มีเพียงแค่คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นแหละที่จะสามารถปกป้องตัวเองได้”
ซู่ฮ่องกงตกตะลึง เขารู้สึกเหมือนกับว่าคอแห้ง เขาเป็นคนขี้ขลาด เขารักความสงบสุข เขาไม่ชอบการเสี่ยง
“เจ้ามีเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าอยู่ในครอบครอง ตราบใดที่เจ้ายังคงพยายาม เจ้าจะต้องปลอดภัย” ฉีเชิงที่เก่งเรื่องการอ่านสีหน้าของผู้คนยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของซู่ฮ่องกง
“ท่าน...ท่าน...” ซู่ฮ่องกงพูดตะกุกตะกัก
“ข้าเป็นอะไรงั้นเหรอ?” ฉีเชิงถามอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านพูดเหมือนกับศิษย์พี่เจ็ดของข้าไม่มีผิด!” ซู่ฮ่องกงขมวดคิ้ว “ช่างเถอะ ข้าไม่เชื่อท่านหรอก! ออกไปจากที่นี่ซะ ข้าไม่ต้อนรับท่าน” เขาพูดอย่างหงุดหงิด
ฉีเชิงหันหลังกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะคอยดูแลเจ้าด้วยตัวเอง ภายใน 200 ปี เจ้าต้องเป็นเซียนเต๋าให้ได้” เวินหรูชิงที่ปรากฏตัวขึ้นเดินเข้ามาในห้องโถงหลังจากที่ฉีเชิงจากไปแล้ว เขาลดเสียงลง
ซู่ฮ่องกง: “...”
ซู่ฮ่องกงเกลียดที่นี่จริงๆ ทุกคนที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นคนสารเลว คำพูดของพวกเขานั้นน่ารังเกียจมาก ไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไง ตอนนี้เขาก็ยังคงไม่อาจทำตัวบุ่มบ่ามเหมือนกับในอดีตได้ “ข้าจะไม่ทำให้ท่านและจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ผิดหวัง!” เขาฝืนยิ้มและโค้งคำนับ
ณ ดินแดนที่สาบสูญไปทางตอนใต้ของมหาสมุทรไม่มีที่สิ้นสุด
พระราชวังขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเกาะที่สาบสูญไป ต้นเมเปิลสีแดงมากมายเติบโตอยู่บนภูเขาและที่ราบ
“ฝ่าบาท ช่วงนี้ข้าคอยสังเกตการณ์ผู้ที่ครอบครองเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าสองคน คนที่ใช้หอกนั้นขยันขันแข็งมาก เขาตรงไปตรงมาและค่อนข้างดื้อรั้น ส่วนอีกคนหนึ่ง...” ชายชุดหรูหราโค้งคำนับและรายงานจักรพรรดิแดง
“ว่ามา” จักรพรรดิแดงที่สัมผัสได้ถึงความลังเลของผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว
“อีกคนหนึ่งเอาแต่นอนทั้งวัน เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นข้าเกรงว่านิสัยของเขานั้น...” ชายชุดหรูหรากล่าว
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” จักรพรรดิแดงขมวดคิ้ว
“เขาเจ้าเล่ห์มาก เขาชอบปิดบังความคิด และเขาก็ยังคงไม่มีหลักการใดๆ”
“เขายังเด็ก ให้เจ้าคอยดูแลเขาและสั่งสอนเขาเมื่อเขาต้องการ” จักรพรรดิแดงกล่าว
“เรื่องนี้มัน...” ชายคนนั้นมีสีหน้าที่ลำบากใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพยายามสั่งสอนอีกฝ่ายมาก่อน แต่มันไม่ได้ผล “ข้าเกรงว่าข้าคงจะไม่อาจสั่งสอนเขาได้”
“พยายามให้มากขึ้น” จักรพรรดิแดงที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยกล่าว
“ครับ” ชายคนนั้นไม่กล้าบ่นอีกต่อไป
“ความไม่สมดุลนั้นกำลังเลวร้ายลง หากดินแดนแห่งความว่างเปล่าถล่มลงมาจริงๆ ทางตอนใต้ก็คงจะไม่อาจรอดพ้นได้” จักรพรรดิแดงถอนหายใจ
“ฝ่าบาท ข้าคิดน้อยเกินไปแล้ว ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่กับสองคนนั้น ข้าจะพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจเต๋าที่ยิ่งใหญ่ภายใน 100 ปี”
สถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันกำลังเกิดขึ้นในดินแดนที่สาบสูญไปของจักรพรรดิฟ้าและเกาะที่สาบสูญไปของจักรพรรดิขาว
มีสัญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งบอกถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่ในโลกแห่งการฝึกฝน
ณ ดินแดนแห่งหุบเหวอันยิ่งใหญ่
ในเสาหลักแห่งหายนะที่ถูกปกป้องโดยเผ่าขนนก
จักรพรรดิจื่อหยุนประกาศว่าเขาจะเก็บตัวฝึกฝนเพื่อที่จะเป็นจักรพรรดิเทพ
การตายของหมิงป้าน เทพ และหมิงเต๋อ ถูกพักเอาไว้ชั่วคราว
ในบรรดาห้าจักรพรรดิ มีเพียงแค่จักรพรรดิมืดเท่านั้นแหละที่ไม่ได้เมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่า ดังนั้นเขามักจะยั่วยุจักรพรรดิฟ้า จักรพรรดิแดง และจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แบบนี้ดินแดนแห่งความว่างเปล่าจึงสงบสุข
ต้วนมู่เตียนเลือกที่จะกลับไปที่ดินแดนแห่งความว่างเปล่า เขามักจะไปที่โถงซางจางและวิหารศักดิ์สิทธิ์
อีก 70 ปี ผ่านไป
เวลาไม่มีความหมายในโลกแห่งการฝึกฝน
ณ โถงซางจางในดินแดนแห่งความว่างเปล่า
เด็กสาวที่สง่างามสวมชุดสีแดงและเด็กสาวที่น่ารักดวงตาเป็นประกายเดินไปหาจักรพรรดิซางจาง
ตลอด 70 ปี ที่ผ่านมา เด็กสาวสองคนนี้ก็ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนของโถงซางจาง นอกจากการฝึกฝนทุกวันแล้ว ก็ยังคงมีอาจารย์มากมายที่คอยสอนพวกนาง ถึงแม้ว่าจะมีคนจากวิหารอื่นๆ มาเตือนพวกนางว่าโถงซางจางกำลังพยายามที่จะล้างสมองและหลอกลวงพวกนาง แต่นางก็ยังคงไม่ได้สนใจ
“พวกเจ้ามาหาข้าทำไม?” จักรพรรดิซางจางถาม เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้มองดูลูกของตัวเองเติบโตขึ้นมา เขาค่อนข้างลำเอียงพวกนางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“ท่านอาจารย์เสียชีวิตไป 100 ปี แล้ว ข้าอยากจะไปคารวะท่านอาจารย์” หยวนเอ๋อกล่าว
ตอนแรกจักรพรรดิซางจางจะไปกับพวกนาง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มขี้เกียจที่จะทำแบบนั้น ปกติแล้วเขาจะส่งคนไปส่งพวกนางที่ตุนซางในวันครบรอบการตายของอาจารย์ของหยวนเอ๋อ
“นอกจากนี้ ข้ายังมีเรื่องอื่นที่อยากจะให้ท่านเห็นด้วย” หยวนเอ๋อกล่าว
“เด็กน้อย เจ้าเริ่มทำตัวหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆ แล้ว บอกข้ามา เรื่องอะไรกัน?” จักรพรรดิซางจางที่ได้ยินแบบนั้นกล่าว
“ข้าอยากจะพบกับศิษย์พี่และศิษย์น้องของข้า” หยวนเอ๋อยิ้ม
“ศิษย์พี่และศิษย์น้อง?” จักรพรรดิซางจางพยักหน้า ในเมื่อนางมีอาจารย์ การที่นางจะมีเพื่อนร่วมสำนักนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก “เจ้าอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่ามา 100 ปี แล้ว แต่เจ้าก็ยังคงจำศิษย์พี่และศิษย์น้องของเจ้าได้ ดีมาก ข้าอนุญาต”
จักรพรรดิซางจางโบกมือ
“ข้าจะพาพวกเขามายังดินแดนแห่งความว่างเปล่า พวกเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้สองสามวัน” ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขากำหมัดคำนับหยวนเอ๋อ
“ท่านทำได้งั้นเหรอ?” หยวนเอ๋อถาม
“บนโลกมนุษย์ ไม่มีอะไรที่ฝ่าบาททำไม่ได้” ร่างนั้นกล่าว