ตอนที่แล้วบทที่ 44 : มังกร​เเห่งความ​โกลาหล, การแข่งขันซูเปอร์โนวา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46 : ปลุกพลังปีศาจ, หมาป่า​ปี​ศ​า​จเเห่งนรก!

บทที่ 45 : วิวัฒนาการหมาป่าวายุ​นรก!


บทที่ 45 : วิวัฒนาการหมาป่าวายุ​นรก!

“ท่านอธิการบดีวางใจได้เลยครับ อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าในการแข่งขันซูเปอร์โนวา ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน”

ก่อนหน้านี้ เซียวซิงหยูเคยได้ยินเรื่องการแข่งขันนี้มาก่อน มันคือเวทีประลองฝีมือของเหล่าอัจฉริยะจากสี่วิทยาลัยใหญ่

ภายในวิทยาลัยชิงหลง หากพูดถึงผู้ที่มีพรสวรรค์อันดับหนึ่ง ทุกคนต้องนึกถึงเย่ซวงหนิง

แต่ในการแข่งขันซูเปอร์โนวาเมื่อปีที่แล้ว เย่ซวงหนิงได้เพียงอันดับสองเท่านั้น…ส่วนผู้ที่คว้าแชมป์ไปครองคือหลี่มู่เฉิงจากวิทยาลัยไป๋หู่

ตระกูลหลี่ก็เหมือนกับตระกูลเย่ พวกเขา​คือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลปรมาจารย์อสูรที่ยิ่งใหญ่

เเละหลี่มู่เฉิงเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์น่ากลัวยิ่งกว่าเย่ซวงหนิงเสียอีก

“คนอื่นชอบเอาผมไปเปรียบเทียบกับเย่ซวงหนิงอยู่เรื่อย ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องคว้าแชมป์ซูเปอร์โนวาในปีนี้มาให้ได้!”

เซียวซิงหยูเองก็มีความทะเยอทะยานสูง เขาต้องการที่จะทำในสิ่งที่เย่ซวงหนิงไม่สามารถทำได้

“อีกหนึ่งเดือนกว่าจะถึงการแข่งขันซูเปอร์โนวา, ภายในเดือนนี้ ฉันจะต้องทำให้เฮยเฟิงพัฒนาขึ้นไปสู่ระดับสมบูรณ์ (ขั้นที่​ 1) ให้ได้”

“นอกจากนั้นก็ต้องหาทางเพิ่มพลังวิญญาณ แล้วก็ทำสัญญากับสัตว์​อสูรตัวที่สองด้วย” (ไม่นับลูลู่)​

เซียวซิงหยูได้ดูวิดีโอการแข่งขันซูเปอร์โนวาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมันทำให้เขาพอจะเข้าใจรูปแบบการแข่งขันระดับนี้อยู่บ้าง

อย่างแรกเลย คือผู้เข้าแข่งขันจะต้องเป็นนักเรียนใหม่ทั้งหมด

อย่างที่สอง ระดับของนักเรียนใหม่ทุกคนจะต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์อสูรสองดาว

ซึ่งหมายความว่าเซียวซิงหยูต้องผ่านการทดสอบระดับปรมาจารย์อสูรสองดาวภายในหนึ่งเดือนนี้ ถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน

และอีกเรื่องที่สำคัญคือจำนวนสัตว์​อสูร ผู้เข้าแข่งขันซูเปอร์โนวาเมื่อปีที่แล้ว ทุกคนต่างก็มีอสูรอย่างน้อยสองตัว

​หลี่มู่เฉิง ผู้ที่เอาชนะเย่ซวงหนิงและคว้าแชมป์ไปครองนั้น มีอสูรถึงสามตัว!

ณ ตอนนี้​ถึงแม้เซียวซิงหยูจะมีสัตว์​อสูรสองตัวเเล้ว​ แต่จิ้งจอกเก้าหางเดลลูเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัว เขาย่อมไม่สามารถอัญเชิญเธอออกมาต่อสู้ในที่สาธารณะได้…ดังนั้น​ ตอนนี้​เซียวซิงหยูมีอสูรที่สามารถใช้ในการแข่งขันซูเปอร์โนวาได้เพียงตัวเดียว นั่นคือเฮยเฟิง

“ถ้ามีแค่เฮยเฟิงตัวเดียว คงจะรับมือกับการแข่งขันระดับนี้ได้ยาก, เราต้องหาโอกาสไปเดินดูตามร้านขายอสูรต่างๆซะหน่อยแล้ว เผื่อจะเจอของดีราคาถูกบ้าง”

เซียวซิงหยูได้เฮยเฟิงมาก็เพราะบังเอิญเจอของดีราคาถูกเช่นกัน

ใรขณะที่เซียวซิงหยูกำลังวางแผนสำหรับเดือนหน้าอยู่นั้น ซูหรูหยานก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า

“เซียวซิงหยู เธอหมดสติไปเพราะอะไรกันแน่?”

แววตาของซูหรูหยานในตอนนั้นดูลึกลับ​อย่างมาก มันราวกับว่า​เธอต้องการมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของเซียวซิงหยู

เซียวซิงหยูพยายามควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ แล้วกุเรื่องขึ้นมาอย่างลวกๆว่า

“สามวันที่แล้ว ผมกับเฮยเฟิงฝึกฝนหนักเกินไปจนพลังวิญญาณหมดเกลี้ยง…แล้วก็หมดสติไปครับ”

“หึๆ…น่าแปลกนะ วันที่เธอหมดสตินั้น เป็นวันเดียวกับที่รองอธิการบดีหวังตงเซิงหายตัวไป”

ทันใดนั้น​ บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยก็เริ่มอึมครึมขึ้นมาทันที

หัวใจของเซียวซิงหยูเต้นเร็วขึ้น แต่เขาก็ยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“ท่านอธิการบดี หมายความว่ายังไงครับ?...นี่ท่านคิดว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของรองอธิการบดีหวังรึเปล่า?”

ซูหรูหยานหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้า

“เปล่านี่ ฉันแค่พูดขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้หมายความว่านายเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเขาเสียหน่อย​”

“ท่านอธิการบดีครับ แล้วเรื่องที่รองอธิการบดีหวังหายตัวไป ท่านจะจัดการยังไงครับ? จะรอให้เขากลับมา หรือจะเลือกรองอธิการบดีคนใหม่?”

“เรื่องในวิทยาลัยมีมากมายที่ต้องให้รองอธิการบดีจัดการ ฉันจะรีบหาตัวรองอธิการบดีคนใหม่โดยเร็วที่สุด”

ทั้งสองคนต่างก็ซ่อนความคิดเอาไว้, ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน แต่ก็คอยจับผิดกันและกันไปด้วย

หลังจากพูดคุยกันสักพัก ซูหรูหยานก็ขอตัวกลับไป

เซียวซิงหยูนอนอยู่บนเตียง ความคิดต่างๆเริ่มวนเวียนอยู่ในหัวของเขา

“ดูเหมือนท่านอธิการบดีจะสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหวังตงเซิง แต่เธอก็ยังไม่มีหลักฐานใดๆ...”

“รองอธิการบดีหวังหายตัวไป ท่านอธิการบดีก็เลือกที่จะหาคนใหม่มาแทน…แสดงว่าท่านอธิการบดีคงไม่ได้ชอบหวังตงเซิงอยู่แล้ว พอเขาหายตัวไป ก็ถือโอกาสเปลี่ยนรองอธิการบดีคนใหม่ซะเลย”

เมื่อวิทยาลัยชิงหลงกำจัดหวังตงเซิงที่เป็​นเนื้องอกร้ายไปได้ บรรยากาศภายในวิทยาลัยก็คงจะดีขึ้นอย่างมาก

ส่วนหวังเยี่ยน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหวังตงเซิง…ตอนนี้เขากลายเป็นขอทานเร่ร่อนไปแล้ว

…..

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

เซียวซิงหยูกลับมาแข็งแรงเต็มที่เหมือนเดิมเเล้ว

วันนี้หลังเลิกเรียน เซียวซิงหยูเดินออกจากวิทยาลัยชิงหลงเพียงลำพัง มุ่งหน้าไปยังภูเขาหยินหนาน

ณ ใจกลางป่าลึก

ดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนยอดไม้ สายลมพัดเบาๆ พร้อมเสียงจั๊กจั่นที่ร้องดังระงมไปทั่ว​

“คืนนี้ อากาศดี ฟ้าฝนเป็นใจ เหมาะแก่การให้เฮยเฟิงเลื่อนขั้นจริงๆ!”

เซียวซิงหยูเปิดตราอสูร ทันใดนั้น​แสงสองสายก็พุ่งออกมา

“อาวู้ววว~”

เฮยเฟิงปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เซียวซิงหยู, ร่างกายของมันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีดำอันน่า​สะพรึงกลัว…ตอนนี้เฮยเฟิงอยู่ในระดับเริ่มต้น (ขั้นที่​ 3) ซึ่งเป็นจุดที่พร้อมจะพัฒนาไปยังขั้นต่อไปเเล้ว

เเละหลังจากการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา, ตอนนี้เฮยเฟิงก็พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่​แล้ว

ใต้ต้นไม้อีกด้าน มีสาวงามสุดเซ็กซี่เอนกายพิงต้นไม้อยู่

หูจิ้งจอกสองข้างของเธอกระดิกไปตามแรงลม

“เดลลู การเลื่อนขั้นมันมีความเสี่ยงมาก, แถมเฮยเฟิงยังมีพลังธาตุความมืดอยู่ในร่างกายด้วย ระหว่างการเลื่อนขั้นมันอาจจะควบคุมพลังไม่อยู่ ดังนั้นเธอช่วยดูแลให้หน่อยนะ”

ที่เซียวซิงหยูเรียกเดลลูออกมา ก็เพื่อให้เธอช่วยดูแลความปลอดภัยระหว่างการเลื่อนขั้นของเฮยเฟิง

การเลื่อนขั้นของอสูรเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว มันมีโอกาสที่จะสำเร็จ​เเละล้มเหลวได้พอๆกัน

ยิ่งอสูรมีพลังธาตุหลายชนิดมากเท่าไหร่ การเลื่อนขั้นก็จะยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น, เฮยเฟิงมีพลังธาตุถึงสามชนิด ดังนั้นการเลื่อนขั้นของมันจึงยากกว่าอสูรตัวอื่นๆในระดับเดียวกันมาก

หลัง​จากนั้น, เซียวซิงหยูก็เปิดแหวนมิติ หยิบวัตถุดิบสำหรับการเลื่อนขั้นออกมาจำนวนหนึ่ง

ซึ่ง​วัตถุดิบ​เหล่านี้​ได้​เเก่ เถาวัลย์วิญญาณไฟ, หญ้าเปลวเพลิงร้อยใบ, ยาเม็ดเพลิงแดง, น้ำยาบำรุงพลังธาตุไฟคุณภาพสูงหนึ่งขวด และแกนอสูรธาตุไฟระดับเติบโต​อีกหนึ่งเม็ด

วัตถุดิบสำหรับการเลื่อนขั้นเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 5 ล้านหยวน, เเน่​นอน​ว่า​เซียวซิงหยูไม่ได้​มีเงินมากขนาดนั้นหรอก เขาได้สิ่งของเหล่านี้มาเพราะอาศัยพี่สาวคนสนิทอย่างฉินเยียนหรัน

เมื่อฉินเยี่ยนหรานรู้ว่าเซียวซิงหยูต้องการวัตถุดิบสำหรับการเลื่อนขั้น เธอก็ไม่ลังเลที่จะควักเงินซื้อให้ทันที แถมยังซื้อแต่ของที่แพงที่สุดอีกด้วย!

“เฮยเฟิง กินเข้าไปซะ!”

เซียวซิงหยูยัดวัตถุดิบทั้งหมดเข้าไปในปากของเฮยเฟิงทันที​

“อาบู๊วววว~~~”

หลังจากกินวัตถุดิบเข้าไปแล้ว ขนของหมาป่าเฮยเฟิงก็ลุกชันขึ้นมาทันที มันเอาหัวโขกต้นไม้และก้อนหินรอบๆอย่างบ้าคลั่ง

ในขณะเดียวกัน เปลวเพลิงสีดำที่ลุกโชนอยู่บนร่างกายของมันก็เริ่มขยายตัวออกอย่างรวดเร็วจนทำให้ต้นไม้ในป่าจนกลายเป็นทะเลเพลิง!

“เฮยเฟิง ตั้งสติไว้! พยายามทำลายกำแพงนั่นให้ได้!”

อสูรที่มีพลังธาตุถึงสามชนิด ทุกครั้งที่เลื่อนขั้นจะยากกว่าอสูรธาตุ​เดียวมาก…การเลื่อนขั้น​เเต่ละครั้ง​ ถึงจะไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสหนัก

ปรมาจารย์อสูรและสัตว์​อสูรสามารถเชื่อมต่อจิตวิญญาณกันได้…ดังนั้น​เซียวซิงหยูจึงสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เฮยเฟิงกำลังเผชิญอยู่

เดลลูก็ไม่ได้อยู่เฉย เธอปล่อยพลังปราณสีแดงออกมาสร้างเกราะป้องกันขึ้นรอบๆ หมาป่าเฮยเฟิง

เฮยเฟิงถูกขังอยู่ในเกราะป้องกัน จึงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสภาพ​แวดล้อมได้อีก

“เฮยเฟิง อีกนิดเดียว! อดทนไว้อีกหน่อยนะ!”

เซียวซิงหยูพูดขณะใช้ดวงตาเทพ​อสูร​มองดูความคืบหน้าของการเลื่อนขั้น

[ความคืบหน้าการเลื่อนขั้น]

10%

20%

30%

99%

ความคืบหน้าหยุดอยู่ที่ 99% เเล้วไม่ขยับไปไหนจนเซียวซิงหยูเริ่มรู้สึกกังวล

ตูมมมม!!!

ทันใดนั้น มันก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากใจกลางทะเลเพลิง

แรงระเบิดทำให้เซียวซิงหยูล้มลงกับพื้น…เเละหลังจากลุกขึ้นมา เซียวซิงหยูก็ได้ยินเสียงคำรามที่คุ้นเคย

“อาบู๊วววว!”

“เฮยเฟิง! เเกทำสำเร็จแล้ว!”

เซียวซิงหยูดีใจจนเนื้อเต้น

……………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด