ตอนที่ 92: คุณจะมีลูกได้...เมื่อหนัก 55 กิโลกรัม
ด้วยความตื่นเต้นในใจ หานซานเปิดกล่องออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นเนคไท เขาก็ยิ้ม “เนคไทสวยมากเลย ผมมีชุดสูทสีน้ำตาลเข้มลายทางพอดี กำลังกลุ้มใจว่าจะหาเนคไทสีอะไรมาแมทช์ดีอยู่เลย”
ซ่งซีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันสังเกตเห็นตอนที่จัดกระเป๋าให้คุณครั้งก่อน เลยเลือกสีนี้ให้ เพราะคิดว่ามันจะเข้ากับชุดสูทของคุณได้ดี”
หานซานหันไปมองซ่งซีพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ “ผมจะขออะไรไปมากกว่านี้จากภรรยาที่แสนดีได้อีกล่ะ?”
ซ่งซีรู้สึกสบายใจ “ไปกินกุ้งเผากันเถอะ”
“ได้สิ”
หลังจากอิ่มอร่อยกับกุ้งเผารสเผ็ดจนปากชา ทั้งสองก็เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของคุณแม่หลี่ ซึ่งอาการดีขึ้นมากแล้ว ระหว่างที่นั่งคุยกัน คุณแม่หลี่หันไปมองลูกชายที่ยังโสดอยู่ พร้อมกับส่งสายตาจิกกัด เมื่อเห็นหานซานและซ่งซีทำตัวรักใคร่กันไม่หยุด
“ซ่งซีสวยและจิตใจดีจริง ๆ คุณหานโชคดีมาก ไม่เหมือนกับหลี่ลี่ของเรา อายุก็ 29 แล้วแต่ยังไม่มีแฟนเลย สองสามปีก่อนยังพอเห็นเขารับสายจากผู้หญิงบ้าง แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีเลย หลังเลิกงานก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์ จะเล่นไปทำไมกัน เล่นโทรศัพท์จะมีแฟนได้ไหม?”
คุณแม่หลี่ถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้า พอพูดถึงเรื่องการแต่งงานของหลี่ลี่ เธอก็อดกังวลไม่ได้ หันไปมองลูกชายที่ตัวใหญ่ และถามอย่างเป็นห่วง “หรือว่าเขาจะเป็นโสดไปตลอด…”
เมื่อคิดไปเช่นนั้นเธอก็รู้สึกเศร้าจนตาแดงขึ้นมา หันไปมองซ่งซีอย่างอ้อนวอน “ซ่งซี พอจะมีสาว ๆ ที่เหมาะสมจะแนะนำให้หลี่ลี่บ้างไหม?”
ซ่งซีรู้สึกอึดอัดและไม่รู้จะตอบอย่างไร
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เริ่มอึดอัด หานซานจึงรีบหาข้ออ้างพาซ่งซีออกมา หลี่ลี่ก็หาทางออกมาเพื่อส่งหานซานและซ่งซีด้วย
หลังจากเข้ามาในลิฟต์ หลี่ลี่ก็ถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับซ่งซีด้วยสีหน้าลำบากใจ “พี่สะใภ้ ผมต้องขอโทษแทนแม่ของผมด้วยนะครับ ท่านกังวลเรื่องชีวิตรักของผมมากเกินไป”
ซ่งซีเข้าใจความหวังดีของคุณแม่หลี่ จึงมองหลี่ลี่อย่างเห็นใจและพูดด้วยน้ำเสียงลังเล “ฉันรู้จักผู้หญิงดี ๆ หลายคน ถ้าคุณสนใจฉันแนะนำให้ได้นะ…”
“ไม่เป็นไรครับ” หลี่ลี่รีบปฏิเสธ “ตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น” หลี่ลี่เป็นคนมีความสามารถ มีผู้หญิงดี ๆ รอบตัวอยู่มาก แต่เขาแค่ยังไม่อยากแต่งงานในตอนนี้ เขาเลยเลือกที่จะเป็นโสดไปก่อน
หลังจากส่งพวกเขาที่ชั้นล่างแล้ว หลี่ลี่ก็กลับขึ้นไป เมื่อจะเข้าลิฟต์ เขาเหลือบไปเห็นว่ามีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ หน้าจอโชว์ข้อความจากเพื่อนออนไลน์ชื่อ ‘เป่ยเป่ย’ สีหน้าของเขาอ่อนโยนขึ้นทันที
เป่ยเป่ย: วันนี้ฉันขายลิขสิทธิ์นิยายได้ ได้เงินมาเยอะเลยนะ นี่เป็นโบนัสให้คุณ!
เป่ยเป่ยส่งอั่งเปามาให้ หลี่ลี่รับอย่างยิ้มแย้ม เขาพิมพ์ถามกลับไป [ครั้งก่อนผมบอกว่าอยากเจอคุณ คุณได้คิดหรือยัง?]
คราวนี้อีกฝ่ายไม่ตอบกลับทันที
หลี่ลี่รู้ว่าเป่ยเป่ยคงเห็นข้อความแล้ว แต่คงยังลังเลอยู่ เขายืนพิงผนังในล็อบบี้ลิฟต์แล้วพิมพ์อีกข้อความไปว่า [เราก็อยู่เมืองเดียวกัน เผื่อบางทีเราอาจเคยเดินสวนกันมาก่อนแต่ไม่รู้จักกัน คุณไม่อยากเจอผมจริง ๆ เหรอ?]
ในที่สุดก็มีข้อความตอบกลับมา
เป่ยเป่ย: [อาหลี่ คุณเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ เหรอ? ฉันไม่อยากมีความสัมพันธ์กับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะนะ]
หลี่ลี่ยิ้มขำ [ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าผมเป็นผู้ใหญ่และจะสามสิบอยู่แล้ว]
ซูเป่ยเป่ย: [เจอกันได้นะ แต่ขอให้ฉันเป็นคนเลือกเวลาและสถานที่เอง]
หลี่ลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก [ตกลง]
ซูเป่ยเป่ยเป็นนักเขียนนิยายสืบสวนชื่อดัง นิยายเรื่องหนึ่งของเธอถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และทำรายได้สูง อีกเรื่องก็ขายลิขสิทธิ์ไปทำซีรีส์ซึ่งน่าจะได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
หลี่ลี่เริ่มจากการเป็นแฟนคลับผลงานของซูเป่ยเป่ย แต่หลังจากใช้เงินอุดหนุนผลงานของเธอไปมากมาย เขาก็กลายเป็นแฟนตัวยงของเธอ และนั่นทำให้พวกเขาเพิ่มกันใน WeChat สองปีต่อมาทั้งคู่ก็เริ่มกลายเป็นคนรักออนไลน์
ความผูกพันของพวกเขาถูกสรุปได้ในประโยคเดียว
“เราไม่ได้เป็นเนื้อคู่กัน แต่ก็นับว่าโชคดีที่มีเงินพอ”
หลี่ลี่ชื่นชมทัศนคติและคุณค่าทางวรรณกรรมของซูเป่ยเป่ย เขาหลงใหลในจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งและน่าสนใจของเธอ เขาอยากเจอซูเป่ยเป่ย และไม่สนใจว่าเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร ขอเพียงแค่เข้ากับคุณค่าที่เขายึดถือ หลี่ลี่ก็พร้อมจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากขึ้น
เขาหวังที่จะได้แต่งงานกับซูเป่ยเป่ย เธอคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้หลี่ลี่เลือกที่จะเป็นโสดและไม่ยอมเปิดใจให้ใคร
ยังไม่ดึกนักเมื่อพวกเขาออกมาจากบ้านคุณแม่หลี่ หานซานเห็นว่าสวนไท่หูที่สร้างใหม่มีทัศนียภาพสวยงาม จึงเสนอให้เดินเล่นก่อนกลับบ้าน ซ่งซีก็ตอบตกลง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ซ่งซีใส่ชุดบางทำให้แขนรู้สึกเย็นนิดๆ
หานซานถอดสูทออกแล้วคลุมไหล่ซ่งซีไว้ ด้วยความสูงเกือบ 1.9 เมตร สูทของเขาดูกว้างใหญ่ เมื่อคลุมบนตัวซ่งซีที่ผอมบางยิ่งทำให้เธอดูผอมลงไปอีก
หานซานมองแขนและเอวของซ่งซีภายใต้เสื้อสูทและขมวดคิ้ว “คุณผอมไปนะ”
ซ่งซีตอบว่า “ผอมที่ไหนกันล่ะ? ฉันหนักตั้ง 51.5 กิโลกรัมเลยนะ”
หานซานยิ้มขำ “ผู้หญิงสูง 1.7 เมตรหนักแค่ 51.5 กิโลกรัมเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อเลย” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ถ้าเทียบกับส่วนสูงและสัดส่วนของคุณ คุณควรจะหนักสัก 55 กิโลกรัมถึงจะพอดี”
“พวกดาราผู้หญิงที่สูง 1.7 เมตรก็หนักประมาณ 45 กิโลกรัมทั้งนั้น” ซ่งซีบ่น “ผู้ชายไม่รู้สึกว่าผู้หญิงน้ำหนักเกิน 50 กิโลกรัมนี่อ้วนกันเหรอ? นี่คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”
หานซานยิ้มเย้ย “คุณไม่รู้เหรอว่าผมเป็นผู้ชายหรือเปล่า?”
ซ่งซีสะอึก เธอทำท่าจะพูดโต้กลับ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินหานซานพูดขึ้นว่า “เราจะมาพิจารณามีลูกกันอีกครั้งเมื่อคุณหนัก 55 กิโลกรัม”
ซ่งซีถึงกับอึ้ง
ใครจะอยากมีลูกกับคุณกัน?
ทั้งคู่เดินเคียงกันไปสักพัก ก่อนที่ซ่งซีจะจับแขนหานซานแล้วพูดขึ้น “พี่หานคะ ฉันมีอะไรจะบอก”
“อืม?”
“ช่วยฉันทำให้ใครบางคนมีชื่อเสียงหน่อยสิ”
หานซานก้มลงมองเธอ และไม่รอให้ซ่งซีอธิบายเพิ่มเติม เขาถามว่า “เหลียงป๋อเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
หานซานนิ่งไปสักครู่ เขาจ้องซ่งซีด้วยสายตาที่ลึกล้ำ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “คุณชอบเขามากสินะ?”
หรือว่าเขาจะหึงอีกแล้ว?
ซ่งซีตอบอย่างซื่อสัตย์ “ฉันชอบความสามารถของเขา เขาช่วยให้ฉันหาเงินได้”
หานซานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีขึ้นทันที
เขาชอบผู้หญิงที่คิดจริงจังกับการทำเงินแบบนี้!
“แล้วคุณอยากให้ผมช่วยยังไง?”
ซ่งซีพูดว่า “ฉันตั้งใจจะให้เขาเซ็นสัญญากับบริษัทอวี่ฮวา ที่เป็นชื่อของคุณ”
หานซานขมวดคิ้ว “อวี่ฮวาเหรอ?” เขาดูเหมือนไม่ค่อยจำได้
เมื่อเห็นดังนั้น ซ่งซีก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอถามหานซานว่า “อวี่ฮวาไม่ใช่บริษัทของคุณเหรอ?” หรือว่าหานซานจะซื้อกิจการนี้ทีหลัง?
หานซานพูดว่า “เดี๋ยวนะ ขอผมโทรถามก่อน”
ต่อหน้าซ่งซี หานซานโทรหาเป่ยจ้าน “เเป่ยจ้าน ผมมีบริษัทบันเทิงชื่ออวี่ฮวาหรือเปล่า?” เป่ยจ้านอายุมากกว่าหลี่ลี่เล็กน้อย และอายุใกล้เคียงกับหานซาน ก่อนที่หานซานจะเกษียณจากการทหาร เขาเคยให้เป่ยจ้านลงทุนทำธุรกิจแทนเขา
เป่ยจ้านคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “มีครับ แปดปีก่อนคุณให้ผมจดทะเบียนไว้ แต่หลังจากนั้นคุณไปทุ่มเทให้กับสายการบินซีอุส ทำให้อวี่ฮวาอยู่ในสภาพว่างเปล่ามาตลอด”
จนถึงตอนนี้ อวี่ฮวาก็เป็นแค่เปลือกเปล่า ยังมีพนักงานอยู่ไม่มาก