Chapter 332 : ชำระล้างควันดำ – ท่านทูตขององค์กรผู้กู้โลก! (3) (ฟรี)
ท่าทีของแจ็คประหนึ่งว่าการลบคนทั้งสามทิ้งไปนั้นเป็นเพียงเรื่องง่ายดายเท่านั้นชาโดว์ที่เห็นจึงเอ่ยปากเตือน
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกสาวของทาคุมิ เธอเป็นนักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์เราดังนั้นฉันต้องพาตัวเธอกลับไป”
แจ็คยิ้ม “เข้าใจแล้ว”
“ฉันจำแกได้นะไอ้หนู” แจ็คจ้องเขม็งไปที่หลินเซวียนและภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เทือกเขามังกรก็พลันปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา
กัวเฉี่ยนฉือเกือบจะตายอยู่แล้วในการต่อสู้ครั้งนั้นแต่ในช่วงหน้าซิ่วหน้าขวานนั้นเจ้าเด็กนี่กลับโยนโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตขั้นสุดยอดออกมา
โพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตขั้นสุดยอดนั้นไม่จำเป็นต้องดื่มเข้าไปโดยตรงแต่ก็ยังสามารถส่งผลได้แม้จะกระจายอยู่บนพื้น
ท้ายที่สุดก็ทำให้พลังชีวิตของกัวเฉี่ยนฉือเพิ่มขึ้นสูงเกินระดับปลอดภัยจนทำให้ยากนักที่คนอื่นๆจะลงมือตามต่อ
หลินเซวียนยิ้มตอบเช่นเดียวกัน “ผมก็จำคุณได้เหมือนกัน เสียดายเนอะที่ไม่ได้ถูกมังกรสุริยันฆ่าทิ้ง”
แจ็คชะงักฝีเท้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง
เนื่องตัวเขานั้นได้เป็นประจักษ์พยานเห็นการตายของสตรีงดงามอันเป็นคู่หูของตัวเองกับตา!
“เจ้าหนูฉันเปลี่ยนใจแล้วว่ะ ฉันจะโยนแกลงไปในหลุมยักษ์นั่น...แกควรจะขอบคุณฉันนะ!” แจ็คแค่นเสียงเยาะและระเบิดพลังลงมือทันที
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนเพียงพริบตาก็มาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของหลินเซวียนแล้ว
จากนั้นเขาก็พลันสัมผัสได้ถึงม่านพลังขวางกั้นเบื้องหน้าของเขากับเจ้าหนูนั่นเอาไว้
เขาที่กำลังจะถอยกลับพลันรับรู้ได้ว่าด้านหลังของเขาเองก็ปรากฏม่านพลังโปร่งใสกั้นเอาไว้เช่นเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้นแต่ทั้งบน ล่าง ซ้ายและขวาล้วนมีม่านพลังเช่นเดียวกัน! กำแพงอากาศงั้นรึ?
แจ็คชะงักงัน
ตัวเขาถูกขังอยู่ในกรงไร้รูปโดยปราศจากคำเตือนใดๆเลยงั้นรึ?
น้ำเสียงของสตรีที่เคยยืนอยู่ข้างกายหลินเซวียนดังขึ้นมาจากข้างๆกายเขา “ทักษะนี้เดิมทีข้าใช้เพื่อจัดการกับควันทมิฬพวกนั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีผลกับมนุษย์ด้วย”
แจ็คหวาดกลัวยิ่ง
เขาหันหัวกลับไปช้าๆและต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าสตรีชุดขาวสะพายกระบี่สีดำผู้นั้นมายืนอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว
เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ลงมือหากแต่ก็ประดุจดั่งเทพเซียนที่สามารถควบคุมชีวิตและความตายได้
ราวกับว่าหากเธอลงมือก็สามารถสังหารเขาได้ทันที
แจ็คเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัว “เธอ...เธอไม่ใช่นักสู้ขอบเขตที่8!”
สีหน้าของไซม่อนกับชาโดว์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
พวกเขาเองก็สัมผัสถึงกลิ่นอายอันทรงพลังแกร่งกร้าวเหนือใครจากร่างของสตรีผู้นี้ได้แล้วเช่นเดียวกัน
ทางหนึ่งมันเหนือล้ำยิ่งกว่าที่พวกเขาสัมผัสได้ด้วยซ้ำ!
ชาโดว์หรี่ตาลงและพลัน...ล่าถอยออกไปนับร้อยเมตร
“สตรีผู้นี้เมื่อครู่ยังมีพลังระดับขอบเขตที่8อยู่เลยแต่ตอนนี้กลับสามารถควบคุมแจ็คและทำให้เขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้ในชั่วพริบตา น่ากลัวเกินไปแล้ว!” ชาโดว์เป็นคนที่เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองเสมอ
หนนี้เขายอมรับคำเชื้อเชิญจากองค์กรผู้กู้โลกและพานักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์มาล้อมกรอบคนของกองพลก่อสร้างโดยลั่นสัตย์สาบานเอาไว้แล้วว่าจะทำให้องค์กรใหญ่องค์กรนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงได้เพราะเชื่อว่าองค์กรผู้กู้โลกนั้นกล้าแกร่งยิ่งกว่าและสามารถสะกดข่มได้ต่อให้องค์กรใหญ่อีกห้าแห่งที่เหลือผนึกกำลังกันก็ตาม!
หากแต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมติดตามองค์กรผู้กู้โลกจนตัวตายและเขาไม่ใช่คนที่ยอมก้มหัวให้กับผู้ใด
ไซม่อนขมวดคิ้วมุ่น “ท่านผู้สูงส่งท่านนี้ดูไม่เหมือนคนของกองพลก่อสร้างเลยนะ พวกเราร่วมมือกันไม่ดีกว่ารึ?”
จี้รู่เยว่ยิ้มอ่อน “ได้สิ”
ไซม่อนถอนหายใจยาว “เช่นนั้นแล้วท่านผู้สูงส่งต้องการสิ่งใดตอบแทน?”
“สิ่งที่เจ้าเก็บซ่อนเอาไว้..ควันทมิฬในร่างของเจ้าไงล่ะ ข้าต้องการมันยิ่งนัก”
สีหน้าของไซม่อนแปรเปลี่ยนไปทันที “ท่านผู้สูงส่งล้อกันเล่นงั้นรึ?”
จี้รู่เยว่เอ่ยต่อ “เจ้าคิดว่าข้าล้อเล่นรึ?”
ไซม่อนเงียบไปและเป็นฝ่ายแจ็คที่ตะโกนออกมาแทน “ท่านรองผู้นำได้โปรดช่วยผมที ช่วยผมเร็วเข้า!”
อย่างไรก็ตามไซม่อนกลับไม่สนใจเสียงของเขาและส่ายหัวออกมา “ช่างเถอะ...ในเมื่อท่านผู้สูงส่งไม่ต้องการร่วมมือกับเราเช่นนั้นผมก็คงบังคับท่านไม่ได้”
“แผนการของเราเหลือเพียงก้าวสุดท้ายเท่านั้นตราบใดที่ท่านทูตมาถึงตัวตนระดับท่านก็เป็นเพียงสิ่งไร้ค่าไม่คู่ควรกล่าวถึงเท่านั้น”
ท่าทีของแจ็คดูสิ้นหวังยิ่งนัก
ถ้ารองผู้นำไม่ยื่นมือเข้าช่วยเขาเช่นนั้นแล้วเขาควรจะพูดยังไงดี? กังวลจังโว้ย!
จี้รู่เยว่บังเกิดความสนใจขึ้นมา “ท่านทูตรึ? ฟังดูคล้ายเจ้าเคารพพวกมันไม่น้อยเลย”
สีหน้าของไซม่อนแสดงท่าทีเคารพนบนอบ “แน่นอน ท่านทูตคือผู้ที่มอบพลังให้กับพวกเราดังนั้นพวกเราควรจะเคารพเขาก็ถูกต้องแล้ว”
หลินเซวียนสับสนยิ่งนัก
พวกมัน? ท่านทูต?
แต่สัญชาตญาณของหลินเซวียนยังคงสัมผัสได้ถึงอันตราย
จี้รู่เยว่สามารถคุมขังกุมชีวิตของนักสู้ขอบเขตที่9ได้อย่างง่ายดายหากแต่ไซม่อนกลับเพียงแค่เอ่ยปากชวนร่วมมือแบบลวกๆเท่านั้น
นี่ก็หมายความว่าในความคิดของไซม่อนจี้รู่เยว่ที่ทรงพลังถึงขั้นนี้สามารถสร้างได้มากตามต้องการหากแผนการลุล่วง!
“โฮ่? เช่นนั้นข้าจะรอดู เรียกเจ้าตัวที่เรียกว่าท่านทูตนั่นออกมาสิ” จี้รู่เยว่ยิ้มด้วยความสนใจ
ไซม่อนแสดงท่าทีราวกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินนัก “คุณแน่ใจแล้วนะ? ถ้าหากท่านทูตปรากฏกายนอกจากองค์กรผู้กู้โลกและพันธมิตรเราแล้วทุกคนที่เหลือย่มอต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ที่ผมชักชวนคุณเมื่อครู่ก็ถือว่าให้โอกาสแล้ว!” ไซม่อนเอ่ยอย่างภาคภูมิถือดี
จี้รู่เยว่ยิ้มและเอ่ยย้ำ “ไม่จำเป็นต้องอวดโอ่เพียงแค่รีบเรียกเจ้าทูตนั่นออกมาก็พอ”
ไซม่อนแค่นเสียง “ย่อมได้! หวังว่าคุณจะไม่เสียใจ!”
เขาเดินไปยังชายขอบของหลุมยักษ์อย่างเร่งร้อย
ในเวลานี้เองเขาก็พลันหันหลังกลับมาอีกครั้ง “คุณจะฆ่าผมก็ได้นะเพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว”
จี้รู่เยว่ยิ้มอ่อน “บนร่างเจ้ามีอะไรบางอย่างอยู่ ถ้าข้าลงมือไปมันก็จะลงมือเช่นกัน”
ไซม่อนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณมีของจริงๆนั่นแหละ!”
ในเวสลานี้เองเขาก็พลันเผยมือออกก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดังสนั่น
หากแต่เสียงที่เขาตะโกนออกมานั้นฟังดูกำกวมและโบราณยิ่งนักฟังดูแล้วหาใช่เสียงของมนุษย์ไมส่
ยากจะจินตนาการนักว่าเส้นเสียงของมนุษย์สามารถเปล่งเสียงแปลกประหลาดเช่นนี้ออกมาได้เยี่ยงไรกัน
จี้รู่เยว่ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยและมายืนอยู่ข้างกายของหลินเซวียน
ทันใดนั้นเองหลินเซวียนก็พลันได้ยินเสียงที่จี้รู่เยว่ที่เอ่ยขึ้นมาในใจของเขา