ตอนที่ 223 ปิดบังอำพราง (ฟรี)
ตอนที่ 223 ปิดบังอำพราง
เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ ไม่ได้คิดจะตอบอะไร พวกเขาต่างโจมตีกันอย่างเต็มแรง
เมื่อได้โอกาส ก็ต้องไม่ปล่อยให้ศัตรูมีเวลาตั้งตัวทัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าคนตามอำเภอใจ หลังจากยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่สามารถสู้กลับได้ พวกเขาก็หยุดมือ
ซูจู้เฉิง และหลินเฟิงชักก็ไปปลดเชือกให้คนที่ถูกจับตัวมา
จากนั้น เสิ่นจื้อกุยก็มองไปที่กลุ่มคนที่ร้องโอดโอย หลังจากได้รับเจ็บ และสูญเสียความสามารถในการหลบหนี
“บอกมา พวกนายมีจุดประสงค์อะไรถึงได้ลักพาตัวพวกเขามา?”
การลักพาตัวทุกครั้งล้วนต้องมีเหตุผล ไม่ว่าจะเพื่อเงิน หรือสิ่งของ ย่อมมีเหตุผลบางอย่างอยู่เสมอ
ชายร่างสูงหันหน้ามาแล้วพูดว่า “นายที่ถามแปลกๆ เราจะมีจุดประสงค์อะไรได้อีกละ ก็ต้องเพื่อปล้นชิงอาหารอยู่แล้ว”
เสิ่นจื้อกุยมองไปที่ชายร่างสูง เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้
“หากคิดจะแค่ปล้นชิงอาหาร ก็ไม่จำเป็นต้องลำบากลำบนลักพาตัวพวกเขามาถึงที่นี่”
แน่นอนว่านอกเหนือจากการปล้นแล้ว พวกเขาต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการยอมรับว่าต้องการปล้นชิงอาหารแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีก
แน่นอนว่าเสิ่นจื้อกุยไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ ที่เขามาที่นี่ก็ช่วยชีวิตผู้คนเท่านั้น และการถามเกี่ยวกับจุดประสงค์จริงๆ ก็แค่เป็นเรื่องที่ต้องทำ
หลังจากที่แก้มัดทุกคนแล้ว เสิ่นจื้อกุยก็พาทุกคนกลับไป แม้ว่าพวกเขาจะเอาของที่ถูกปล้นกลับไปด้วย แต่พวกเขาไม่ได้ฆ่าชายร่างสูง และคนที่เหลือ
ชายร่างสูง และคนที่เหลือนั้นได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการโจมตีของเสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่รอดปลอดภัยในสภาพอากาศหนาวจัดเช่นนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่ใส่ใจดี ก็อาจถึงตายได้ทุกเมื่อ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เสิ่นจื้อกุยต้องสนใจ
เสิ่นจื้อกุยเดินนำออกจากกระท่อม และกลับไปยังจุดที่พวกเขาจอดรถเอาไว้
คนที่ได้รับการช่วยเหลือขอบคุณเสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ ด้วยความซาบซึ้งใจตลอดทาง
พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กัน จะทำเป็นมองไม่เห็นก็ย่อมได้ แต่เมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะช่วย พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
เสิ่นจื้อกุยไม่คุ้นเคยกับเรื่องดังกล่าว เขาจึงโบกมือแล้วกลับไปที่รถของตน
ส่วนซูจู้เฉิง และคนอื่นๆ ในทีม พวกเขาก็ต้องพยายามฝ่าฝูงชนอย่างยากลำบากกว่าจะกลับมาที่รถได้
“นี่มันให้ความรู้สึกดีมากจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะช่วยชีวิตคนจะให้ความรู้สึกอิ่มเอิบใจถึงขนาดนี้”
“เราก็เคยช่วยคนมาหลายครั้งแล้ว มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ต่างสิ ตอนนั้นเถ้าแก่เป็นคนนำทีม ไม่ใช่เรา มันย่อมจะให้ความรู้สึกต่างกันอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินใครบางคนพูดถึงฉู่เจียงเยว่ ดวงตาของเสิ่นจื้อกุยก็มืดลง
“พี่เสิ่น เราควรไปที่ไหนต่อดี?”
ตอนนี้พวกเขาออกจากถนนปลอดซอมบี้แล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาเยือนเมือง W พวกเขาจึงไม่รู้จริงๆ ว่าฐานผู้ลี้ภัยตั้งอยู่ที่ไหน
"เปิดระบบนำทาง"
การนำทางของโรงแรมเจียงหลินนั้นแม่นยำมากแม้จะออกจากเมือง B แล้วก็ตาม
“จริงด้วย ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย”
หลินซวี่หยวนมองไปที่หน้าจอเสมือนจริง และเริ่มเปิดระบบนำทาง
ต่างจากการนำทางด้วยลูกศรอันเป็นเอกลักษณ์ของฉู่เจียงเยว่ ระบบนำทางของพวกเขาจะแสดงให้เห็นถึงเส้นทางสู่จุดหมายบนหน้าจอเท่านั้น
ก่อนหน้านี้พวกเขามักจะออกไปพร้อมกับฉู่เจียงเยว่ จึงมักจะใช้ลูกศรนำทางจนเคยชิน เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาจึงไม่ค่อยรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
“พี่เสิ่น ดูเหมือนว่าห่างจากเราไปอีก 5 กิโลมีจะฐานเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่”
ระยะทางเท่านี้นั้นไม่ยาวหรือสั้น ขึ้นอยู่กับความเร็วของรถที่พวกเขาขับ น่าจะต้องใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
“ถามคนอื่นๆ ก่อน หากไม่มีใครคัดค้าน เราค่อยออกเดินทาง”
พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปที่ฐานเพื่อเติมเสบียงก็จริง แต่หาต้องการโปรโมทโรงแรมเจียงหลินก็ต้องไปเยือนสักครั้ง เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเขาจะได้ไปทำธุระของตัวเองกันต่อ
เมื่อได้ยิน หลินซวี่หยวนก็ส่งข้อความถึงหลินเฟิง และคนอื่นๆ หลังจากยืนยันว่าไม่มีใครคัดค้านใดๆ เขาก็เหยียบคันเร่ง และขับรถตรงไปข้างหน้า
ในฐานะคนที่เคยถูกซุ่มโจมตีมาก่อน หลายคนก็ตื่นตัวมากขึ้น ขับตามเสิ่นจื้อกุย และทีมของเขาอย่างเชื่อฟัง
ภายในไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็มาถึงหน้าฐานเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นรถหลายคันจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า และหัวใจของเขาก็เต้นรัว โดยคิดถึงความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด หรือจะคนต้องโจมตีฐานของพวกเขา
แค่มองจากรถที่อีกฝ่ายขับมา ก็มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะต้องรวยมาก ไม่เหมือนผู้คนในฐานเล็กๆ ที่ต้องอดมื้อกินมื้อ
เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าผู้คนในฐานคิดอะไรอยู่ หลังจากมาถึงจุดหมาย ทุกคนก็ลงจากรถอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากยืนยันได้ว่าทุกคนลงจากรถแล้ว เสิ่นจื้อกุยก็เดินนำหน้า มุ่งตรงไปที่หน้าทางเข้าฐาน
เมื่อเห็น ฝ่ามือของคนเฝ้าประตูชุ่มไปด้วยเหงื่อ “พวกคุณ…มาที่ฐานของเราทำไม?”
พวกเขาเป็นเพียงฐานเล็กๆ ที่ไม่มีเงิน ไม่มีคน และไม่มีอาหาร จึงไม่มีความจำเป็นต้องโจมตีพวกเขาเลย
“สวัสดี เรามาจากเมือง B เราแค่ผ่านทางมาแล้วอยากจะพักที่นี่สักพัก แล้วค่อยออกเดินทางต่อ”
เสิ่นจื้อกุยพยายามอย่างเต็มที่ๆ จะใช้น้ำเสียงสุภาพเมื่อเขาพยายามอธิบาย
“อะ…อะไรนะ?”
คนเฝ้าประตูยังคงเต็มไปด้วยความกังวล เขาจึงไม่ค่อยได้ยินสิ่งที่เสิ่นจื้อกุยพูด
“หมายความว่าเราเหนื่อยจากการเดินทางไกลจึงต้องการใช้ฐานของคุณเพื่อพักผ่อนสักพักหนึ่ง”
“แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่ไม่มีใครทำอะไรเราก่อน เราจะไม่ทำร้ายผู้คนในฐาน”
เซี่ยซีหลินเป็นคนเฟรนลี่ เขาจึงดูเข้าถึงได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ
เมื่อเขาเลือกคำ แล้วพูดออกไป คำพูดของเขาจึงดูน่าเชื่อถือ
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยซีหลิน คนเฝ้าประตูก็ดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเราก็ยินดีต้อนรับ แต่ทุกคนที่เข้ามาในฐานครั้งแรกต้องจ่ายธรรมเนียมเล็กน้อย ข้าว 1 กิโลสำหรับผู้ปลุกพลัง และข้าว 2 กิโลสำหรับคนธรรมดา หากไม่มีข้าว พวกคุณสามารถใช้สิ่งอื่นแทนได้”
“แต่ก่อนจะเข้าไปก็ต้องผ่านการตรวจสอบบาดแผลบนร่างกายก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่กลายเป็นซอมบี้ และทำให้ทั้งฐานเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย”
“เราไม่มีข้าว เราจะจ่ายด้วยข้าวโพดแทน”
โดยพื้นฐานแล้วข้าวในโรงแรมเจียงหลินจะเป็นข้าวหุงสุกที่พร้อมทานแล้ว แต่ต้องให้มีข้าวสารจริงๆ ทุกคนก็อยากเก็บเอาไว้กับตัวมากกว่า
“งั้นก็พวกคุณก็ต้องจ่ายด้วยข้าวโพด 2 กิโลสำหรับผู้ปลุกพลัง และ 4 กิโลสำหรับคนธรรมดา”
กฎสำหรับค่าธรรมเนียมแรกเข้านั้นแตกต่างกันไปในแต่ละฐาน สำหรับฐานเล็กๆ แห่งนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล
แต่ให้เป็นทีมที่ยากจนที่สุดก็ค่อนข้างร่ำรวยเมื่อเทียบกับคนข้างนอก ข้าวโพดเพียงไม่กี่กิโล จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะนำออกมา
ในการตรวจสอบ พวกเขาไม่พบปัญหาใดๆ ยกเว้นไม่กี่คนที่ถูกซุ่มโจมตีระหว่างทาง คนส่วนใหญ่ผ่านการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
หลังจากเข้ามาในฐานแล้ว เสิ่นจื้อกุยก็เริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมภายในโดยไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวผมจะส่งข้อความหาคุณซ่งกับคุณจินก่อน จะได้บอกพวกเขาว่าเราพบฐานแห่งหนึ่งแล้ว เมื่อพวกเขามาถึง เราจะได้หารือกันว่าจะไปที่ไหนต่อ”
เจียงเหอเปิดปากแล้วมองไปที่เสิ่นจื้อกุยเพื่อถามความเห็น
เสิ่นจื้อกุยพยักหน้า พวกเขาควรส่งข่าวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เมื่อได้รับการยินยอมจากเสิ่นจื้อกุย เจียงเหอก็เปิดหน้าจอเสมือนจริงเพื่อส่งข้อความหาซ่งเฉิงจุน และจินซู่หยู
ซ่งเฉิงจุน และจินซู่หยูก็คงกำลังรอข่าวอยู่เช่นนั้น ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสอบก็ตอบกลับ
หลังจากยืนยันว่าพวกเขาได้รับข้อความแล้ว เจียงเหอก็ปิดหน้าจอเสมือนจริง และเดินตามคนอื่นๆ ไป
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่จินซู่หยู และซ่งเฉิงจุนได้รับข่าวจากเจียงเหอ พวกเขาก็หารือกัน และตัดสินใจที่จะมุ่งตรงไปที่ฐานเล็กๆ แห่งนั้นตามเส้นทางที่เจียงเหอส่งมาให้
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้อยู่ไกลจากจุดหมายมากนัก
ตามเส้นทางที่ระบุ ต้องใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการขับรถจากที่ๆ พวกเขาอยู่ไปยังฐานเล็กๆ ที่เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ พบ