ตอนที่ 96 อดีตคนรักและคนรักปัจจุบันอยู่ในห้องเดียวกัน
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ชายคนนั้นก็หันกลับมา
เขามีใบหน้ากลมเกลี้ยงเกลา ดูไม่หล่อมากนัก แต่ก็น่ามองอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาดูเหมือนจะสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณได้ แววตาสดใสและเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ เขาดูสะอาดสะอ้านและบริสุทธิ์ เขาคือ กู่เซิงเหยา ผู้จัดการของตู้ซวีเหยียน
เขาคนนี้คือผู้ที่ปั้นตู้ซวีเหยียนจากนักร้องที่ไม่มีใครรู้จักจนกลายเป็นราชินีเพลงจีนได้ด้วยตัวเอง เพียงแต่บุคลิกอ่อนโยนและดูเหมือนจะถูกรังแกได้ง่ายของเขานั้น เป็นเพียงเปลือกนอก
เมื่อเห็นซ่งซี แววตาของกู่เซิงเหยาส่องประกายเล็กน้อย ในฐานะผู้จัดการระดับท็อป เขามีสายตาเฉียบแหลม เพียงแค่มองก็รู้ว่าซ่งซีเป็นคนที่มีศักยภาพ
เขาเบนสายตาอย่างรวดเร็วและถามมู่ชิว “คุณคือคุณมู่ใช่ไหมครับ?”
มู่ชิวรู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่ได้พบไอดอลของเธอ เธอคว้าแขนของซ่งซีไว้แน่นก่อนตอบเบา ๆ “ใช่ค่ะ ฉันเอง”
มู่ชิวเขย่าแขนซ่งซีอีกครั้งก่อนแนะนำ “นี่คือพี่สาวของฉัน ซ่งซี”
เมืองหวังตงเป็นมหานครที่คึกคักและเป็นศูนย์รวมบริษัทบันเทิงหลายแห่ง ในฐานะคุณหนูสังคมชั้นสูงอันดับต้น ๆ ของเมืองหวังตง ซ่งซีก็เป็นที่รู้จักพอสมควรในแวดวงบันเทิง
เหตุการณ์งานแต่งงานของซ่งซีที่เป็นกระแสในเว่ยป๋อเมื่อไม่กี่วันก่อน กู่เซิงเหยาก็ได้ติดตามข่าว แน่นอนว่าเขารู้จักเธอ
กู่เซิงเหยาพูดกับซ่งซี “ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณซ่งมานานแล้ว วันนี้ได้เจอตัวจริงเสียที”
“สวัสดีค่ะ คุณกู่” ซ่งซียิ้มบาง ๆ ดูเรียบร้อยและสง่างาม
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ประตูด้านหลังก็เปิดออก
ทั้งสามคนหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน
ตู้ซวีเหยียน ยืนอยู่ที่ประตูในชุดเสื้อเบลาสีฟ้าน้ำเงินหลวม ๆ กับกางเกงยีนส์สีอ่อนรัดรูป เธอมีรูปร่างสูงโปร่งประมาณ 167 เซนติเมตร แม้จะสวมรองเท้าส้นเตี้ย แต่เธอก็ยังดูเป็นผู้หญิงที่เพรียวบางและเซ็กซี่
ในสายตาของซ่งซีซึ่งชื่นชมเธอในฐานะไอดอล ตู้ซวีเหยียนดูดีในทุกอย่างที่สวมใส่
“ตู้ซวีเหยียน…” มู่ชิวเรียกชื่อเธอเบา ๆ
เมื่อเห็นความประหม่าในท่าทางของมู่ชิว ตู้ซวีเหยียนกลับดูเป็นกันเอง เธอยื่นมือขวาออกมา “สวัสดีค่ะ ฉันคือตู้ซวีเหยียน คุณคงเป็นมู่ชิว”
มู่ชิวปล่อยแขนของซ่งซี ก่อนเช็ดฝ่ามือขวาบนกระโปรงแล้วจับมือกับตู้ซวีเหยียน “ใช่ค่ะ ฉันคือมู่ชิว” ใบหน้าของมู่ชิวแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
ซ่งซีก็ยื่นมือออกมาและพูดกับตู้ซวีเหยียน “สวัสดีค่ะ คุณตู้ ฉันคือพี่สาวของมู่ชิว ซ่งซี”
ตู้ซวีเหยียนเลื่อนสายตามาที่ใบหน้าที่งดงามของซ่งซี และชะงักเล็กน้อยด้วยความงุนงงในความงาม
หลังจากที่ตู้ซวีเหยียนกลายเป็นนักร้องชื่อดังในวงการเพลงจีน เธอก็พัฒนาผลงานในต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและยุ่งกับงานจนไม่ค่อยรู้จักอินฟลูเอนเซอร์รุ่นใหม่ ๆ เธอจึงไม่เคยได้ยินชื่อซ่งซีมาก่อน
เมื่อได้สติ ตู้ซวีเหยียนก็จับมือกับซ่งซีโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ “สวัสดีค่ะ คุณซ่ง”
“พวกคุณคุยกันต่อเถอะครับ ผมจะไปรอข้างนอก” กู่เซิงเหยาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ เขาออกจากห้องน้ำชา ปล่อยให้พื้นที่นี้สำหรับมู่ชิวและอีกสองคนได้พูดคุยกัน
ตู้ซวีเหยียนรู้เรื่องสุขภาพของมู่ชิว เมื่อมองผู้หญิงตัวเล็กที่ดูบริสุทธิ์คนนี้ ความคิดที่ว่าเธออาจต้องจากไปก็ทำให้ตู้ซวีเหยียนรู้สึกสงสาร
“ฉันได้ยินมาว่าคุณชอบฉันมาก”
มู่ชิวพยักหน้าใบหน้าแดงก่ำ “ใช่ค่ะ ฉันชอบคุณมาก ฉันชอบคุณมา 6 ปีแล้ว” มู่ชิวสะกิดแขนของซ่งซีและพูดกับตู้ซวีเหยียน “พี่สาวของฉันก็เป็นแฟนคลับของคุณเหมือนกันค่ะ ครั้งแรกที่ฉันฟังเพลงของคุณก็คือจากคอมพิวเตอร์ของพี่สาว”
เมื่อสบตากับรอยยิ้มของตู้ซวีเหยียน ซ่งซีพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ค่ะ ฉันก็ชอบคุณมาหลายปีแล้วเหมือนกัน”
“ถือเป็นเกียรติของฉันที่ได้รับความรักจากพวกคุณมานานขนาดนี้” ตู้ซวีเหยียนยิ้มและถอนหายใจ “ในช่วงปีแรก ๆ ที่ฉันเดบิวต์ ฉันไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก ตอนนั้นสิ่งที่ฉันอยากทำมีเพียงแค่ร้องเพลงได้เท่านั้น ฉันรู้สึกพอใจมากแล้วที่ได้ขึ้นแสดงในงานตรุษจีนของสถานีโทรทัศน์”
“ต่อมาเมื่อฉันได้ขึ้นแสดงบนเวทีแกรมมี่ ฉันนึกถึงครั้งแรกที่ได้แสดงในงานตรุษจีนของสถานีโทรทัศน์จังหวัดทันที ฉันถึงได้รู้ว่าตอนนี้ฉันดังมากแล้ว คนทั้งโลกต่างรู้จักฉัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของตู้ซวีเหยียน ซ่งซีและมู่ชิวก็รู้สึกซาบซึ้งใจ มู่ชิวยังเด็กในตอนนั้นและจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ซ่งซีจำได้
ซ่งซีกล่าว “ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณในโทรทัศน์ คุณกำลังเข้าร่วมบันทึกรายการวาไรตี้โชว์ ตอนนั้นคุณยังดูไม่ค่อยถนัดนักเมื่อต้องตอบคำถามของพิธีกร”
“แต่ตอนนี้ คุณเป็นคนที่สามารถเล่นมุกบนเวทีแกรมมี่ได้อย่างสบาย ๆ”
ตู้ซวีเหยียนส่ายหน้าและหัวเราะ “ใช่แล้ว มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งของฉันที่มีคนรักฉันมากมายแบบพวกคุณ”
จากนั้นตู้ซวีเหยียนก็เปิดกระเป๋าและหยิบอัลบั้มออกมา อัลบั้มในมือของเธอคืออัลบั้มแรกตั้งแต่เดบิวต์ ซึ่งปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้วและไม่สามารถหาซื้อได้ทางออนไลน์
ตู้ซวีเหยียนกล่าวกับซ่งซีด้วยน้ำเสียงขอโทษ “ฉันไม่รู้ว่ามีสองคน เลยนำมาแค่อัลบั้มเดียว”
แม้ซ่งซีอยากเก็บอัลบั้มนี้ไว้มาก แต่เธอก็ไม่คิดจะแย่งกับมู่ชิว “ให้มู่ชิวเถอะค่ะ”
ตู้ซวีเหยียนพยักหน้า เธอมองมู่ชิวและกล่าวว่า “พ่อของคุณบอกว่าคุณชอบฉันมาก ฉันคิดว่าการเจอฉันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันจึงไม่อาจมามือเปล่าได้ และไม่รู้จะให้อะไรคุณดี ฉันเลยตัดสินใจให้อัลบั้มแรกของฉัน มันเป็นของสะสมและมีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น”
มู่ชิวตื้นตันจนแทบร้องไห้ “ขอบคุณค่ะ ฉันชอบมันมาก”
“ให้ฉันเซ็นชื่อให้ไหมคะ?”
มู่ชิวรีบพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันอยากให้คุณเขียนถึงใครสักคนได้ไหม?”
“ได้แน่นอนค่ะ” ตู้ซวีเหยียนเปิดปากกาแล้วยิ้มถามมู่ชิว “อยากให้ฉันเขียนอะไรเป็นพิเศษไหมคะ?”
มู่ชิวส่ายหน้าพร้อมดวงตาที่แดงก่ำ “อะไรก็ได้ที่คุณเขียนค่ะ”
“โอเคค่ะ”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตู้ซวีเหยียนก็ลงปากกาและเซ็นที่หน้าปกอัลบั้ม
ถึง: มู่ชิว
คุณเคยอยู่ในโลกนี้ และฉันจะจดจำคุณเสมอ
เธอยื่นอัลบั้มที่เซ็นชื่อแล้วให้มู่ชิว พร้อมพูดอย่างอ่อนโยน “มู่ชิว ขอให้โชคดีนะคะ ชีวิตเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด”
มู่ชิวถึงกับอึ้ง เธอก้มลงมองข้อความบนอัลบั้ม หัวใจพลันรู้สึกปวดหนึบจนเกือบร้องไห้ออกมา “ขอบคุณค่ะ”
ทั้งสามคุยกันนานกว่าหนึ่งชั่วโมง จากนั้นกู่เซิงเหยาก็เคาะประตูเข้ามา เขาแตะนาฬิกาที่ข้อมือและบอกตู้ซวีเหยียน “ซวีเหยียน คุณยังมีนัดกับซีอีโอลิน ถ้าไม่ออกตอนนี้จะสายแล้วนะ”
ตู้ซวีเหยียนยิ้มขอโทษมู่ชิวและซ่งซี เธอกล่าวลาอย่างอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ คุณมู่ คุณซ่ง ฉันดีใจมากที่ได้พูดคุยกับพวกคุณ”
มู่ชิวรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เธอลังเลก่อนรวบรวมความกล้าถาม “พวกเราถ่ายรูปด้วยกันได้ไหมคะ คุณตู้?”
ตู้ซวีเหยียนตอบตกลง “ได้ค่ะ มาเถอะ”
ตู้ซวีเหยียนเปิดแขนและโอบไหล่ของซ่งซีและมู่ชิว เมื่อเห็นว่าซ่งซีสูงกว่าเธอเล็กน้อย ตู้ซวีเหยียนจึงต้องเปลี่ยนมาจับที่เอวของซ่งซีแทน
หลังถ่ายรูปเสร็จ ตู้ซวีเหยียนมองมู่ชิวอีกครั้ง เธอกล่าวว่า “ฉันจะให้ผู้ช่วยส่งตั๋วคอนเสิร์ตสองใบให้พวกคุณ ฉันหวังว่าคุณทั้งสองจะมาดูคอนเสิร์ตของฉันด้วยกัน”
นั่นเป็นการให้กำลังใจมู่ชิวให้ไม่ยอมแพ้ เพราะเธออยากเห็นมู่ชิวในคอนเสิร์ตของเธอเอง