ตอนที่แล้วบทที่ 223  ลิฟต์ ตอนที่ 20
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 225  ลิฟต์ ตอนที่ 22

บทที่ 224  ลิฟต์ ตอนที่ 21


บทที่ 224  ลิฟต์ ตอนที่ 21

ไช่ม่านจูเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอมองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นสายตาก็กลับมาจับจ้องอยู่ที่

กงเสวี่ย เธอไม่สามารถแยกจากผู้หญิงคนนี้ได้

แปะ!

เสียงก้อนหินร่วงลงไปด้านล่างดังขึ้น ไช่ม่านจูหดตัวเล็กลง ดวงตาของเธอกลอกไปมาเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัว

กงเสวี่ยยังคงเดินต่อไปโดยไม่ได้รับผลกระทบ

ไช่ม่านจูอยากจะพูดคุยกับเธอ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะพูดคุยกัน

ทั้งสองตัวเปียกปอนไปหมด ไช่ม่านจูปาดหยดน้ำออกจากขนตา ร่างกายเริ่มสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว

กงเสวี่ยมีพลังของผู้สื่อสารกับวิญญาณ ความสามารถของเธอเหนือกว่าตัวเธอเองมาก และตอนนี้เธอกำลังอยู่ในโหมดใช้พลังพิเศษ ผีตัวนั้นก็ควรจะเล็งเป้าหมายไปที่กงเสวี่ยแทนเธอสิ ใช่ไหม?

ในใจไช่ม่านจูกำลังภาวนา และกำยันต์ในมือแน่น แม้ฝนจะตกหนัก แต่กระดาษยันต์กลับไม่เปียกชื้นเลย

ขณะที่ใจเธอกำลังว้าวุ่น ไช่ม่านจูไม่ได้สังเกตเห็นก้อนหินที่พื้น เธอเหยียบมันเข้าและลื่นล้มลง “พี่กง!”

เธอลุกขึ้นยืนทันที กงเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอถามเสียงเรียบ “เดินต่อไหวไหม?”

ไช่ม่านจูพยักหน้า “ไหวค่ะ พวกเรากำลังจะออกไปได้แล้วใช่ไหม? พี่กง ฉันกลัวเหลือเกิน”

กงเสวี่ยไม่ได้ตอบ เธอเพียงพยักหน้าเล็กน้อย

ไช่ม่านจูมองแผ่นหลังของเธอ ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในหัว

ไม่ได้! จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้!

“พี่กง ฉันจับเสื้อคุณได้ไหม ฉันกลัวว่าจะพลัดหลงกับคุณ”

กงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไร ไช่ม่านจูจึงถือว่าเธอยอมอนุญาต เธอค่อย ๆ เอื้อมมือออกไป และเมื่อเห็นว่ากงเสวี่ยไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เธอก็จับชายเสื้อไว้ พร้อมทั้งแอบแปะยันต์สีขาวที่วาดอักขระสีดำลงบนชายเสื้อนั้น

ทันทีที่ยันต์ถูกติด ความเย็นยะเยือกก็ปกคลุมรอบตัว ไช่ม่านจูสะดุ้ง และย้ายมือไปจับชายเสื้อในตำแหน่งอื่นแทน

ทั้งสองเดินต่อไปช้า ๆ แต่ไม่นานนัก ไช่ม่านจูก็รู้สึกเหนื่อย ทั้งที่พวกเธอกำลังเดินลงบันได แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังปีนขึ้นไปแทน

แต่ในที่สุด เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นภาพที่คุ้นเคยของชั้นหนึ่ง “พี่กง พวกเราออกมาได้แล้ว!”

กงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงเดินต่อ ไช่ม่านจูก็รีบเดินตามไปอย่างไม่ลังเล

เธอคิดในใจว่า ยันต์เปลี่ยนเป้าหมายที่เธอติดไว้บนเสื้อของกงเสวี่ยน่าจะทำงานได้ดี ต่อให้ผีตัวนั้นเล็งมาที่เธอ มันก็ควรจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่กงเสวี่ยแทน

เมื่อทางออกอยู่ใกล้แค่เอื้อม ไช่ม่านจูเผลอวิ่งล้ำหน้ากงเสวี่ยไปโดยไม่รู้ตัว หวังจะรีบไปที่รถโดยเร็วที่สุด

ทันใดนั้นเท้าของเธอก็สะดุดเข้ากับบางสิ่ง เธอหกล้มลงบนพื้น “อึ้ก!”

พื้นตรงนั้นไม่ใช่พื้นราบที่เรียบสนิท ทั้งที่เมื่อครู่นี้เธอเห็นชัดว่ามันคือทางออกของชั้นหนึ่ง

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นดูอีกครั้ง เธอกลับพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่ชั้นหนึ่ง แต่เป็นชั้นที่พวกเธอเจอศพก่อนหน้านี้ และตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนแท่นที่ศพนั้นถูกฝังไว้

“ฮึ่ก!”

เธอถอยกรูดออกมาด้วยความตกใจ แต่ขยับไปไม่กี่ครั้งหลังของเธอก็ชนเข้ากับบางสิ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นขาของคน

กรามของไช่ม่านจูเริ่มสั่นเทา ทำไมตัวของพี่กงถึงได้เย็นขนาดนี้?

ไม่สิ…นี่ใช่พี่กงจริงหรือเปล่า?

“พี่กง?”

เธอลองเรียกดู แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ ร่างกายของไช่ม่านจูยิ่งสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

ใช่แล้ว เธอยังมีอาวุธอยู่!

ไช่ม่านจูจับมีดสั้นในมือแน่น ก่อนจะพลิกตัวแทงกลับไปเต็มแรง แต่กลับไม่มีสิ่งใดอยู่เบื้องหลัง

ก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว มือเย็นเฉียบก็จับเข้าที่แขนของเธอและบิดมันอย่างแรง

“อ๊าก!”

แขนขวาของไช่ม่านจูหลุดเคลื่อนจนไม่มีแรง มีดสั้นหล่นลงข้างตัว เธอพยายามจะลุกขึ้นไปหยิบมีด แต่กลับลื่นล้มจนหน้าคว่ำไปกับพื้น

เธอพยายามยื่นแขนซ้ายออกไปหยิบมีด แต่ร่างของเธอกลับลอยขึ้นมา ก่อนจะถูกเหวี่ยงไปด้านหลังจนกระแทกกับของแหลม เธอรู้สึกเจ็บจนไม่สามารถยืดตัวได้ตรง

เธอจึงหยิบดาบไม้พีชออกมา แต่สองมือจากเบื้องหลังกลับจับไหล่ของเธอแน่นจนเธอขยับไม่ได้

เธอพยายามหันไปมองด้านหลัง แต่คอของเธอขยับไม่ได้เลย เมื่อเธอหันกลับมามองด้านหน้าอีกครั้ง ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

หญิงสาวผมยาวกระเซอะกระเซิงยืนอยู่เบื้องหน้า คอของเธอเอนอยู่บนไหล่เหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนหัก เสียงฝนชโลมร่างของเธอ เลือดที่ผสมกับน้ำฝนไหลมาทางไช่ม่านจูเรื่อย ๆ

“ไม่! ไม่! ไม่!

ปล่อยฉัน! พี่กง! หัวหน้ากู้บอกว่าคุณต้องช่วยชีวิตฉันไว้!”

“อ๊าก! ฉันไม่อยากตาย!”

แม้เธอจะกรีดร้องสุดเสียง แต่ร่างกายของเธอก็ยังขยับไม่ได้ ได้แต่มองดูน้ำเลือดที่ไหลเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ

ไช่ม่านจูหายใจหอบหนัก เหมือนปลาที่ถูกโยนขึ้นฝั่ง กำลังดิ้นรนอย่างสิ้นหวังเพื่อจะได้หายใจ

เมื่อเลือดไหลมาถึงขาของเธอ ร่างของหญิงผมยาวที่ยืนอยู่ห่างออกไปเมื่อครู่กลับปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างใกล้ชิด ผีสาวโน้มตัวลงจนระดับสายตาของเธออยู่ตรงกับไช่ม่านจู

ความกลัวอันเย็นเยียบปกคลุม ไช่ม่านจูลืมการดิ้นรนและการขัดขืน ใบหน้าของเธอขาวซีดไร้สีเลือด

ท่ามกลางเสียงฝนที่กระหน่ำ เธอได้ยินเสียง “ฉึก”

ทันใดนั้นแสงไฟสีแดงเข้มก็สว่างวาบขึ้น เธอเห็นดาบไม้พีชของตัวเองปักเข้าไปในร่างของผีสาว

“อึ่ก…”

“อ๊าก!”

เสียงกรีดร้องแหลมดังสนั่นก้องไปทั่วทั้งอาคาร จนแม้แต่อยู่ข้างนอกก็ยังได้ยิน

กงเสวี่ยที่วิ่งออกจากอาคารมาแล้ว หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของไช่ม่านจู เธอหันกลับไปมองอาคารนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเช็ดหน้าด้วยมือ แล้ววิ่งต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง

ก่อนหน้านี้ หัวหน้ากู้ให้มีดพิเศษกับไช่ม่านจูไป แต่ถ้าในสถานการณ์แบบนี้ถ้าหญิงคนนั้นยังเอาตัวไม่รอด

กงเสวี่ยก็คิดว่าเธอไม่สมควรได้รับการช่วยเหลือ ที่น่าเสียดายคืออาวุธนั้น

ในรถ คนขับที่รอพวกเขาอยู่ได้ยินเสียงกรีดร้องดังกล่าวจนสะดุ้งโหยง เขาหันไปมองต้วนเจียชิ่งด้วยความตื่นกลัว “พวกคุณทำอะไรกันแน่? ฉันไม่เอาแล้วงานนี้!”

เขารู้สึกแปลกใจตั้งแต่แรกที่ทั้งสองยังไม่กลับมา แล้วตอนนี้ก็มีเสียงกรีดร้องออกมาแบบนี้ มันชัดเจนว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น

ต้วนเจียชิ่งมองเขาด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะหยิบมีดปลายแหลมที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ออกมาชี้ไปที่คอของคนขับ

“ผมแนะนำให้คุณอย่าคิดทำอะไรโง่ ๆ”

คนขับที่เห็นปลายมีดชี้มาที่คอของตัวเองยกมือขึ้นช้า ๆ

“พวกคุณจะทำอะไรก็อย่าลากฉันไปเกี่ยวข้องด้วยเลย ฉันแค่คนขับแท็กซี่เท่านั้น”

สายตาของต้วนเจียชิ่งถูกดึงดูดไปยังร่างของกงเสวี่ยที่วิ่งกลับมา เธอเปิดประตูด้านที่นั่งข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่ง ก่อนพูดเสียงเย็นชา

“ขับรถกลับไปหมู่บ้านชุนหยวนเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณพาเราไปที่อื่น คนในหมู่บ้านนั้นจะตายเพิ่มขึ้นอีก และเราจะฆ่าคุณก่อนค่อยว่ากัน”

ปากของคนขับสั่นระริก เขาพยักหน้ารับหลายครั้ง เดิมทีเขาคิดว่าจะขับรถไปแจ้งตำรวจ แต่พอเจอท่าทีโหดเหี้ยมแบบนี้ก็เปลี่ยนใจทันที

รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไป อาคารร้างค่อย ๆ หายลับไปจากสายตา

ต้วนเจียชิ่งที่เห็นว่าไช่ม่านจูไม่ได้กลับมาก็เดาได้ทันทีว่าเธอคงไม่รอด

ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนคิดเพียงแค่ว่าต้องไปให้ถึงชั้นห้าของอาคารในหมู่บ้านชุนหยวนให้เร็วที่สุด เพราะการไปถึงจุดนั้นหมายถึงความสำเร็จของภารกิจนี้

พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่ช่วงเที่ยง ใช้เวลาไม่นานในการค้นหาศพในอาคารร้าง แต่ตอนที่ออกมาพวกเขาถูกกักขังไว้ กงเสวี่ยได้ยินความเคลื่อนไหวด้านหลัง และรู้ว่าไช่ม่านจูหายไปแล้ว

ตอนที่เธอเห็นไช่ม่านจูหยิบยันต์พิเศษออกมา เธอเดาได้ทันทีว่าไช่ม่านจูกำลังจะโยนความเสี่ยงทั้งหมดมาให้เธอ ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอจึงไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นอีก

กงเสวี่ยมองออกไปนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยรถ

“เมื่อกลับไป อาคารนั้นจะอันตรายมาก คุณต้องเตรียมตัวให้ดี ฉันอาจดูแลคุณไม่ได้”

ต้วนเจียชิ่งพยักหน้า “เข้าใจครับ”

ตราบใดที่กงเสวี่ยสามารถทำภารกิจสำเร็จ ความเสี่ยงก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

คนขับรถคิดในใจว่ากลุ่มคนพวกนี้อาจมีปัญหาทางจิต ไม่เช่นนั้นคงไม่พูดอะไรที่จับต้นชนปลายไม่ถูกแบบนี้

แต่ด้วยความคิดเช่นนี้ เขายิ่งไม่กล้าขัดคำสั่งของพวกเขา เพราะถ้าถูกฆ่าตาย เขาเองก็จะเป็นเหยื่อที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในโลกที่เต็มไปด้วยคนบ้าแบบนี้...

..........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด