ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 79 สินแร่หินวิญญาณระดับต่ำ
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 79 สินแร่หินวิญญาณระดับต่ำ
เฉินเช่อสุ่ยมองแวบเดียวก็รู้แจ้ง
เหตุที่ผู้อาวุโสสองเป็นเช่นนี้ ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับศิษย์แท้คนใหม่ที่เขารับมา ฟู่หมิงหวง
เฉินเช่อสุ่ยยอมรับว่าพรสวรรค์ของฟู่หมิงหวงนั้นมีอยู่บ้าง
หากนิกายไร้ขอบเขตตั้งใจบ่มเพาะ ก็มีโอกาสสูงที่จะก้าวสู่ระดับถ้ำพำนักได้
แต่หากนำเรื่องส่วนตัวมาปะปนในโถงใหญ่เช่นนี้...นับว่าเป็นความผิดของเขา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เห็นสีหน้าของเฉินเช่อสุ่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผู้อาวุโสสองจึงปิดปากลงอย่างรู้งาน
เฉินเช่อสุ่ยคาดเดาไม่ผิด เหตุที่เขาพูดเช่นนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฟู่หมิงหวง
ฟู่หมิงหวงเป็นศิษย์แท้ที่เขาพอใจมากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือจิตใจก็เหนือกว่าคนทั่วไป
แต่ช่วงนี้ฟู่หมิงหวงกลับติดอยู่ที่ระดับเคลื่อนวิญญาณ ไม่สามารถทะลวงผ่านขั้นได้
ในฐานะยอดฝีมือระดับบำรุงจิตเก้าชั้นฟ้า เขาจึงมองเห็นปัญหาของฟู่หมิงหวงได้อย่างรวดเร็ว
เป็นจิตมาร!
ส่วนต้นเหตุของจิตมารนี้ ไม่ต้องกล่าวก็รู้ว่าเป็นศาลาสังหารโลหิต
นี่คือเหตุผลที่ผู้อาวุโสสองกล่าวถึงเรื่องนี้ในโถงใหญ่
“ข้าจำได้ว่าช่วงนี้สำนักร้อยลี้ได้ค้นพบสินแร่หินวิญญาณระดับต่ำ ณ ภูเขาใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหมื่นเมตร”
เฉินเช่อสุ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“เรียนเจ้านิกาย ใช่ขอรับ”
ผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่ดูแลการเงินของสำนักลุกขึ้นยืน
“สัปดาห์ก่อน ข้ายังเดินทางไปยังสำนักร้อยลี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิทธิ์ในการขุดสินแร่หินวิญญาณ เพียงแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน”
เฉินเช่อสุ่ยไม่ปิดบังจุดประสงค์อีกต่อไป
กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “หากศาลาสังหารโลหิตฉลาดสักหน่อย อีกไม่นานพวกเขาก็จะนำแร่นี้มามอบให้พวกเราด้วยมือของพวกเขาเอง”
“แต่หากไม่……”
สีหน้าของเฉินเช่อสุ่ยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ภายในดวงตาปรากฏความเย็นชา “เช่นนั้นก็อย่าได้โทษนิกายไร้ขอบเขตที่ต้องกวาดล้างองค์กรชั่วร้ายเช่นพวกเขา”
“เอาล่ะ การประชุมในวันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปได้”
“ขอรับ”
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ขอตัวจากไป
เฉินเช่อสุ่ยมองดูผู้อาวุโสสองที่กำลังเดินจากไป จึงเอ่ยเรียก “ผู้อาวุโสสอง”
“เจ้านิกายมีเรื่องอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสสองหันกลับมา ถามด้วยความสงสัย
จากนั้นขวดกระเบื้องใบหนึ่งก็ถูกโยนมาทางเขา
ผู้อาวุโสสองใช้มือขวารับเอาไว้
“นี่… นี่คือ…”
ภายในใจของผู้อาวุโสสองปรากฏความสงสัย
เฉินเช่อสุ่ยกล่าวว่า “นี่คือโอสถทะลวงขั้น สามารถช่วยศิษย์ของเจ้าทะลวงผ่านจิตมารได้”
เมื่อรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือคือโอสถทะลวงขั้น โอสถระดับนิลขั้นสูงที่มีราคาแพงยิ่งนัก ผู้อาวุโสสองก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“ขอบพระคุณเจ้านิกาย”
เฉินเช่อสุ่ยโบกมือ “เจ้าเพียงแค่บอกเขาว่านิกายไร้ขอบเขตเป็นผู้ช่วยเหลือเขาก็พอแล้ว”
“ขอรับ”
เมื่อทุกคนจากไปเฉินเช่อสุ่ยรู้สึกขนลุกเขาขมวดคิ้ว
มองไปรอบ ๆ พบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติจึงไม่สนใจ
หรือว่าเขาคิดมากไปเอง
เมื่อครู่นี้ ขารู้สึกราวกับมีคนจ้องมองเขา
ช่างเถิด คงเป็นเพราะเขาคิดมากไปเอง
ณ ที่โล่งแห่งหนึ่ง ห่างออกไปหลายร้อยลี้
เยี่ยหมิงยิ้มออกมา “ไม่คิดเลยว่านิกายไร้ขอบเขตจะซ่อนตัวได้แนบเนียนเช่นนี้ มียอดฝีมือระดับถ้ำพำนักถึงห้าคน และหนึ่งในนั้นยังมีตบะระดับถ้ำพำนักเจ็ดชั้นฟ้า เทียบเท่าเฟิงชิงจู๋”
“แต่จากกลิ่นอายของคนผู้นั้น ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาพแกล้งตาย คงจะกำลังปิดด่านบำเพ็ญเพียร และสถานะของเขาก็ไม่ต้องเดา คงจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายไร้ขอบเขต”
“แต่ผู้ที่ทำให้ข้าสนใจก็คือเจ้านิกายไร้ขอบเขตผู้นั้น ไม่คิดเลยว่าเมื่อครู่ข้าจะใช้เนตรสวรรค์สังเกตการณ์มองดูเขาเพียงแวบเดียว ก็พบว่าโชคชะตาของเขาเป็นสีม่วงครึ่งหนึ่ง สีทองครึ่งหนึ่ง ยิ่งกว่าหลิวชือหยุนเสียอีก”
“บุคคลที่มีโชคชะตาเช่นนี้ คงจะเป็นบุตรแห่งโชคชะตากระมัง ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อครู่นี้เขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของข้า”
เยี่ยหมิงใช้มือขวาลูบคาง กล่าวกับตนเอง
แต่วินาทีถัดมารอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“น่าเสียดาย หากเจ้าไม่ได้ขวางทางข้า ข้าอาจจะดึงเจ้าเข้าร่วมศาลาสังหารโลหิต แต่ในเมื่อเจ้าขวางทางข้า……”
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นบุตรแห่งโชคชะตา ได้รับพรจากมหามรรค เยี่ยหมิงผู้นี้ก็จะสังหารเจ้า!”
แววตาของเยี่ยหมิงเย็นชาลงเพราะมีหลายสาเหตุที่ทำให้หุ่นเชิดอมตะของเขาไม่สามารถทำลายล้างนิกายไร้ขอบเขตได้
หากเขาลงมือ อาจจะถูกมหามรรคแห่งฟ้าดินลงโทษ
เฉินเช่อสุ่ยเป็นบุคคลที่มีโชคชะตา หากเขาถูกสังหาร ผู้ที่ลงมือมีโอกาสสูงที่จะถูกกรรมลงโทษ
ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ที่ลงมือเป็นถึงอริยะบุคคล การลงโทษนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นี่คือกฎเกณฑ์ที่มหามรรคแห่งฟ้าดินมอบให้กับผู้บำเพ็ญระดับอริยะขึ้นไป
หากไม่มีกฎเกณฑ์นี้ อสูรร้ายในทวีปเซียนเซวียนคงจะถูกผู้บำเพ็ญที่ชอบตัดไฟแต่ต้นลม สังหารตั้งแต่ยังไม่เกิด
“ส่วนสินแร่หินวิญญาณระดับต่ำนั้น ข้าจะให้ซวนหลวนเทียนจัดการ”
เยี่ยหมิงตอนนี้มีตบะระดับอริยะ จึงสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของสินแร่หินวิญญาณระดับต่ำ
คิดจะให้ศาลาสังหารโลหิตมอบให้ เจ้านิกายไร้ขอบเขตผู้นี้คงจะฝันไปกระมัง
เยี่ยหมิงก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า หายตัวไปจากที่แห่งนี้
กลับมายังร่างเดิม
เยี่ยหมิงลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ มองดูหุ่นเชิดอมตะเบื้องหน้า
กล่าวว่า “ต่อไปเจ้าจะเป็นองครักษ์ของข้า ความปลอดภัยของข้าจะมอบหมายให้เจ้า”
“น้อมรับคำสั่งของเจ้าศาลา”
หุ่นเชิดอมตะพยักหน้า น้ำเสียงไร้อารมณ์
“อืม”
เยี่ยหมิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ กล่าวต่อ “เจ้าจงซ่อนตัวอยู่ข้างกายข้า หากข้าไม่ตกอยู่ในอันตราย ก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว”
“ขอรับ”
หุ่นเชิดอมตะพยักหน้าอีกครั้ง
จากนั้นร่างของเขาก็หายไป
เยี่ยหมิงเห็นเช่นนั้น เดินไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงบนพื้น
กล่าวว่า “ระบบ ข้าต้องการพระสูตรไท่ซูบทที่สี่”
ภารกิจย่อยนี้สำเร็จลุล่วงไปนานแล้ว เพียงแต่เพราะบางสาเหตุ เขาจึงไม่ได้รับรางวัล
ตอนนี้สำนักร้อยลี้ถูกทำลาย เป็นเวลาที่ดี