บทที่ 404: เบ่งบาน (10)
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 404: เบ่งบาน (10)
เวลาประมาณบ่ายโมงของวันที่ 12
หลังจากเสร็จสิ้นการออดิชั่นภาพยนตร์เรื่อง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ในช่วงเช้า คังวูจินนั่งอยู่ในรถตู้ที่กำลังแล่นไปตามท้องถนน ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีเทาเข้ม ใบหน้าคมคายถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถัน เส้นผมจัดทรงอย่างประณีต บ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพหลังจากให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวชื่อดังจากฮอลลีวูดเสร็จสิ้นไปเมื่อครู่
- บรื้น!
หลังจากใช้เวลาให้สัมภาษณ์นานราว 1 ชั่วโมง ทีมงานของคังวูจินก็กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านพิซซ่าเจ้าดังตามคำแนะนำของฮันเยจอง คังวูจินนั่งไขว่ห้าง ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทางสุขุม ขณะเดียวกันในใจก็ครุ่นคิด
‘การออดิชั่นบท ‘อสูร’ สิ้นสุดลงแล้วหรือยังนะ? หรือว่ายังอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือก? ’
ความสงสัยก่อตัวขึ้นในความคิด ต่างจากการออดิชั่นภาพยนตร์เรื่อง ‘ปิเอโรต์’ ที่เป็นการคัดเลือกแบบเปิด ทำให้เขาทราบกำหนดการสิ้นสุดที่แน่ชัด แต่สำหรับ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ที่เป็นการออดิชั่นแบบปิด ยิ่งปลุกเร้าความอยากรู้ในตัวเขาให้ทวีคูณขึ้น ไม่นานนัก ชเวซองกุนที่นั่งอยู่ทางด้านขวา ก็ดูเหมือนจะครุ่นคิดในเรื่องเดียวกัน เขาเหลือบมองนาฬิกาบนโทรศัพท์มือถือ ก่อนเอ่ยขึ้น
“วูจิน เหลือผู้เข้ารับการออดิชั่นอีกแค่ 4 คน ดูจากเวลาแล้ว การออดิชั่นบท ‘อสูร’ รวมถึงการทดสอบหน้ากล้องก็น่าจะเสร็จสิ้นหมดแล้ว หรือไม่ก็คงเหลือผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้าย ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ผู้กำกับและทีมงานจะรู้สึกอย่างไรกับการแสดงช่วงท้าย”
สไตลิสต์และทีมงานคนอื่น ๆ ต่างพูดแทรกขึ้นมา บ้างก็แสดงความต้องการที่จะรับชม บ้างก็เล่าถึงความอลังการของฉากในกองถ่ายภาพยนตร์ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ คังวูจินเองก็รู้สึกสนใจไม่น้อย แต่กลับแสร้งทำท่าทีไม่ใส่ใจ พร้อมกับตอบกลับอย่างมั่นใจ
“เดี๋ยวคงมีคนติดต่อมาครับ”
“โทรศัพท์แจ้งผลล่ะสิ?”
“ครับ”
“ดูเหมือนในหัวของนายจะไม่มีคำว่าแพ้อยู่เลยสินะ?”
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นครับ”
ในตอนนั้นเอง
อืด... อืด...
โทรศัพท์มือถือของคังวูจินสั่นเรียกหาความสนใจ เมื่อเห็นชื่อไมลีย์ คาร่าปรากฏบนหน้าจอ เขาก็ยกมันขึ้นแนบหู ก่อนเอ่ยทักทายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงคมคาย
“สวัสดีครับ”
ปลายสายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือปนความตื่นเต้นของคาร่า
“ค่ะ คิดถึงคุณเลยโทรมาหา คุณไปออดิชั่นบท ‘อสูร’ แล้วใช่ไหมคะ?”
“ครับ”
“เป็นยังไงบ้างคะ?”
“หมายถึงอะไรครับ?”
“ก็แค่ถามความรู้สึกน่ะค่ะ คิดว่าทำได้ดีไหม?”
“อาจจะครับ” คังวูจินตอบเรียบ ๆ
“···งงจัง ยังไงก็เถอะ ฉันเพิ่งรู้มาจากเพื่อนว่าได้เจอกัน แต่คุณบอกว่าไม่เห็นเหรอคะ?”
คาร่าอธิบายเรื่องเพื่อนของเธอให้ฟังอย่างละเอียด ภาพของนักแสดงฮอลลีวูดผมหยิกที่เขาเพิ่งพบเจอเมื่อครู่นี้ แวบเข้ามาในความคิดของคังวูจิน
“เห็นครับ แต่ไม่ได้ทักทาย”
“เขาคงจะกวนประสาทคุณ แล้วก็มองคุณเป็นคู่แข่งแน่เลย อืม— ฉันหวังว่าคุณวูจินจะได้บท ‘อสูร’ จริง ๆ นะคะ รู้ใช่ไหมคะว่านี่เป็นครั้งแรกในฮอลลีวูด?”
“ผมเคยได้ยินมาบ้างครับ”
คาร่า ผู้เข้าชิงบท ‘เจ้าหญิงเบลล์’ หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ฉันได้ยินมาว่าการทดสอบหน้ากล้องของบท ‘เจ้าหญิงเบลล์’ จะเริ่มหลังจากที่ได้นักแสดงบท ‘อสูร’ แล้ว”
'อ้อ อย่างนั้นเหรอ ฉันเองก็ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย'
คังวูจินคิดในใจ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
“อย่างนั้นเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ นักแสดงบทอสูรก็จะมาร่วมสังเกตการณ์การออดิชั่นเจ้าหญิงเบลล์ด้วยเหมือนกันค่ะ คงจะจับคู่อสูรกับผู้เข้าชิงเจ้าหญิงเบลล์ดูนะคะ คุณวูจินคงจะได้เห็นผู้เข้าชิงเจ้าหญิงเบลล์ทุกคน รวมถึงฉันด้วยค่ะ”
“···ยังไม่ได้ยืนยันนะครับ”
“อ้อ จริงสิ ลืมไปเลย”
หลังจากตอบพร้อมเสียงหัวเราะใส ๆ คาร่าก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงหวานละมุน
“ส่วนตัวแล้ว ฉันอยากร้องเพลงพร้อมกับเสียงเปียโนของคุณวูจินในฐานะเจ้าหญิงเบลล์ค่ะ”
ในขณะเดียวกัน
ณ สตูดิโอSPT ฉากมูลค่า 50000 ตารางวาที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ 'โฉมงามกับเจ้าชายอสูร' ท่ามกลางสตูดิโอขนาดใหญ่หลายแห่ง การออดิชั่นอสูรดำเนินมาตั้งแต่เช้า ทีมงานต่างชาติกว่าร้อยคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
ขณะที่กำลังเก็บกวาดอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ไฟ กล้อง และเครื่องเสียงที่ติดตั้งไว้ในฉากงานเลี้ยงอันหรูหราอลังการ ประดับประดาไปด้วยลวดลายสีทองอร่าม หลังจากการออดิชั่นและการทดสอบหน้ากล้องของอสูรเสร็จสิ้นลง เหล่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ถูกย้ายกลับไปยังรถบรรทุก ผู้กำกับบิล เลาต์เนอร์ที่หัวล้านครึ่งศีรษะยืนอยู่ข้างเปียโนสีทอง
“······”
ต่างจากทีมงานกว่าร้อยคนที่กำลังวุ่นวาย เขากลับจ้องมองเปียโนด้วยสีหน้าครุ่นคิด ราวกับกำลังทบทวนฉากออดิชั่นที่ดำเนินมาตั้งแต่เช้า จากนั้นเองPDก็เดินเข้ามาหาบิล เลาต์เนอร์
“ผู้กำกับกำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
บิล เลาต์เนอร์ถอดแว่นกรอบดำออก ริมฝีปากแย้มยิ้ม
“ผมไม่ได้คิดหรอก แต่มันกำลังคิดของมันเองต่างหาก จนเห็นเป็นภาพที่เด่นชัดเลยด้วยสิ”
“······คังวูจินเหรอครับ?”
ผู้กำกับบิล เลาต์เนอร์ไม่ได้ตอบคำถามในทันที แต่กลับกวาดสายตาสำรวจไปรอบฉากงานเลี้ยงที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา ราวกับสถานที่จัดงานเลี้ยงจริง ๆ สถานที่แห่งนี้...เคยเป็นที่ซึ่งคังวูจินเคยปลดปล่อยพลังอันบ้าคลั่ง หรือจะเรียกว่า ‘อสูร’ ออกมาก็คงไม่ผิดเพี้ยน ในฐานะผู้กำกับ ภาพความทรงจำอันน่าตื่นตะลึงนั้นยังคงฝังแน่นอยู่ในห้วงความคิดของเขา อย่างน้อยที่สุด สำหรับบิล เลาต์เนอร์แล้ว มันเป็นเช่นนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“เพียงแค่การบรรเลงเปียโน เขากลับถ่ายทอดรูปลักษณ์ นิสัยใจคอ และเรื่องราวชีวิตของ ‘อสูร’ ออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ผมไม่เคยพบเห็นการแสดงที่เหนือความคาดหมายเช่นนี้มาก่อนเลยตลอดชีวิตการทำงาน ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งการขับร้องและทักษะการแสดงก็······”
เขาเว้นวรรคคำพูดไว้ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังครุ่นคิด ก่อนจะสบตากับPDอย่างตั้งใจ
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับดาวตก คว้า ‘รางวัลนักแสดงนำชาย’ ที่เมืองคานมาครองได้ พูดถึง ‘รางวัลออสการ์’ ได้อย่างคล่องแคล่วราวกับสิ่งที่อยู่แค่เอื้อมมือ และได้รับเลือกให้เป็นพระเอกใน ‘ปิเอโรต์:กำเนิดวายร้าย’ รวมถึงสาเหตุที่เขาสร้างปรากฏการณ์อันน่าตื่นตะลึงให้กับฮอลลีวูดได้ถึงเพียงนี้”
“······อืม ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน บรรดาผู้บริหารของดิสนีย์ถึงกับเรียกเขาว่า ‘อสูร’ เลยทีเดียว”
“ผมอยากลองแต่งหน้าให้เขาดูสักครั้ง”
“ครับ?”
ผู้กำกับบิล เลาต์เนอร์นึกถึงคังวูจินที่ไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้ในขณะนั้น
“ผมหมายถึงอยากเห็นคังวูจินในรูปลักษณ์ของ ‘อสูร’ ตัวจริง พูดกันตามตรง นักแสดงคนอื่น ๆ ในวันนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย เราคงต้องประชุมกันอย่างจริงจังอีกครั้งเกี่ยวกับการออดิชั่นในวันนี้ ผมเข้าใจว่าทางดิสนีย์ต้องคำนึงถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคังวูจิน รวมถึงสายตาของสาธารณชนทั่วโลกด้วย”
“······”
“แต่ผมจะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงให้คุณรู้ตั้งแต่ต้นเลยนะครับ” ผู้กำกับบิล เลาต์เนอร์เอ่ยความในใจกับผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตอนนี้ผมคิดถึงแต่คังวูจินในบทอสูรเท่านั้น”
จากนั้นข่าวการออดิชั่นและการทดสอบหน้ากล้องสำหรับบท ‘อสูร’ ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 13 ก็แพร่สะพัดไปทั่วฮอลลีวูดอย่างรวดเร็ว ราวกับไฟลามทุ่ง ด้วยความที่เป็นผลงานระดับโลก สื่อต่างประเทศจึงไม่มีทางปล่อยข่าวนี้หลุดมือไปได้
『LA TIME/ ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ เตรียมสร้าง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ฉบับคนแสดงจริง ดูเหมือนการออดิชั่นบท ‘อสูร’ จะสิ้นสุดลงแล้วเมื่อวานนี้』
กระแสข่าวที่แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการพูดคุยกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ชื่อของคังวูจินถูกกล่าวถึงอย่างหนาหู เขาเป็นที่จับตามองตั้งแต่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงบท ‘อสูร’ และยิ่งถูกพูดถึงมากขึ้นหลังจากได้รับบทนำใน ‘ปิเอโรต์: กำเนิดวายร้าย’
เขาเป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงกลายเป็นที่หมายปองของฮอลลีวูดเช่นนี้?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือปฏิกิริยาของสาธารณชนต่างประเทศที่ดูจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
-ไม่ต้องมาบอกว่าคังวูจินไม่เหมาะกับบทอสูรหรอกนะ ลองไปดู ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กันก่อนเถอะ
-ฉันก็เห็นด้วย เขาหล่อและแสดงเก่ง ฉันคิดว่าคังวูจินเหมาะกับบทอสูรในแบบฉบับของเขา
นี่คือพลังของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ที่เข้าโจมตีโลกอย่างฉับพลัน ปัจจุบัน ‘มารร้ายผู้แสนดี’ เข้าฉายมาได้ราวสิบวัน
『 ‘ตั้งใจจะดูแค่ตอนเดียว แต่เผลอดูจนถึงเช้า’ …ตอนนี้ทั่วโลกกำลังคลั่งไคล้ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ 』
เรื่องมารร้ายผู้แสนดีกำลังพุ่งทะยานราวกับจรวด!
『[ข่าวเด่นเกาะกระแส] ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ฮือฮาท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์…ระหว่างความแปลกใหม่และความคุ้นเคย พร้อมแอ็คชั่นสุดตระการตา ยังคงครองอันดับ 1 ในอเมริกา!』
『 ‘มารร้ายผู้แสนดี’ โด่งดังระดับโลก…ยอดผู้ติดตาม SNS ของนักแสดงพุ่งกระฉูด ทั้งคังวูจินและฮวาลิน!』
จากที่คาดการณ์ว่าจะจบกระแสภายในไม่กี่วัน แต่กลับกัน ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ยังคงยึดครองอันดับ 1 ในหลายประเทศ นอกเหนือจากอเมริกาและเกาหลี เป็นเวลากว่าสิบวันแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น
『 ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ฮิตทั่วโลก ครองอันดับ 1 ใน 22 ประเทศ รวมถึงอเมริกา นับตั้งแต่เปิดตัวมาสิบวัน』
กำลังครองอันดับ 1 บน Netflix ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
ผู้คนทั่วโลกต่างพูดถึง ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กันอย่างหนาหู
-ฉันไม่ค่อยรู้จักเกาหลีหรอก แต่พอได้ดู มารร้ายผู้แสนดี แล้วอยากไปเที่ยวเกาหลีเลย!!
-พาร์ท 2 จะมาเมื่อไหร่กันนะ? Netflix เร่งมือหน่อยสิ!
-กำลังหาซีรีส์เกาหลีใน Netflix เพราะติดใจเท่ามารร้ายผู้แสนดี แต่หาเรื่องที่เทียบเท่าไม่ได้เลยสักเรื่อง
-แอ็คชั่นก็ใช้ได้ แต่เนื้อเรื่องไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงดังขนาดนี้?
-ฉันก็ไม่ค่อยอินกับเรื่องนี้เหมือนกัน
-เพิ่งจะสนใจนักแสดงเกาหลีเป็นครั้งแรก…คังวูจินนี่เท่ระเบิดไปเลย
นี่มันปรากฏการณ์ระดับโลกอย่างแท้จริง!
『 ‘มารร้ายผู้แสนดี’ สร้างความคลั่งไคล้ไปทั่วโลก กำลังทำลายสถิติในเกาหลี···ชื่อเสียงของคังวูจินพุ่งสูงราวกับติดจรวด!』
และเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งวัน ในวันที่ 14
『[ประเด็นร้อน] ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กำลังเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับซีรีส์เกาหลี ยังคงครองอันดับ 1 ในอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ประกาศอันดับรวมทั่วโลก ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก เป็นครั้งแรกของเกาหลี!』
『‘มารร้ายผู้แสนดี’ สร้างปรากฏการณ์…ครองอันดับ 1 Netflix ทั่วโลก! 』
『ผลสรุปอันดับของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ』
『คังวูจินโด่งดังไปทั่วโลก ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ครองอันดับ 1 Netflix ทั่วโลก···สร้างสถิติใหม่ให้ละครเกาหลี』
『[สรุป] ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ครองอันดับ 1 ใน 22 ประเทศ ทั้งเกาหลี อเมริกา ญี่ปุ่น ส่วนอีก 50 ประเทศอยู่ในอันดับ 2 หรือติดอันดับต้น ๆ ··· ‘มารร้ายผู้แสนดี’ สุดยอดความสำเร็จอันดับ 1 ของโลก』
『เปิดตัวได้เพียงสิบวัน ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ก็ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก หากรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้ จะเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน! 』
เรื่องนี้ได้กลายเป็นละครเกาหลีเรื่องแรกที่ได้อันดับ 1 ของโลกไปเสียแล้ว
ณ เวลานี้ ณ สถานที่ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง LA ออกไปเล็กน้อย
ปรากฏอาคารสองชั้นขนาดใหญ่ ตัวอาคารส่วนใหญ่แต่งแต้มด้วยสีเทา ล้อมรอบด้วยกระจกใส สวนกว้างขวางร่มรื่นโอบล้อมตัวอาคารเอาไว้ แม้ใน LA อันกว้างใหญ่ ขนาดของอาคารอาจไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจนัก แต่มีบางสิ่งที่สะดุดสายตาอย่างแท้จริง
รูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าอาคาร
รูปปั้นนี้มีขนาดใหญ่กว่าคนถึงสามเท่า เป็นรูปปั้นหญิงสาวมีปีก มือบางประคองลูกโลกเอาไว้ ดวงตาเงยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูเผิน ๆ คล้ายกับถ้วยรางวัล
อันที่จริง รูปปั้นนี้คือถ้วยรางวัลจริง ๆ
เป็นเพียงการขยายขนาดของถ้วยรางวัลต้นแบบให้ใหญ่ขึ้นเท่านั้น
แท้จริงแล้ว รูปปั้นหญิงสาวมีปีกถือลูกโลกมองขึ้นไปบนท้องฟ้านี้โด่งดังอย่างมาก ไม่ใช่แค่ในอเมริกา แต่ดังไกลไปทั่วโลก ในวงการภาพยนตร์ ผู้คนรู้จักรูปปั้นนี้ในนาม ‘รางวัลออสการ์’ ในวงการละครเวทีและละครเพลงคือ ‘รางวัลโทนี’ และในวงการโทรทัศน์คือ ‘รางวัลไพรม์ไทม์เอมมี่’ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘รางวัลเอมมี่’ และรูปปั้นหญิงสาวคนนี้ก็คือถ้วยรางวัล ‘เอมมี่’ นั่นเอง
รางวัลเอมมี่เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์แห่งวงการโทรทัศน์ นับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดระดับโลก
จึงไม่น่าแปลกใจที่คนในวงการโทรทัศน์ทั่วโลกต่างใฝ่ฝันถึงรางวัลเอมมี่นี้ รางวัลเอมมี่ครอบคลุมทั้งโทรทัศน์ภาคพื้นดิน เคเบิลทีวี และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง OTT ต่าง ๆ เช่นเดียวกับเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ รางวัลนี้แบ่งออกเป็นหลายสาขา โดยสาขาหลักคือรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี่ ซึ่งมักเรียกสั้น ๆ ว่ารางวัลเอมมี่ แน่นอนว่ามีรางวัลสาขานักแสดงนำชายด้วย
เหตุผลที่รูปปั้นถ้วยรางวัลเอมมี่ยืนตระหง่านอยู่หน้าอาคารหลังนี้แสนเรียบง่าย
เพราะที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของผู้จัดรางวัลเอมมี่นั่นเอง
หรือที่รู้จักกันในนามสถาบันศิลปะภาพยนตร์และโทรทัศน์บริติช (BAFTA) ซึ่งเป็นผู้จัดรางวัลไพรม์ไทม์เอมมี่ในทุก ๆ ปี สิ่งที่น่าสนใจคือ ภายในห้องประชุมแห่งหนึ่งของอาคารหลังนี้ ชาวต่างชาติหลากหลายวัยกำลังประชุมกันอย่างขะมักเขม้น
“‘มารร้ายผู้แสนดี’ นี่สินะ ชื่อเรื่องช่างแปลกพิลึก”
คำว่า ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ผลงานจากเกาหลีใต้ หลุดออกมาจากปากของพวกเขา
“เห็นด้วย เปิดตัวใน Netflix แค่วันเดียวก็ขึ้นอันดับหนึ่งในอเมริกาแล้ว เป็นซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนนี้ขึ้นอันดับหนึ่งไปกว่ายี่สิบประเทศแล้ว อีกห้าสิบประเทศก็อยู่อันดับสองหรือไม่ก็ติดอันดับต้น ๆ”
“มันเกินกว่าคำว่ากระแสแรงไปแล้ว ทำลายสถิติใหม่ทุกวันเลย”
บทสนทนาของคนกลุ่มนี้ราว ๆ หลายสิบคนค่อนข้างจริงจัง
“ตอนนี้ขึ้นอันดับหนึ่งของ Netflix ทั่วโลก สถิตินี้แม้แต่ซีรีส์อเมริกันเองก็มีไม่กี่เรื่องหรอกนะ”
“คงต้องตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน แต่ก็น่าจะพอเดาได้อยู่หรอก”
“ตัวผลงานเองก็น่าสนใจและทำออกมาได้ดี ทั้งการกำกับและโดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นที่โดดเด่นสะดุดตามาก”
“คังวูจินน่ะ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นตัวเขาที่สร้างปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้นมา ต่อจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ‘ปิเอโรต์: กำเนิดวายร้าย’ กับ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ก็ประสบความสำเร็จพร้อมกัน แล้วยังมี ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ที่โด่งดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลกอีก เหลือเชื่อจริง ๆ !”
“ก็มันเกิดขึ้นแล้วนี่ จะเหลือเชื่ออะไรอีกล่ะ”
“ยังไงก็เถอะ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ กับคังวูจินนี่ มันราวกับเสกปาฏิหาริย์ขึ้นมาจริง ๆ”
“ปาฏิหาริย์ของคังวูจินยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ สินะ”
ทั้งนี้ ‘รางวัลไพรม์ไทม์เอมมี่’ จะรวบรวมผลงานที่เข้าชิงตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้วจนถึงเดือนเมษายนปีนี้ หลังจากผ่านการโหวตและขั้นตอนต่าง ๆ จากคณะกรรมการมากมาย ก็จะมีงานประกาศรางวัลอย่างยิ่งใหญ่ในเดือนสิงหาคม ขณะนี้เป็นเดือนกุมภาพันธ์ จึงเป็นช่วงที่กำลังรวบรวมผลงานเข้าชิงอยู่นั่นเอง
ทันใดนั้น ชายชาวต่างชาติผู้มีหนวดเคราเฟิ้มก็เอ่ยขึ้น
“‘มารร้ายผู้แสนดี’ มีสิทธิ์เข้าชิงหรือเปล่า?”
ชายชาวต่างชาติร่างท้วมกอดอกตอบ
“คงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปก่อน แต่ถ้ากระแสยังคงแรงต่อเนื่องแบบนี้ ก็น่าจะมีโอกาสนะ”
ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่มารวมตัวกันพยักหน้าเห็นด้วย ชายร่างท้วมกล่าวเสริม
“ถ้า ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ได้เข้าชิงอย่างเป็นทางการล่ะก็- นี่จะเป็นผลงานที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษเรื่องแรกเลยทีเดียว”
‘รางวัลเอมมี่’ ตอนนี้เริ่มรับรู้ถึง ‘มารร้ายผู้แสนดี’ แล้ว
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_