บทที่ 535: กลายเป็นสมบัติชาติที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 20 ปีก่อน!
ไม่เพียงแต่ฉีไคโหย่วเท่านั้นที่ตระหนักได้ ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ก็ตระหนักได้เหมือนกันว่ามันไม่ใช่ไป๋สุน
แม้แต่คนธรรมดาอย่างเฉินหลี่ก็ยังเข้าใจ
ถ้าไม่ใช่ไป๋สุนแล้วมันคืออะไรล่ะ
มีปลาอะไรอีกที่ใหญ่ขนาดนั้นในอ่างเก็บน้ำ
“ไปดูเร็ว!” ฉีไคโหย่วรีบตะโกนด้วยความร้อนรน
เขาคิดอะไรบางอย่างออก นั่นคือหากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอำเภอโหยวเฉิงดึงดูดไป๋สุนมาได้ แล้วใครบอกล่ะว่าจะดึงดูดปลาชนิดอื่นมาด้วยไม่ได้
บางทีนี่อาจเป็นปลาอีกชนิดหนึ่งที่ถูกดึงดูดมาก็เป็นได้
แต่ว่าปลาอะไรกันล่ะที่ตัวใหญ่ขนาดนี้
เรือเร็วค่อย ๆ แล่นตรงไปช้า ๆ เพราะฉีไคโหย่วกลัวว่าถ้าเคลื่อนไหวแรงเกินไปจะทำให้ปลาที่พึ่งปรากฏตัวตกใจ
ทว่าดูเหมือนปลามันจะสังเกตเห็นว่าเขากำลังเข้าไปใกล้พวกมันก็ว่ายเข้ามาหาด้วยตัวเองจนในไม่ช้าก็มาอยู่ใกล้เรือเร็วของพวกเขา
ฉีไคโหย่วบอกให้คนขับหยุดเรือ จากนั้นก็ได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นพร้อมกับร่างสีขาวตัวใหญ่กระโดดขึ้นเหนือน้ำต่อหน้าต่อตา
จากนั้นก็มีเสียงน้ำกระเซ็นอีกครั้งพร้อมกับร่างสีขาวอีกร่างที่กระโดดขึ้นเหนือน้ำ
ร่างทั้งสองซึ่งโค้งมนสมบูรณ์แบบได้ร่วงตูมลงน้ำซึ่งการได้รับชมอะไรแบบนี้มันช่างตื่นตาตื่นใจดีจริง ๆ
ด้านพวกฉีไคโหย่วที่ได้เห็นร่างสีขาวนั่นเต็ม ๆ แล้วก็ต้องตกใจมาก
เพราะมันไม่ใช่ปลา
“ละ ๆ ๆ โลมา (海豚)... เผือก ? ? ?” ผู้เชี่ยวชาญพูดตะกุกตะกักโดยไม่รู้ตัว
เพราะรูปร่างหน้าตาและรูปร่างเหมือนปลาโลมา
“ไม่ใช่โลมาหรอก” ผู้เชี่ยวชาญอีกคนส่ายหน้าทันที
โลมาที่ไหนมันจะมาอยู่ในแม่น้ำกันเล่า อย่าบอกว่ามันสนใจสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปของอำเภอโหยวเฉิงเชียว
เดาเท่าไหร่ก็คงไม่ถูก
“โลมา (豚) ครีบขาว! เหมือนจะเป็นโลมาครีบขาวนะ!” จู่ ๆ ฉีไคโหย่วก็อุทานชื่อที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจออกมา
คนอื่น ๆ ที่ได้ยินคำว่า ‘โลมาครีบขาว’ ต่างตกใจไม่แพ้กัน
พวกเขาทุกคนรู้ว่ามีโลมาครีบขาวอยู่ในหนังสือ โดยข้อมูลของพวกมันถูกผนึกไว้นานกว่า 20 ปีแล้ว
เนื่องจากพวกมันได้สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 20 ปีแล้วนั่นเอง
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าตอนนี้คือโลมาครีบขาวที่สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 20 ปีงั้นเหรอ
นี่มันน่าทึ่งยิ่งกว่าการปรากฏตัวของไป๋สุนในอำเภอโหยวเฉิงซะอีก
จริง ๆ แล้วโลมาครีบขาวตัวนี้ยังสวยงามกว่าที่มีบันทึกไว้ในหนังสือและสื่อต่าง ๆ อีกต่างหาก ราวกับเปิดเผยความงดงามหลายระดับออกมา
ทั้งคู่คือโลมาครีบขาวฝีมือฉินหลิน เนื่องจากโบนัสคุณสมบัติประดับ +2 ของพวกมันทำให้พวกมันดึงดูดสายตาของพวกฉีไคโหย่วได้ในทันที
เป็นธรรมดาที่ในสายตาของพวกเขาแล้วโลมาครีบขาวก็ควรจะเป็นแบบนี้แหละ
ภาพในหนังสือและวิดีโอต่าง ๆ ที่ถ่ายเก็บไว้เมื่อ 20 ปีก่อนนั้นมาจากเทคโนโลยีที่มีกำลังจำกัด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจับความสวยงามจริง ๆ ของโลมาครีบขาวได้อยู่แล้ว
ก็เหมือน ๆ กันกับตอนที่ย้อนกลับไปดูหนังเมื่อ 20 ปีก่อนนั่นแหละ มันทั้งหยาบทั้งแย่เลยใช่มั้ยล่ะ
ที่สำคัญคือมันไม่มีโลมาครีบขาวเหลือให้ไปชมและเปรียบเทียบอีกต่อไปแล้วด้วย
ดังนั้นสรุปคือโลมาครีบขาวก็ควรจะเป็นแบบนี้แหละ ใช่มั้ยล่ะ
เฉินหลี่เห็นท่าทางอึดอัดของคนเหล่านี้จึงถามว่า “เอ่อ... โลมาครีบขาวนี่คืออะไรเหรอครับ...”
ฉีไคโหย่วรีบอธิบายทันที “ท่านรองเฉิน ขอแสดงความยินดีกับอำเภอโหยวเฉิงด้วยครับ นี่คือโลมาครีบขาวซึ่งเป็นสมบัติชาติที่สูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน”
“? ? ?”
เฉินหลี่อึ้งไปเลยสิ “ถ้ามันสูญพันธุ์ไปตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว... พวกมันมาโผล่ที่นี่ได้ไงกันล่ะครับเนี่ย”
ฉีไคโหย่วส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ได้แค่เดาว่าฉันเดาได้แค่ว่าเมื่อตอนที่มีการประกาศว่าโลมาครีบขาวสูญพันธุ์นั้นเนื่องจากไม่พบโลมาครีบขาวในมณฑลฝูเจี้ยน ส่วนเรื่องที่พวกมันมาที่นี่ก็อาจเป็นเพราะถูกสภาพอากาศดึงดูดมาก็ได้น่ะครับ”
นี่คือสิ่งที่เขาคิดได้ ณ ตอนนี้ แต่ว่าเรื่องรายละเอียดจริง ๆ นั้นจำเป็นต้องค้นคว้าเพิ่มเติมอีก
แต่ที่แน่ ๆ เลยคือเขาไม่คิดแน่นอนว่าโลมาครีบขาวเหล่านี้มันจะโผล่มากลางอากาศเฉย ๆ เช่นมีคนที่มีระบบซึ่งขัดต่อกฎธรรมชาติเสกมันออกมาอยู่แล้ว
ฉีไคโหย่วเริ่มพาเหล่าผู้เชี่ยวชาญไปสังเกตโลมาครีบขาวสองตัวนั้น
พวกเขาต้องตกใจเมื่อพบว่าโลมาครีบขาวทั้งคู่นี้มีความใกล้ชิดกับคนพอ ๆ กับไป๋สุนเลย เผลอ ๆ จะสนิทและน่ารักกว่าซะด้วยซ้ำ
พวกมันเหมือนกับเด็กน้อยที่ชอบออดอ้อนยิ่งนัก
ฉีไคโหย่วลองแกล้งทำเป็นตกน้ำ แล้วก็มีโลมาครีบขาวว่ายเข้ามาแบกเขาขึ้นจากน้ำทันที ซึ่งการลงมือของมันยังเร็วกว่าไป๋สุน เป็นการช่วยเหลือแบบทันทีทันใดมากกว่า
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นงี้
ฉีไคโหย่วเห็นว่าโลมาครีบขาวคู่นี้มีความคล้ายคลึงกับไป๋สุนพวกนั้นในหลาย ๆ เรื่อง
แต่... ตัวหนึ่งออกลูกเป็นไข่ ส่วนอีกตัวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม แล้วมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกันได้ยังไง นี่เป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบาย
ในขณะที่ฉีไคโหย่วพาคนไปสังเกตโลมาครีบขาวอยู่นั้น ตัวเฉินหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะโทรไปรายงานนายอำเภอซุน
ลืมเรื่องไป๋สุนไปได้เลย เพราะตอนนี้สัตว์ที่สูญพันธุ์ไป 20 ปีได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว ซึ่งคุณประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอำเภอโหยวเฉิงดูเหมือนจะมีมากกว่าแค่ที่เห็นโดยผิวเผิน
............................................................................................
ที่ว่าการอำเภอ
นายอำเภอซุนกำลังดูเอกสารเกี่ยวกับการสร้างเขตอนุรักษ์ธรรมชาติไป๋สุน
เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างโชคดีซะเหลือเกิน
คิดถึงตอนที่เข้ามาทำงานในอำเภอโหยวเฉิงครั้งแรกนั้นที่นี่คือสถานที่ที่ยุ่งเหยิงชวนปวดกะบาลจริง ๆ
ดังนั้นแผนพัฒนาการท่องเที่ยว+ แบบครบวงจรจึงเป็นงานอันมาจากความพยายามอย่างยิ่งยวดของตัวเอง
แม้ว่าความพยายามนี้จะได้ผลอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าผลลัพธ์ในเบื้องต้นยังคงน้อยมาก ความล้าหลังของโหยวเฉิงนั้นต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเต็มกว่าจะพัฒนาปรับปรุงให้ทันสมัยได้บ้าง
ทว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไปตั้งแต่เถ้าแก่ฉินประมูลบ้านไร่ฟู่ไห่ได้สำเร็จเมื่อ 2 ปีก่อน
บ้านไร่ชิงหลิน, ฟาร์มชิงหลิน, บริษัทชิงหลิน และห้องทดลองชิงหลิน ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาทีละแห่งสองแห่งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของอำเภอโหยวเฉิงจนทำให้ทั้งอำเภอได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ 2 ปีมานี้อำเภอโหยวเฉิงได้เปิดประสบการณ์ในการพัฒนาเชิงคุณภาพ ซึ่งอัตราการเติบโตนั้นในสายตาคนนอกแล้วช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ
นี่เป็นสิ่งที่ตัวเขาเองสมัยที่ยังดำเนินนโยบายการท่องเที่ยว+ ไม่เคยกล้าคิดอย่างแน่นอน
อีกทั้งหากบอกว่าใครก็ตามที่มานั่งในตำแหน่งเดียวกันกับเขาต่างล้วนไม่กล้าคิดเช่นกัน
เขาโชคดีมาก และคิดว่าคงมีนายอำเภอหลาย ๆ คนอิจฉาตาร้อนสุด ๆ แน่เลย
อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ยังได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอำเภอโหยวเฉิงอีก ทำให้หน้าหนาวจะอุ่นและหน้าร้อนจะเย็นสบาย ซึ่งล้วนเป็นอากาศที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวพักผ่อนที่สุดแล้ว
ราวกับว่าสวรรค์ได้เพิ่มโบนัสให้กับการเดินทางของอำเภอโหยวเฉิงยังไงยังงั้น
สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดึงดูดไป๋สุนซึ่งเป็นสัตว์ที่ได้รับการประกาศว่าสูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ให้เข้ามาอยู่
ทำให้กำลังจะมีการจัดตั้งเขตอนุรักษ์ธรรมชาติไป๋สุนขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะช่วยกอบโกยเงินแล้วยังช่วยกอบโกยชื่อเสียงมาให้อีกด้วย
และตอนนี้เขาก็กำลังดูเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติดังกล่าวอยู่
ซึ่งขณะที่กำลังคิด ๆ อยู่นั้นเองจู่ ๆ มือถือก็ดัง เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏว่าเป็นเฉินหลี่เลยกดรับทันที
น้ำเสียงตื่นเต้นของเฉินหลี่ดังกรอกหู “ท่านต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ท่านนายอำเภอ ผมกับหัวหน้าฉีเจอสัตว์ที่สูญพันธุ์อีกชนิดนึงแล้วชื่อว่าโลมาครีบขาว เห็นว่ามันสูญพันธุ์ไปยี่สิบปีแล้วด้วยแถมสถานะยังสูงกว่าไป๋สุนอีกนะครับ”
“จริงเรอะ!” นายอำเภอซุนลุกขึ้นยืน
‘โลมาครีบขาวที่สูญพันธุ์ไปเมื่อยี่สิบปีก่อนมาโผล่อีกครั้งในโหยวเฉิง แถมยังมีสถานะสูงกว่าไป๋สุนอีกเนี่ยนะ หรือว่าอำเภอโหยวเฉิงเราจะเป็นลูกเมียน้อยของสรวงสวรรค์จริง ๆ วะเนี่ย’
เสียงของเฉินหลี่ดังขึ้นอีกครั้ง “พวกหัวหน้าฉียืนยันแล้วว่าพวกโลมาครีบขาวที่พึ่งพบนี้มีความใกล้ชิดกับมนุษย์พอ ๆ กับไป๋สุน และยังสามารถช่วยคนตกน้ำได้เหมือนกันด้วย เพียงแต่ฝั่งโลมาจะเร็วกว่า ที่สำคัญคือมันสวยมาก หากมองเป็นสัตว์สวยงามด้วยจะยิ่งทรงคุณค่าขึ้นไปอีก สรุปคือในอำเภอเราตอนนี้มีสัตว์คุ้มครองที่เป็นสมบัติชาติถึงสองชนิดแล้วนะครับ”
“สัตว์คุ้มครองระดับสมบัติชาติสองชนิด!” นายอำเภอซุนพึมพำอย่างตื่นเต้นเช่นกันตาก็มองลงไปที่เอกสารเขตอนุรักษ์ธรรมชาติไป๋สุนในมือโดยไม่รู้ตัว
ชื่อเขตอนุรักษ์ธรรมชาติไป๋สุนคงจะไม่เหมาะสมอีกต่อไปแล้วล่ะเนอะ
............................................................................................
บ้านไร่ชิงหลิน
พื้นที่เข้าชมสะพานลอยน้ำ
ผู้ที่มาเที่ยวชมส่วนใหญ่กำลังเอาตัวพิงราวกั้นกันอยู่โดยหมายจะถ่ายภาพเหล่าบรรดาไป๋สุนที่โผล่หน้าขึ้นมาจากน้ำ
ปัจจุบันนี้ไป๋สุนแทบจะกลายเป็นหัวข้อท็อปเสิร์จในโลกโซเชียลไปแล้ว นึ่คือการแสดงความยินดีของทุกคนในอีกรูปแบบหนึ่งในการต้อนรับการกลับมาของสัตว์คุ้มครองระดับสมบัติชาติ และเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่าหลังจากนี้มนุษย์จะช่วยกันดูและทะนุถนอมพวกมันเป็นอย่างดี
ถามหน่อยเถอะว่าเราจะไม่รักและหวงแหนสมบัติชาติที่ครั้งหนึ่งเคยสูญหายไปและถูกค้นพบใหม่อีกครั้งได้อย่างไร
ในช่วงเวลานี้ดูเหมือนว่าการโพสต์คลิปวิดีโอและภาพถ่ายของไป๋สุนลงใน ‘วีแชต’ จะกลายเป็นกระแสหลักไปแล้ว
ในคลิปบางคลิปที่มีการถ่ายติดไป๋สุนนั้นขอเพียงแท็กคำว่า ‘ไป๋สุน’ กับ ‘บ้านไร่ชิงหลิน’ ล่ะก็คลิปดังกล่าวจะเกิดทราฟิกได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะส่งผลต่อยอดวิว ยอดไลก์ และยอดคอมเมนต์อย่างมหาศาล
นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากอยากมาเที่ยวที่พื้นที่เข้าชมสะพานลอยน้ำ
หวางเฉียงเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวดังกล่าว เขาโพสต์คลิปวิดีโอในโมเมนต์และแอปตอตอ
ซึ่งอาชีพการงานของเจ้วตัวนั้นก็เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพอยู่แล้วด้วย ดังนั้นเขาจึงถ่ายและโพสต์คลิปวิดีโอในรูปแบบที่มีการวางแผนเอาไว้แล้วซึ่งจะแตกต่างจากคลิปแบบตามอำเภอใจของนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ
หวางเฉียงเซตอุปกรณ์ถ่ายภาพของตนซึ่งเป็นกล้องอัจฉริยะขนาดเล็กที่สามารถจับภาพด้วยความเร็วสูงโดยยังให้ภาพที่คมชัด
เขาเล็งไปที่ลูกคลื่นที่ปรากฏบนผิวน้ำแล้วขยับกล้อง เขารู้อยู่แล้วว่าในคลื่นลูกนั้นจะมีไป๋สุนโผล่ขึ้นมาชัวร์ ๆ
มาแล้ว ๆ ๆ
พอฟองอากาศเริ่มฟู่ขึ้นมาปุ๊บเขาก็จับโฟกัสที่ตรงจุดนั้นเพื่อจะจับภาพในจังหวะที่ไป๋สุนไป๋สุนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ
แล้วครู่ต่อมาไป๋สุนก็โผล่ออกมะ... ไม่... เด๋วนะ... นั่นมันใช่ไป๋สุนเหรอวะ!
หวางเฉียงเบิกตากว้าง
ร่างสีขาวกระโจนขึ้นจากน้ำและลอยขึ้นไปกลางอากาศ ซึ่งความสูงของมันนั้นอยู่สูงยิ่งกว่าสะพานโป๊ะซะอีก ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงพละกำลังในการกระโดดอันสุดยอด
“อะไรวะน่ะ?” รอบ ๆ มีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด
“โดดสูงขนาดนี้ไม่ใช่ไป๋สุนแล้ว!” มีคนอุทานขึ้นมา
“เหมือนปลาโลมามากว่าอะ!”
“เป็นไปไม่ได้ โลมามันอยู่ในแม่น้ำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“...”
นักท่องเที่ยวต่างตกใจและถูกดึงดูดสายตาไปพร้อม ๆ กัน
เช่นเดียวกับหวางเฉียง ตัวเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจมากจนลืมจับภาพไอ้ตัวที่กระโจนขึ้นจากน้ำไปเลย
จากนั้นเขาเห็นร่างสีขาวคล้ายโลมาว่ายเข้าไปหาไป๋สุนและเล่นเป็นวงกลมวงเดียกันกับพวกมันพร้อมกับส่งเสียงเหมือนจะพูดคุยสื่อสารกันอย่างมีความสุข
ฉากนี้มันช่างโคตรน่าทึ่ง
แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าร่างสีขาวนั่นมันคือตัวอะไร
ยิ่งกว่านั้นคือร่างสีขาวนั้นไม่ได้มาแค่ตัวเดียว มันยังมีอีกหลายตัวที่โผล่ตามมาทีหลังและได้กระโจนขึ้นจากน้ำทีละตัวสองตัวกลายเป็นฉากที่ดึงดูดสายตาของคนทุกคนให้ต้องจ้องมอง
นักท่องที่ได้สติก่อนใครก็ถ่ายภาพได้ก่อน
ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไรก็ตามก็ต้องถ่ายแล้วอัปโหลดก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
คลิปวิดีโอของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว มีคนที่ถูกดึงดูดให้เข้ามาชมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้เชี่ยวชาญเฒ่าในด้านสิ่งมีชีวิตประเภทปลาคนหนึ่งเองก็ได้เห็นคลิปวิดีโอเหล่านี้แล้วและได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน
“ในฐานะนักวิจัยในวงการปลาที่อยู่ในวงการมานานหลายสิบปีนั้นต้องบอกเลยว่าผมตื่นเต้นมากที่ได้ข่าวเรื่องที่ไป๋สุนได้กลับมาอีกครั้งเมื่อครึ่งเดือนก่อน”
“เพราะนี่คือสมบัติชาติของเรา เมื่อมันสูญหายเท่านั้นเราถึงจะรู้ว่าควรจะอนุรักษ์มันไว้ ซึ่งจริง ๆ แล้วความรู้สึกสูญเสียแบบนั้นผมเองก็เคยเจอมาก่อนเมื่อยี่สิบปีก่อน”
“ครั้งนั้นเรามีสมบัติอีกชิ้นหนึ่งเรียกว่าโลมาครีบขาวซึ่งมีความเก่าแก่ ทรงคุณค่า และสถานะของมันก็ยังสูงเกินกว่าไป๋สุนซะอีก ขณะนั้นเรามีโลมาครีบขาวเป็นสมบัติชาติและไป๋สุนก็ทำได้เพียงนั่งเก้าอี้รองบ่อน”
“แต่เมื่อยี่สิบปีก่อนโลมาครีบขาวได้ถูกประกาศว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว ส่วนตัวผมเองก็เคยสัมผัสมันมาก่อนเหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากจริง ๆ ตลอดยี่สิบปีมานี้ผมมักจะนั่งดูภาพในอดีตของโลมาครีบขาวและรำลึกถึงมันอยู่เสมอเลย”
“แต่ที่ผมไม่คิดมาก่อนเลยก็คือสถานที่มหัศจรรย์ที่เราเรียกกันว่าอำเภอโหย่วเฉิง ไม่เพียงแต่มันจะนำไป๋สุนที่สูญพันธุ์ไปแล้วกลับมาเท่านั้น แต่ยังนำโลมาครีบขาวที่สูญพันธุ์ไปเมื่อยี่สิบปีกก่อนกลับมาด้วย และตอนที่ผมกำลังพล่ามน้ำลายแตกฟองอยู่นี่มือก็กดซื้อตั๋วเครื่องบินจะบินไปเจอเพื่อนเก่าเหล่านั้นอีกครั้งอยู่ อา... อยากเจอเร็ว ๆ จังน้า... มันช่างเหลือจะเชื่อดีแท้...”
คำพูดของผู้เชี่ยวชาญเฒ่ารายนี้ได้ทำให้เกิดคลื่นบนอินเทอร์เน็ตในทันที
สัตว์คล้ายโลมาที่พึ่งปรากฏในอำเภอโหยวเฉิงคือสัตว์ที่เรียกว่าโลมาครีบขาวที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 20 ปีก่อนเหรอเนี่ย!
เชื่อขนมกินเลยว่าหลายคนคงพึ่งได้ยินคำว่าโลมาครีบขาวเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยซ้ำไป
แล้วทุกคนต่างก็เสิร์จคำว่าโลมาครีบขาว ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมา 25 ล้านปีหรือข้อมูลต่าง ๆ ก็ตาม หลังจากที่ได้รู้จักโลมาครีบขาวแล้วทั้งหมดทุกคนต่างก็ต้องตะลึง
เพราะนี่เป็นสมบัติชาติที่มีค่ามากกว่าไป๋สุนจริง ๆ นั่นแหละ
แล้วตอนนี้สมบัติชาติทั้งสองชนิดนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในอำเภอโหยวเฉิงพร้อม ๆ กันซึ่งไม่ตกใจสิแปลก
หรือดังที่ผู้เชี่ยวชาญเฒ่าคนนี้กล่าวไว้ อำเภอโหยวเฉิงเป็นสถานที่ที่มีมนตร์เสน่ห์อยู่จริง ๆ
............................................................................................
วันรุ่งขึ้น
แผนกคุ้มครองสัตว์หายากได้ออกข่าวอีกครั้งเพื่อยืนยันว่านอกจากไป๋สุนแล้วยังมีโลมาครีบขาวที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 20 ปีก่อนอยู่ในอำเภอโหยวเฉิงด้วย
ข่าวนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ต
นอกจากหัวข้อไป๋สุนแล้วบนอินเทอร์เน็ตยังมีข่าวเกี่ยวกับโลมาครีบขาวเพิ่มเติมเข้ามาอีก ไม่มีคนดังหรือเน็ตไอดอลคนไหนอยากจะแหลมขึ้นมาท่ามกลางความร้อนแรงแบบนี้
............................................................................................
อำเภอโหยวเฉิง
อาคารในเขตอุตสาหกรรม
เฉินหลี่กับฉีไคโหย่วได้มาถึงแล้ว
เนื่องจากจำเป็นต้องสร้างเขตอนุรักษ์ธรรมชาติและศึกษาไป๋สุนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อการคุ้มครองที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกฉีไคโหย่วจึงไม่รีบกลับไปเมืองหลวง
หลังจากที่ฉีไคโหย่วพาคนกลับมาที่นี่แล้วเขาก็รีบไปที่ห้อง
ในห้องนี้มีอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ นานา วางอยู่เต็มไปหมด
มีผู้เชี่ยวชาญที่ขยับมือปรับแต่งอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา
เมื่อฉีไคโหย่วกลับมาผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งก็รายงานว่า “ผมศึกษายีนของไป๋สุนดูแล้วครับหัวหน้า ยีนของไป๋สุนพวกนี้ไม่เหมือนกับไป๋สุนที่เรารู้จักจริง ๆ ด้วย ควรจะเป็นเพราะเกิดการกลายพันธุ์เลยทำให้ไม่เหมือนเดิม”
ฉีไคโหย่วพยักหน้าและยื่นหลอดทดลองในมือให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นทันที “อันนี้เป็นสะเก็ดผิวหนังของโลมาครีบขาว รีบตรวจสอบด่านเลยนะศาสตราจารย์หลิน เอาข้อมูลของโลมาครีบขาวที่เรามีเมื่อยี่สิบปีก่อนออกมาเทียบด้วยเลย”
ศาสตราจารย์หลินพยักหน้าแล้วรับหลอดทดลองดังกล่าวมาเปิดออก
ในเวลาต่อมา นอกจากกินกับนอนแล้วเขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทดลอง
และเมื่อการทดลองดำเนินเดินไปเรื่อย ๆ สีหน้าไม่อยากจะเชื่อก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“นะ ๆ นี่ ๆ ๆ... นี่มันเป็นไปไม่ได้...” ศาสตราจารย์ลินมีสีหน้าหวาดกลัว
เพราะเขาพบความคล้ายคลึงบางอย่างในยีนของไป๋สุนกับยีนของโลมาครีบขาว
นี่มันเรื่องโจ๊กแบบไหนกันวะเนี่ยถามจริง!
อะไรคือเหตุผลว่าทำไมยีนของพวกมันจึงคล้ายกันในเมื่อตัวหนึ่งออกลูกเป็นไข่ส่วนอีกตัวเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
ผู้สร้างกำลังต้มโจ๊กอยู่เหรอวะครับ!