ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 66 เหตุใดจึงสังหารข้า
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 66 เหตุใดจึงสังหารข้า
“เดินทางมาไกลถึงเพียงนี้ แถมยังมีกระจกทองแดงแปดทิศคอยช่วยปกปิดกลิ่นอาย ยอดฝีมือระดับบำรุงจิตผู้นั้นคงไม่สามารถตามหาพวกเราได้กระมัง” ลู่หวู่เฉิงกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ
หยิบกระจกทองแดงแปดทิศออกมา
มันคือกระจกทองแดงแปดทิศที่กล่าวถึงเมื่อครู่ สมบัติเวทระดับนิลขั้นกลางหนึ่งชิ้น
“ศิษย์พี่ลู่ ท่านมิใช่กล่าวหรือว่าศาลาสังหารโลหิตไม่กล้าทำอันใดพวกเรา เหตุใด… เหตุใดพวกเราจึงต้องหลบหนี” ฉินมู่ตามมาติด ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก
ลู่หวู่เฉิงมีสีหน้าแข็งค้าง
เขาจะกล้ากล่าวหรือว่าตนเองหลบหนีเพราะพบเจอกับยอดฝีมือระดับบำรุงจิต ไม่สามารถต่อกรได้
“แค่ก แค่ก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายเป็นคนของศาลาสังหารโลหิต หากผู้มาใหม่เป็นศัตรูของสำนักร้อยลี้ พวกเราก็ต้องตายอย่างแน่นอน!”
ลู่หวู่เฉิงจึงกล่าวเช่นนี้ ทันใดนั้น
“เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นขอถามว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าศาลาสังหารโลหิตไม่กล้าสังหารเจ้า” เสียงหนึ่งที่แฝงไว้ด้วยการเยาะเย้ยดังก้องไปทั่ว
“ผู้ใด!”
ลู่หวู่เฉิงตัวสั่น มองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบผู้ใด
“ตามหาข้าหรือ?”
ลู่หวู่เฉิงรู้สึกราวกับมีลมเย็น ๆ พัดผ่านข้างหู เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
บุคคลลึกลับผู้หนึ่งสวมหน้ากากยิ้มปรากฏตัวขึ้น
ลู่หวู่เฉิงตกใจ รีบถอยหลังไปหลายก้าว
เมื่อตั้งสติได้ เขาสังเกตเห็นเหรียญตราสังหารที่เอวของอีกฝ่าย
นึกถึงคำพูดเมื่อครู่ จึงเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด
“เจ้… เจ้าคือมือสังหารแห่งศาลาสังหารโลหิตหรือ?” ลู่หวู่เฉิงกล่าว
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า”
บุรุษสวมหน้ากากยิ้มกล่าว
ลู่หวู่เฉิงเดาได้ว่าอีกฝ่ายคือยอดฝีมือระดับบำรุงจิตที่ตามหาพวกเขามาตลอดทาง
ด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
บัดซบ หากมิใช่เพราะต้องการตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไป ต้องการสร้างคุณประโยชน์ เขาคงไม่เสี่ยงอันตราย เดินทางมาที่นี่เพื่อสืบหาข่าวสาร
ยิ่งไปกว่านั้น มิใช่กล่าวหรือว่าศาลาสังหารโลหิตมีเพียงยอดฝีมือระดับบำรุงจิตหกคนหรือ
แล้วยอดฝีมือระดับบำรุงจิตผู้นี้มาจากที่ใด?
หากเขากลับไปได้ เขาต้องถามหน่วยข่าวกรองของสำนักว่าทำงานอย่างไร!
ลู่หวู่เฉิงมีสีหน้าลังเล จากนั้นจึงกัดฟันกล่าวว่า “ข้าคือศิษย์แท้ของสำนักร้อยลี้ หากเจ้ายอมปล่อยข้ากลับไป……”
“ข้ามีวิธีที่จะโน้มน้าวให้สำนักยกเลิกการกวาดล้างศาลาสังหารโลหิต บางทีข้าอาจจะสามารถให้ศาลาสังหารโลหิตรับใช้สำนักร้อยลี้ได้!” แม้ว่าบุรุษสวมหน้ากากยิ้มจะสวมหน้ากาก ทำให้ผู้คนมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ก็ยังคงสามารถเดาได้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นกำลังยิ้มเยาะ ราวกับกำลังมองดูตัวตลก!
“สำนักร้อยลี้ของพวกเจ้านับเป็นอันใด?”
เสียงที่แฝงไว้ด้วยการเยาะเย้ยดังขึ้นจากหน้ากาก
“หา?”
ลู่หวู่เฉิงและฉินมู่ที่อยู่ด้านหลังต่างก็ตกตะลึง
ขุมอำนาจระดับเจ็ดกับขุมอำนาจระดับหกมีความแตกต่างกันมากเพียงใด เพียงแค่มองดูประวัติศาสตร์ของมณฑลเทียนหยวนก็รู้คำตอบแล้ว
ตอนนี้ลู่หวู่เฉิงแม้ว่าจะมีท่าทางอ่อนโยนและใจดี
แต่เมื่อเขากลับไปยังสำนักร้อยลี้ เขาก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคน!
บางที…เมื่อเขากลับไป เขาอาจจะไปโน้มน้าวผู้อาวุโสให้รีบทำลายล้างศาลาสังหารโลหิต ไม่จำเป็นต้องรอคอยอีกต่อไป
“ศาลาสังหารโลหิตจงคิดให้ดี หากข้าเป็นอันใด พวกเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของสำนักร้อยลี้”
“การแก้แค้นเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่ขุมอำนาจระดับเจ็ดเช่นพวกเจ้าจะสามารถต้านทานได้!”
ลู่หวู่เฉิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ดูเหมือนว่าก่อนตาย เขายังคงต้องการใช้สถานะของสำนักร้อยลี้มาข่มขู่บุรุษสวมหน้ากากยิ้ม แต่น่าเสียดาย เขาไม่รู้
ตนเอง ไม่สิ ต้องกล่าวว่าทั้งสำนักร้อยลี้ ตอนนี้ในสายตาของศาลาสังหารโลหิตก็ไม่ต่างจากมดปลวก!
“เช่นนั้นหรือ?”
สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่วเบา แต่กลับน่ากลัวอย่างยิ่ง
ลู่หวู่เฉิงตกใจ รีบหยิบสมบัติเวทป้องกันระดับนิลออกมา
ตะโกนว่า “กระดองเต่าร้อยยันต์!”
กระดองเต่าสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือถูกโยนออกมา
กระดองเต่านั้นเปล่งประกายออกมา
ฉับพลัน
กระดองเต่าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าลู่หวู่เฉิง
“การตอบสนองไม่เลว แต่……” น้ำเสียงของบุรุษสวมหน้ากากยิ้มเย็นชาลง “ยังคงอ่อนแอเกินไป!”
เพล้ง!
เสียงของกระดองเต่าแตกสลายดังขึ้น
ลู่หวู่เฉิงเบิกตากว้าง ไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด
เกิดกระไรขึ้น!?
แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตทั่วไปก็ยังคงไม่สามารถทำลายสมบัติเวทป้องกันระดับนิลขั้นสูงได้ในพริบตา
สายตาของเขามองไปยังที่แห่งนั้น
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด มือขวาของบุรุษสวมหน้ากากยิ้มกลายเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่!
กรงเล็บนั้นราวกับใบมีดโลหะห้าเล่ม แสงอาทิตย์ส่องกระทบ ทำให้เกิดประกายแสงเย็นยะเยือก
ยิ่งไปกว่านั้น รอบ ๆ กรงเล็บยังคงมีหมอกสีเทาปกคลุม
บุรุษสวมหน้ากากยิ้มใช้กรงเล็บประหลาดนี้ ทำลายสมบัติเวทของลู่หวู่เฉิงได้อย่างง่ายดาย
“......”
“บัดซบ……” ลู่หวู่เฉิงกำลังจะหลบหนี แต่กลับพบว่าคอของตนเองถูกมือขวาของบุรุษสวมหน้ากากยิ้มจับเอาไว้
“ไม่!”
“ฉิน…… ฉินมู่…… ช่วยข้า……”
ลู่หวู่เฉิงเหลือบมองไปยังฉินมู่
แต่เมื่อเขามองไปดวงตาทั้งสองข้างแข็งค้าง ริมฝีปากสั่นเทา “เจ้… เจ้า… เจ้าเป็นใคร!?”
ฉินมู่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลายเป็นสตรีผู้มีรูปโฉมงดงาม ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความเย้ายวน
จิ้งจอกพันหน้ากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ท่านกล่าวถึงคนที่เดินทางมากับท่านหรือ? เมื่อวานตอนที่เขาไปปลดทุกข์ ข้ารับใช้ผู้นี้ก็จัดการเขาเสียแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น ลู่หวู่เฉิงรู้สึกราวกับตกอยู่ในน้ำแข็ง
ไม่แปลกใจเลยที่หลังจากที่เขาสังหารชายผู้นั้น อีกฝ่ายก็สามารถตามหาพวกเขาได้
ที่แท้ฉินมู่ที่อยู่ข้างกายเขาถูกสับเปลี่ยน!
“ข้า… ข้าสามารถถามได้หรือไม่ ว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงตามหาข้า”
ลู่หวู่เฉิงเห็นว่าตนเองไม่รอดแน่ จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
“สังหารคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต มิใช่กฎเกณฑ์ฟ้าดินหรือ?”
บุรุษสวมหน้ากากยิ้มกล่าวอย่างแผ่วเบา
ลู่หวู่เฉิงได้ยินเช่นนั้น ก็ตกตะลึง
จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
เขาได้สังหารเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขตเหยียนอวี่ เพราะเด็กหนุ่มผู้นั้นกล่าวสิ่งที่ไม่ควรกล่าวเช่นเดียวกับชายที่โรงเตี๊ยม
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว กล่าวราวกับได้ยินเรื่องตลก “ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเจ้าตามหาข้า เพียงเพราะชีวิตไร้ค่าเช่นนั้น ศาลาสังหารโลหิตคงจะเสียสติไปแล้วกระมัง”
“ยิ่งไปกว่านั้น ศาลาสังหารโลหิตของพวกเจ้าก็มิได้สังหารผู้คนน้อยลง พวกเจ้าเหล่ามือสังหาร คิดจะทำตัวเป็นคนดีหรือ?”
ใบหน้าของลู่หวู่เฉิงบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ