ตอนที่แล้วบทที่ 1087: จักรพรรดิแห่งท้องทะเล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1089: อารมณ์แปรปรวนคืออะไร?

บทที่ 1088: หายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง, ฮาคิสังเกตของคุซัน


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 1088: หายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง, ฮาคิสังเกตของคุซัน

รสชาติไม่ได้หวาน เหมือนลูกแก้ว ควีนรู้แล้วว่ามันคืออะไร

นั่นคือรัมเบิลบอล Q30 ของเขา มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่มีรสชาติแบบนั้น ส่วนทำไมเขากับวูล์ฟถึงรู้ว่าลูกแก้วมีรสชาติอย่างไร ก็ต้องไปถามเจ้าตัวเองแล้ว

แต่ตอนนี้ไม่ใช่ประเด็น สิ่งนั้นเป็นผลงานวิจัยที่ล้มเหลวของเขา จะบอกว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิงก็ไม่ถูก เพียงแต่มูลค่าทางยุทธศาสตร์ต่ำเกินไป เขาจึงไม่ได้ทิ้งมันไป

แต่เมื่อกี้เขาดีใจเกินไป เผลอหยิบถุงผิด

ตามทฤษฎีแล้ว สิ่งนี้ไม่ทำให้คนตายแน่นอน แต่เขาเผลอเอามันให้เด็กกิน แถมยังอยู่ต่อหน้ายามาโตะอีก ควีนถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก ยื่นมือไปคว้าวูล์ฟกับเหมียว หวังจะเอาสิ่งนั้นออกมาจากปากก่อนที่พวกเขาจะกลืนลงไป

แต่ควีนก็ช้าไปก้าวหนึ่ง จุดประสงค์แรกเริ่มของการออกแบบรัมเบิลบอล Q30 คือให้เห็นผลอย่างรวดเร็วในการต่อสู้ ยาแบบนี้จะให้เป็นแบบเม็ดละลายช้า ค่อย ๆ ออกฤทธิ์ไม่ได้

เคี้ยวแล้วออกฤทธิ์ทันที นี่คือจุดประสงค์ของควีนตอนที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมา ดูเหมือนตอนนี้เขาจะทำสำเร็จแล้ว

"ลุงควีน ลุงให้พวกเขากินอะไรเข้าไป? ไม่ใช่มีพิษนะ?"

พูดจบ ยามาโตะก็หยิบโรตอมขึ้นมา กะจะแจ้งหมอและอาร์เซอุส รวมถึงเซราโอร่ากับเซ็ตสึนะด้วย

นี่ไม่ใช่การแก้แค้น เด็กกินอะไรผิดสำแดงเป็นเรื่องใหญ่ การแจ้งผู้ปกครอง หมอ และผู้มีอำนาจตัดสินใจเป็นเรื่องปกติ

"ไม่มีพิษ แน่นอนว่าไม่มีพิษ! วางโทรศัพท์ลงก่อน หมอที่ศูนย์โปเกมอนสักกี่คนกันเชียวที่จะเก่งกว่าลุง เพียงแต่สิ่งนี้เป็นงานทดลองของลุง เป็นรัมเบิลบอลรุ่นปรับปรุงใหม่ ทำให้คนหงุดหงิด ฉุนเฉียวได้ง่าย ถือเป็นยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์รุนแรง น่าจะไม่มีอะไรร้ายแรง"

"ไม่มียาแก้พิษเหรอ?"

"นี่ไม่ใช่ยาพิษ ใครจะทำยาแก้พิษให้กับสิ่งนี้กัน! พวกกองทัพเรือคิดอะไรแปลก ๆ แบบนี้เหรอ?"

ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้คุซันเข้าร่วมกลุ่มแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วม เขาก็จะไม่เป็นศัตรูกับเด็กที่ไม่มีค่าหัว แถมยังถามด้วยความเป็นห่วงอีกสองสามคำ

แต่ควีนไม่มีอารมณ์ตอบคำถาม เขาเองก็อยากมียาแก้พิษ แต่รัมเบิลบอล Q30 ไม่ใช่ยาพิษ จึงไม่มียาแก้พิษ

ผลไม้แก้พิษสามารถล้างพิษได้ แต่ไม่ได้ผลกับยาประเภทกระตุ้นแบบนี้

"นี่ พวกเธอสองคนรู้สึกแปลก ๆ บ้างไหม? ถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนก็รีบบอกนะ นี่เป็นอุบัติเหตุ น่าจะแก้ไขได้ง่าย"

เหมียวกับวูล์ฟไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อพวกเขายกหัวขึ้นอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างก็แดงก่ำ ส่งเสียงคำรามต่ำ ร่างกายก็เริ่มมีกระแสไฟฟ้าแรงสูง

"ไม่นะ สิ่งนี้มีผลกับเผ่ามิงค์แบบนี้เหรอ?!"

ตาแดง คำราม กระแสไฟฟ้า เมื่อลักษณะเหล่านี้ปรากฏบนเผ่ามิงค์ จะมีผลลัพธ์เดียว นั่นคือร่างซูลอง

ในฐานะท่าไม้ตายของเผ่ามิงค์ ร่างซูลองสามารถเพิ่มพลังให้กับเผ่ามิงค์ได้อย่างน่ากลัว ทำให้พวกเขาทะลุขีดจำกัดของตัวเองได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ปกติแล้ว เผ่ามิงค์สามารถเข้าสู่สถานะนี้ได้โดยการมองดูพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น

แต่ตอนนี้เผ่ามิงค์มีหินแห่งดวงจันทร์แล้ว พวกเขามีความสามารถในการแปลงร่างเป็นซูลองได้โดยตรงในสถานะปกติผ่านหินแห่งดวงจันทร์ที่อาร์เซอุสมอบให้

นอกจากวิธีการเหล่านี้แล้ว ยาก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง

ในช่วงเวลาเดิม ในการต่อสู้ระหว่างลอว์กับหนวดดำ ในขณะที่ลอว์พ่ายแพ้ เบโปะก็กลายร่างเป็นซูลองในตอนกลางวันโดยการกินยาที่ช็อปเปอร์ให้

อาศัยพลังของร่างซูลอง พาตัวลอว์หนีจากหนวดดำ ถึงแม้ว่ายาตัวนี้จะมีผลข้างเคียง แต่ในสถานการณ์นั้น เบโปะก็ไม่มีทางเลือกอื่น

รัมเบิลบอล Q30 ที่ควีนสร้างขึ้นนั้นแตกต่างจากยาที่ช็อปเปอร์ให้เบโปะ แต่บังเอิญว่ามันมีผลเหมือนกัน

ร่างกายของเหมียวกับวูล์ฟเริ่มเปลี่ยนไป ขนสีขาวเริ่มยาวขึ้น ส่วนคุซันก็มองควีนด้วยสายตาแบบเดิมอีกครั้ง

【อย่างที่คิด หมอนี่มีปัญหาจริง ๆ ที่เผ่ามิงค์แปลงร่างเป็นซูลองในตอนกลางวันได้ เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง】

ข้อมูลของรัฐบาลโลกกับกองทัพเรือก็มีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง ดังนั้นคุซันจึงรู้ว่าเผ่ามิงค์มีความสามารถในการแปลงร่างเป็นซูลองในตอนกลางวันได้เพิ่มขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าความสามารถนี้ได้มาอย่างไร ตอนนี้ควีนก็ให้คำตอบกับเขาแล้ว

เขาเห็นกับตาตัวเองเลยว่า เด็กเผ่ามิงค์สองคนนี้กลายร่างเป็นซูลองหลังจากกินลูกอมที่ควีนให้ ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับควีน คุซันก็ไม่เชื่อหรอก

ด้วยความช่วยเหลือจากอาร์เซอุส ควีนเพิ่งจะล้างมลทินเรื่องอาวุธชีวภาพขนาดยักษ์ในใจของคุซันไปหยก ๆ แต่ไม่ถึงนาที เขาก็รับผิดชอบเรื่องที่เผ่ามิงค์แปลงร่างเป็นซูลองในตอนกลางวันไปเต็ม ๆ

แถมยังเหมือนกับตอนที่ใช้พลังแห่งธรรมชาติปลุกพลังผลปีศาจต่อหน้าอาคาอินุ เป็นความผิดมหึมาที่ติดตัวไปตลอดกาล

แต่ตอนนี้ควีนไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องความผิดแล้ว

นี่ไม่ใช่การค้นพบที่มีความหมายอะไร ผู้ใช้พลังของเผ่ามิงค์ที่มีเครื่องแปลงร่างจากหินแห่งดวงจันทร์ ไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้เพื่อแปลงร่างเป็นซูลอง

ตอนนี้มีปัญหาใหญ่กว่านั้นอีก ถ้าเป็นเผ่ามิงค์ที่เชี่ยวชาญการใช้ร่างซูลองอยู่แล้ว การเข้าสู่สถานะนี้จะไม่มีผลกระทบอะไร แต่สำหรับมือใหม่แล้ว การเรียนรู้ร่างซูลองเป็นกระบวนการที่อันตราย โดยปกติต้องมีคนสอนแบบตัวต่อตัว

ถ้าไม่ระวัง ความสามารถนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกาย

ยังไงอาร์เซอุสก็ช่วยได้อยู่แล้ว คงไม่เกิดเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ เขาจะต้องโดนรุมกระทืบแน่นอน แม้แต่เซราโอร่าก็คงจะไม่ห้าม แถมจะลงมือเองด้วยซ้ำ

"คิดออกแล้ว! คุณหนูยามาโตะ แช่แข็งพวกเขาทั้งสองคนเลย รอจนกว่าฤทธิ์ยาจะหมด พวกเขาก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ"

"ไม่เอา"

"ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเอาแต่ใจนะ! แบบนี้ก็ดีกับพวกเขาทั้งสองคนด้วย ไม่อย่างนั้นร่างกายจะบาดเจ็บหนัก!"

เห็นว่าทั้งสองคนเข้าสู่ร่างซูลองอย่างสมบูรณ์แล้ว แถมยังทำท่าจะโจมตีอีก ควีนก็เร่งยามาโตะ แต่ยามาโตะก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ ทำให้ควีนต้องหันไปพึ่งคุซัน

"นี่ คุซัน นายเป็นผู้ใช้พลังผลน้ำแข็งไม่ใช่เหรอ? รีบแช่แข็งพวกเขาทั้งสองคนสิ!"

"ฉันว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ"

เรื่องที่แม้แต่ยามาโตะก็ไม่อยากทำ ดูก็รู้ว่ามีปัญหา เผ่ามิงค์ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มร้อยอสูรก็มีแค่เซราโอร่า คุซันเดาว่านี่น่าจะเป็นลูกของเขา ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย

และในตอนนั้นเอง ยามาโตะก็หยิบกระดิ่งออกมาจากกระเป๋าเป้

"เจอแล้ว กระดิ่งปลอบประโลม ฉันจำได้ว่าพ่อบุญธรรมเคยให้สิ่งนี้กับฉัน"

ยามาโตะจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาทั้งสองคนคลุ้มคลั่ง ถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ เธอก็คงต้องเลือกใช้การแช่แข็งเพื่อรับมือกับวิกฤต แต่ในเมื่อมีไอเทมก็ไม่เหมือนกัน

เสียงกระดิ่งที่ไพเราะดังขึ้นจากกระดิ่งปลอบประโลม เหมียวกับวูล์ฟที่อยู่ในร่างซูลองก็สงบลง แต่ดูเหมือนร่างนั้นจะสร้างภาระทางจิตใจให้กับพวกเขาไม่น้อย ตอนนี้ทั้งคู่หลับไปแล้ว

"เฮ้อ คุณหนูของผม คราวหน้าถ้ามีไอเทมก็บอกมาแต่แรกสิ ทำเอาผมตกใจแทบแย่"

"อย่าสนใจเรื่องแบบนั้นเลย ลุงควีน ตอนนี้หนูให้ลุงเลือกสองข้อ หนึ่ง หนูจะไปบอกพี่สาวเซ็ตสึนะกับพี่เซราโอร่า ให้พวกเขามาคุยกับลุงดี ๆ "

ยามาโตะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เป็นคำพูดที่อันตราย ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ควีนคงจะโดนยิงเป็นเป้านิ่งติดต่อกันหลายวัน

"แค่ก ๆ แล้วข้อสองล่ะ?"

"ข้อสอง? ง่ายมาก หนูจะจัดการลุงแทนพวกเขา แค่นี้ก็จบ"

ทาเครุ 7.0 ปรากฏขึ้นในมือของยามาโตะ เธอชั่งน้ำหนักอาวุธในมือ ดูเหมือนกำลังคิดว่าจะตีตรงไหนถึงจะสะใจที่สุด

"ไม่เลือกสักข้อ! ลุงนึกขึ้นได้ว่ายังมีงานที่แล็บยังไม่ได้ทำ ลุงไปก่อนนะ"

ควีนหันหลังกลับจะหนีทันที แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไป เขาก็พบว่าเท้าของตัวเองถูกแช่แข็งแล้ว ไอเย็นแผ่กระจายจากเท้าของยามาโตะไปทั่วร่างกายของเขา

"คุณหนู จะทำอะไรครับ?"

"ลุงน่าจะเดาออกแล้วไม่ใช่เหรอ ลุงควีน? หนูพบว่าตรรกะของไอ้พ่อสารเลวนั่นก็ใช้ได้เหมือนกัน บางครั้งการลงมือก็สามารถแก้ปัญหาได้ส่วนใหญ่"

"ในเมื่อลุงไม่เลือกสักข้อ หนูก็ถือว่าลุงเลือกทั้งสองข้อ นี่คือผลกรรมที่ลุงเคยอยากจะตายไปพร้อมกับฉัน!"

ในวันแรกที่เข้าร่วมกลุ่มอย่างเป็นทางการ คุซันก็ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมองค์กรของกลุ่มร้อยอสูร และรู้สึกสงสัยในความสามารถของควีน เขาช่างลึกลับกว่าที่โลกภายนอกล่ำลือเสียอีก

"ฉันนึกขึ้นได้ อาคาอินุเคยบ่นว่าฮาคิของนายแข็งแกร่งมากหลังจากภารกิจครั้งนั้น ที่แท้ฮาคิของนายก็ฝึกฝนมาแบบนี้เองเหรอ? ช่างลำบากจริง ๆ "

"อย่ามาพูดจาเย็นชาแบบนั้น! โอ๊ย! คุณหนูยามาโตะ คุณเอาจริงเหรอ! ผมจะตอบโต้แล้วนะ!"

"มาสิ! พวกเราก็ไม่ได้ฝึกฝนกันมานานแล้ว พอดีเลย ให้ลุงได้สัมผัสกับฝีมือของหนูหน่อยดีกว่า!"

คุซันถอยห่างออกมาเงียบ ๆ นอกจากเรื่องตรงหน้าแล้ว การที่อูฐกลายเป็นเอ็มเพลท์ก็ทำให้เขาคิดมาก แต่เขาที่เห็นคุณค่าของปัจจุบันไม่ได้คิดมากตรงนี้ และไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางการต่อสู้ระหว่างยามาโตะกับควีน แต่กลับไปลองแช่ออนเซ็นของวาโนะคุนิแทน

นี่ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของวาโนะคุนิ ริมถนนก็เห็นออนเซ็นเยอะแยะ เมื่อกี้เขาก็สนใจพอดี เลยมาลองแช่ดู

"หนุ่มน้อย เป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มร้อยอสูรงั้นเหรอ? ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยนะ"

ในออนเซ็น คุณลุงคนหนึ่งมองขาที่ขาดของคุซันแล้วถามขึ้น

"ครับ เพิ่งมาที่นี่ ได้ยินว่าออนเซ็นดีมาก เลยมาลองแช่ดู"

"น่าเสียดายนะ เป็นหนุ่มที่ดูดีแท้ ๆ ขาของเธอขาดไปนานแล้วสินะ? ถ้ายังหาส่วนที่ขาดเจอ ก็น่าจะต่อกลับมาได้"

เขาหมายถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่ที่นั่นรักษาได้อย่างเดียว ไม่สามารถสร้างแขนขาที่ขาดหายไปขึ้นมาใหม่ได้เหมือนกับชุบชีวิตคนตาย ถ้าอยากทำแบบนั้นต้องให้อาร์เซอุสลงมือเอง

คนสูงอายุหลายคนมักจะชอบพูดมาก เห็นคุซันสนใจ คุณลุงคนนั้นก็เลยเล่าเรื่องราวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ คนที่ไม่จริงใจจะขึ้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ จะถูกดีดกลับกลางทาง แต่ถ้าขึ้นไปถึงยอดเขาได้ ก็จะได้รับพร

"วิเศษขนาดนั้นเลยเหรอครับ? สุดยอดไปเลยนะครับ"

"ใช่แล้ว ดูฉันสิ อายุแปดสิบกว่าแล้ว ร่างกายยังแข็งแรงอยู่เลย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสิ่งนี้ สมัยก่อนวาโนะคุนิไม่ได้ดีแบบนี้ ว่าแต่ขาที่ขาดของเธอหาไม่เจอแล้วเหรอ?"

"หาไม่เจอแล้วครับ คงจะไหม้เป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว"

"ไฟไหม้เหรอ? น่าเสียดายจัง"

"ไม่เป็นไรครับ ผมทำใจได้นานแล้ว แถมยังมีวิธีของตัวเองด้วย"

พูดจบ คุซันก็ใช้พลังน้ำแข็งสร้างขาเทียมขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อเขาก้าวลงไปในออนเซ็น ขาเทียมก็หายไป

"ที่แท้เธอก็เป็นนักเวทย์นี่เอง เป็นความสามารถที่สะดวกจริง ๆ "

"คุณปู่ คุณครูบอกว่าเขาเรียกว่าผู้ใช้พลังผลปีศาจ ไม่ใช่นักเวทย์นะ"

"เหมือนกัน ๆ ก็เหมือนกันแหละ ปู่พูดแบบนี้จนติดปากไปแล้ว ฮ่าฮ่า ๆ "

โรงเรียนของกลุ่มร้อยอสูรทำให้คนหนุ่มสาวของวาโนะคุนิเริ่มเชื่อมต่อกับโลกภายนอก พวกเขารู้แล้วว่าริวโอเรียกว่าฮาคิเกราะ นักเวทย์ก็คือผู้ใช้พลังผลปีศาจ แต่คนสูงอายุก็ยังยืนกรานที่จะเรียกแบบเดิม

ถึงแม้ว่าลูกหลานจะแก้ไขให้ พวกเขาก็ยังคงเรียกแบบเดิมอีก นิสัยที่ทำมานานหลายปีไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ การที่พวกเขาไม่กลัวเผ่าพันธุ์ภายนอกที่ไม่ค่อยได้เจอ ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างมากแล้ว

"แต่พวกคุณไม่กลัวกันเหรอครับ? ข้างนอกกำลังต่อสู้อยู่นะ"

แม้จะอยู่ในออนเซ็น คุซันก็ยังได้ยินเสียงการต่อสู้จากข้างนอก เสียงดังขนาดนั้น คนทั่วไปก็น่าจะได้ยิน

"ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณหนูโอนิฮิเมะกับท่านควีนกำลังประลองกัน พวกเขามีขอบเขตกันอยู่ เดี๋ยวก็คงจบแล้ว"

คุซันพูดคุยเรื่องทั่วไปกับคนในออนเซ็น จนกระทั่งการต่อสู้สิ้นสุดลง เขาก็ออกจากออนเซ็น จากการสอบถามชาวบ้าน เขาก็มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับวาโนะคุนิ และหลังจากออกไป เขาก็มีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับความสามารถของยามาโตะ

สามารถทำให้คนปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่ไม่มีบาดแผลภายนอก การฝึกฝนจนถึงระดับนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

"สบายตัวแล้ว ลุงควีน ต่อไปก็ขอให้โชคดี ขอให้ลุงโชคดี หนูฝากคุซันไว้กับลุง ลุงไปจัดที่พักให้เขาสิ"

ยามาโตะขยับร่างกายเล็กน้อย รู้สึกสบายตัวมาก จากนั้นก็เก็บอาวุธแล้วเดินไปทางบ่อน้ำร้อนหญิง

"กิจวัตรประจำวันของพวกคุณช่างแปลกจริง ๆ "

"อย่ามาพูดจาเย็นชาเลย รอไปเถอะ ยังไงซะสักวันนายก็จะได้สัมผัสกับการดูแลแบบนี้เหมือนกัน ฮ่าๆ ๆ ๆ !"

ยามาโตะลงมืออย่างมีขอบเขต ควีนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย เมื่อนึกถึงแผนการแรกเริ่มของยามาโตะ เขาก็ยังสามารถเยาะเย้ยคุซันได้สองสามคำ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจ

เรื่องวันนี้ก็อยู่ในความคาดหมายของเขา เพียงแต่เวลาล่าช้าออกไปนานเกินไป เขาไม่คิดว่าการแก้แค้นของยามาโตะจะล่าช้าขนาดนี้

"นายนี่ขยันขันแข็งจริง ๆ เพิ่งโดนซ้อมเสร็จก็ต้องมาทำงานเลยเหรอ?"

"แกไม่เข้าใจหรอก คุณหนูไม่ได้เอาจริง บาดแผลแบบนี้มากสุดก็แค่ปวดครึ่งวัน แถมนี่อาจไม่ใช่เรื่องร้ายก็ได้"

ควีนพูด จากนั้นก็เริ่มจัดที่พักให้คุซัน

และในตอนนั้น เหมียวกับวูล์ฟก็ถูกส่งตัวกลับคุริแล้ว ก่อนที่ยามาโตะจะลงมือ เธอก็ฝากพวกเขาทั้งสองคนไว้กับคนข้าง ๆ แล้ว

เมื่อทุกอย่างสงบลง พวกเขาทั้งสองคนก็ตื่นขึ้นมา และโรตอมของเซ็ตสึนะกับเซราโอร่าก็ได้รับข้อความแล้ว

"ควีน ไอ้สารเลวนี่ ให้ของผิดได้ยังไง?!"

"เขาน่าจะไม่ได้ตั้งใจ"

"ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่งั้นฉันต่อยเขาไปนานแล้ว! เซราโอร่า คราวนี้นายห้ามพูดแทนเขานะ!"

"ฉันรู้ คราวนี้เป็นความผิดของเขาจริง ๆ แล้วเธอจะทำยังไง? คุณหนูยามาโตะอัดเขาไปรอบนึงแล้วนะ"

"ในเมื่ออัดไปแล้ว ก็จดไว้ในสมุดก่อนละกัน ไอ้บ้านี่ก็ดันบังเอิญไปช่วยเหมียวกับวูล์ฟให้บรรลุถึงการเริ่มต้นของพลังซูลอง ถ้าอย่างนั้นถือโอกาสนี้สอนให้พวกเขาควบคุมพลังไปเลยดีกว่า"

ยามาโตะที่อัดควีนไปรอบหนึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย อย่างน้อยก็ทำให้ความโกรธของสามีภรรยาหายไปบ้าง ทำให้ควีนรอดพ้นจากการโดนสามีภรรยาอัดคู่แบบเดือดดาลไปได้ชั่วคราว นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ควีนยังรู้สึกดีใจอยู่บ้าง

การมีขอบเขตและไม่มีขอบเขตนั้นให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หลังจากตัดสินใจที่จะสอนเรื่องพลังซูลองแล้วเซ็ตสึนะและเซราโอร่าก็เริ่มลังเลว่าจะให้ใครเป็นคนสอนดี

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด