บทที่ 45 : วิวัฒนาการหมาป่าวายุนรก!
บทที่ 45 : วิวัฒนาการหมาป่าวายุนรก!
“ท่านอธิการบดีวางใจได้เลยครับ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าในการแข่งขันซูเปอร์โนวา ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”
ก่อนหน้านี้ เซียวซิงหยูเคยได้ยินเรื่องการแข่งขันนี้มาก่อน มันคือเวทีประลองฝีมือของเหล่าอัจฉริยะจากสี่วิทยาลัยใหญ่
ภายในวิทยาลัยชิงหลง หากพูดถึงผู้ที่มีพรสวรรค์อันดับหนึ่ง ทุกคนต้องนึกถึงเย่ซวงหนิง
แต่ในการแข่งขันซูเปอร์โนวาเมื่อปีที่แล้ว เย่ซวงหนิงได้เพียงอันดับสองเท่านั้น…ส่วนผู้ที่คว้าแชมป์ไปครองคือหลี่มู่เฉิงจากวิทยาลัยไป๋หู่
ตระกูลหลี่ก็เหมือนกับตระกูลเย่ พวกเขาคือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลปรมาจารย์อสูรที่ยิ่งใหญ่
เเละหลี่มู่เฉิงเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์น่ากลัวยิ่งกว่าเย่ซวงหนิงเสียอีก
“คนอื่นชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับเย่ซวงหนิงอยู่เรื่อย ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องคว้าแชมป์ซูเปอร์โนวาในปีนี้มาให้ได้!”
เซียวซิงหยูเองก็มีความทะเยอทะยานสูง เขาต้องการที่จะทำในสิ่งที่เย่ซวงหนิงไม่สามารถทำได้
“อีกหนึ่งเดือนกว่าจะถึงการแข่งขันซูเปอร์โนวา, ภายในเดือนนี้ ฉันจะต้องทำให้เฮยเฟิงพัฒนาขึ้นไปสู่ระดับสมบูรณ์ (ขั้นที่ 1) ให้ได้”
“นอกจากนั้นก็ต้องหาทางเพิ่มพลังวิญญาณ แล้วก็ทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวที่สองด้วย” (ไม่นับลูลู่)
เซียวซิงหยูได้ดูวิดีโอการแข่งขันซูเปอร์โนวาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมันทำให้เขาพอจะเข้าใจรูปแบบการแข่งขันระดับนี้อยู่บ้าง
อย่างแรกเลย คือผู้เข้าแข่งขันจะต้องเป็นนักเรียนใหม่ทั้งหมด
อย่างที่สอง ระดับของนักเรียนใหม่ทุกคนจะต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์อสูรสองดาว
ซึ่งหมายความว่าเซียวซิงหยูต้องผ่านการทดสอบระดับปรมาจารย์อสูรสองดาวภายในหนึ่งเดือนนี้ ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน
และอีกเรื่องที่สำคัญคือจำนวนสัตว์อสูร ผู้เข้าแข่งขันซูเปอร์โนวาเมื่อปีที่แล้ว ทุกคนต่างก็มีอสูรอย่างน้อยสองตัว
หลี่มู่เฉิง ผู้ที่เอาชนะเย่ซวงหนิงและคว้าแชมป์ไปครองนั้น มีอสูรถึงสามตัว!
ณ ตอนนี้ถึงแม้เซียวซิงหยูจะมีสัตว์อสูรสองตัวเเล้ว แต่จิ้งจอกเก้าหางเดลลูเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัว เขาย่อมไม่สามารถอัญเชิญเธอออกมาต่อสู้ในที่สาธารณะได้…ดังนั้น ตอนนี้เซียวซิงหยูมีอสูรที่สามารถใช้ในการแข่งขันซูเปอร์โนวาได้เพียงตัวเดียว นั่นคือเฮยเฟิง
“ถ้ามีแค่เฮยเฟิงตัวเดียว คงจะรับมือกับการแข่งขันระดับนี้ได้ยาก, เราต้องหาโอกาสไปเดินดูตามร้านขายอสูรต่างๆซะหน่อยแล้ว เผื่อจะเจอของดีราคาถูกบ้าง”
เซียวซิงหยูได้เฮยเฟิงมาก็เพราะบังเอิญเจอของดีราคาถูกเช่นกัน
ใรขณะที่เซียวซิงหยูกำลังวางแผนสำหรับเดือนหน้าอยู่นั้น ซูหรูหยานก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า
“เซียวซิงหยู เธอหมดสติไปเพราะอะไรกันแน่?”
แววตาของซูหรูหยานในตอนนั้นดูลึกลับอย่างมาก มันราวกับว่าเธอต้องการมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของเซียวซิงหยู
เซียวซิงหยูพยายามควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ แล้วกุเรื่องขึ้นมาอย่างลวกๆว่า
“สามวันที่แล้ว ผมกับเฮยเฟิงฝึกฝนหนักเกินไปจนพลังวิญญาณหมดเกลี้ยง…แล้วก็หมดสติไปครับ”
“หึๆ…น่าแปลกนะ วันที่เธอหมดสตินั้น เป็นวันเดียวกับที่รองอธิการบดีหวังตงเซิงหายตัวไป”
ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยก็เริ่มอึมครึมขึ้นมาทันที
หัวใจของเซียวซิงหยูเต้นเร็วขึ้น แต่เขาก็ยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ท่านอธิการบดี หมายความว่ายังไงครับ?...นี่ท่านคิดว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของรองอธิการบดีหวังรึเปล่า?”
ซูหรูหยานหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้า
“เปล่านี่ ฉันแค่พูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้หมายความว่านายเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเขาเสียหน่อย”
“ท่านอธิการบดีครับ แล้วเรื่องที่รองอธิการบดีหวังหายตัวไป ท่านจะจัดการยังไงครับ? จะรอให้เขากลับมา หรือจะเลือกรองอธิการบดีคนใหม่?”
“เรื่องในวิทยาลัยมีมากมายที่ต้องให้รองอธิการบดีจัดการ ฉันจะรีบหาตัวรองอธิการบดีคนใหม่โดยเร็วที่สุด”
ทั้งสองคนต่างก็ซ่อนความคิดเอาไว้, ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน แต่ก็คอยจับผิดกันและกันไปด้วย
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ซูหรูหยานก็ขอตัวกลับไป
เซียวซิงหยูนอนอยู่บนเตียง ความคิดต่างๆเริ่มวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
“ดูเหมือนท่านอธิการบดีจะสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหวังตงเซิง แต่เธอก็ยังไม่มีหลักฐานใดๆ...”
“รองอธิการบดีหวังหายตัวไป ท่านอธิการบดีก็เลือกที่จะหาคนใหม่มาแทน…แสดงว่าท่านอธิการบดีคงไม่ได้ชอบหวังตงเซิงอยู่แล้ว พอเขาหายตัวไป ก็ถือโอกาสเปลี่ยนรองอธิการบดีคนใหม่ซะเลย”
เมื่อวิทยาลัยชิงหลงกำจัดหวังตงเซิงที่เป็นเนื้องอกร้ายไปได้ บรรยากาศภายในวิทยาลัยก็คงจะดีขึ้นอย่างมาก
ส่วนหวังเยี่ยน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหวังตงเซิง…ตอนนี้เขากลายเป็นขอทานเร่ร่อนไปแล้ว
…..
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เซียวซิงหยูกลับมาแข็งแรงเต็มที่เหมือนเดิมเเล้ว
วันนี้หลังเลิกเรียน เซียวซิงหยูเดินออกจากวิทยาลัยชิงหลงเพียงลำพัง มุ่งหน้าไปยังภูเขาหยินหนาน
ณ ใจกลางป่าลึก
ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนยอดไม้ สายลมพัดเบาๆ พร้อมเสียงจั๊กจั่นที่ร้องดังระงมไปทั่ว
“คืนนี้ อากาศดี ฟ้าฝนเป็นใจ เหมาะแก่การให้เฮยเฟิงเลื่อนขั้นจริงๆ!”
เซียวซิงหยูเปิดตราอสูร ทันใดนั้นแสงสองสายก็พุ่งออกมา
“อาวู้ววว~”
เฮยเฟิงปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เซียวซิงหยู, ร่างกายของมันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีดำอันน่าสะพรึงกลัว…ตอนนี้เฮยเฟิงอยู่ในระดับเริ่มต้น (ขั้นที่ 3) ซึ่งเป็นจุดที่พร้อมจะพัฒนาไปยังขั้นต่อไปเเล้ว
เเละหลังจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา, ตอนนี้เฮยเฟิงก็พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว
ใต้ต้นไม้อีกด้าน มีสาวงามสุดเซ็กซี่เอนกายพิงต้นไม้อยู่
หูจิ้งจอกสองข้างของเธอกระดิกไปตามแรงลม
“เดลลู การเลื่อนขั้นมันมีความเสี่ยงมาก, แถมเฮยเฟิงยังมีพลังธาตุความมืดอยู่ในร่างกายด้วย ระหว่างการเลื่อนขั้นมันอาจจะควบคุมพลังไม่อยู่ ดังนั้นเธอช่วยดูแลให้หน่อยนะ”
ที่เซียวซิงหยูเรียกเดลลูออกมา ก็เพื่อให้เธอช่วยดูแลความปลอดภัยระหว่างการเลื่อนขั้นของเฮยเฟิง
การเลื่อนขั้นของอสูรเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว มันมีโอกาสที่จะสำเร็จเเละล้มเหลวได้พอๆกัน
ยิ่งอสูรมีพลังธาตุหลายชนิดมากเท่าไหร่ การเลื่อนขั้นก็จะยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น, เฮยเฟิงมีพลังธาตุถึงสามชนิด ดังนั้นการเลื่อนขั้นของมันจึงยากกว่าอสูรตัวอื่นๆในระดับเดียวกันมาก
หลังจากนั้น, เซียวซิงหยูก็เปิดแหวนมิติ หยิบวัตถุดิบสำหรับการเลื่อนขั้นออกมาจำนวนหนึ่ง
ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ได้เเก่ เถาวัลย์วิญญาณไฟ, หญ้าเปลวเพลิงร้อยใบ, ยาเม็ดเพลิงแดง, น้ำยาบำรุงพลังธาตุไฟคุณภาพสูงหนึ่งขวด และแกนอสูรธาตุไฟระดับเติบโตอีกหนึ่งเม็ด
วัตถุดิบสำหรับการเลื่อนขั้นเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 5 ล้านหยวน, เเน่นอนว่าเซียวซิงหยูไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นหรอก เขาได้สิ่งของเหล่านี้มาเพราะอาศัยพี่สาวคนสนิทอย่างฉินเยียนหรัน
เมื่อฉินเยี่ยนหรานรู้ว่าเซียวซิงหยูต้องการวัตถุดิบสำหรับการเลื่อนขั้น เธอก็ไม่ลังเลที่จะควักเงินซื้อให้ทันที แถมยังซื้อแต่ของที่แพงที่สุดอีกด้วย!
“เฮยเฟิง กินเข้าไปซะ!”
เซียวซิงหยูยัดวัตถุดิบทั้งหมดเข้าไปในปากของเฮยเฟิงทันที
“อาบู๊วววว~~~”
หลังจากกินวัตถุดิบเข้าไปแล้ว ขนของหมาป่าเฮยเฟิงก็ลุกชันขึ้นมาทันที มันเอาหัวโขกต้นไม้และก้อนหินรอบๆอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะเดียวกัน เปลวเพลิงสีดำที่ลุกโชนอยู่บนร่างกายของมันก็เริ่มขยายตัวออกอย่างรวดเร็วจนทำให้ต้นไม้ในป่าจนกลายเป็นทะเลเพลิง!
“เฮยเฟิง ตั้งสติไว้! พยายามทำลายกำแพงนั่นให้ได้!”
อสูรที่มีพลังธาตุถึงสามชนิด ทุกครั้งที่เลื่อนขั้นจะยากกว่าอสูรธาตุเดียวมาก…การเลื่อนขั้นเเต่ละครั้ง ถึงจะไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสหนัก
ปรมาจารย์อสูรและสัตว์อสูรสามารถเชื่อมต่อจิตวิญญาณกันได้…ดังนั้นเซียวซิงหยูจึงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เฮยเฟิงกำลังเผชิญอยู่
เดลลูก็ไม่ได้อยู่เฉย เธอปล่อยพลังปราณสีแดงออกมาสร้างเกราะป้องกันขึ้นรอบๆ หมาป่าเฮยเฟิง
เฮยเฟิงถูกขังอยู่ในเกราะป้องกัน จึงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสภาพแวดล้อมได้อีก
“เฮยเฟิง อีกนิดเดียว! อดทนไว้อีกหน่อยนะ!”
เซียวซิงหยูพูดขณะใช้ดวงตาเทพอสูรมองดูความคืบหน้าของการเลื่อนขั้น
[ความคืบหน้าการเลื่อนขั้น]
10%
20%
30%
…
99%
ความคืบหน้าหยุดอยู่ที่ 99% เเล้วไม่ขยับไปไหนจนเซียวซิงหยูเริ่มรู้สึกกังวล
ตูมมมม!!!
ทันใดนั้น มันก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากใจกลางทะเลเพลิง
แรงระเบิดทำให้เซียวซิงหยูล้มลงกับพื้น…เเละหลังจากลุกขึ้นมา เซียวซิงหยูก็ได้ยินเสียงคำรามที่คุ้นเคย
“อาบู๊วววว!”
“เฮยเฟิง! เเกทำสำเร็จแล้ว!”
เซียวซิงหยูดีใจจนเนื้อเต้น
……………….