บทที่ 18 การเสียสละ
บทที่ 18 การเสียสละ
ปุโรหิตเฒ่าที่กำลังสวดอ้อนวอนเสียงดังอยู่นั้นหยุดไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกาย
“หรือว่าฉันป่วยหนักขึ้น?”
เขามีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
เขาไม่รู้เลยว่าแสงสีขาวบางอย่างได้เกิดขึ้นภายในร่างของเขาแล้ว แม้มันจะอ่อนแรงมาก แต่ก็เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ของพลังเหนือธรรมชาติ! พลังนี้แม้ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในตอนนี้ แต่ตราบใดที่เขายังคงศรัทธาต่อไป พลังแสงนี้ก็จะค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนกับคนทั้งสองที่ใช้พลังแสงอันทรงพลังในวันนี้ได้!
แน่นอน ซูหยุนไม่ได้ตัดสินใจมอบพลังให้เขาง่ายๆ โดยไม่คิดถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา เช่น การทรยศ
แต่เขาก็เชื่อว่าปุโรหิตเฒ่าจะไม่หักหลังเขา!
นอกจากจะเชื่อมั่นในความศรัทธาของปุโรหิตเฒ่าแล้ว ซูหยุนก็ไม่กลัวการทรยศเช่นกัน
ตัวเขาเป็นใคร?
เขาคือ เทพแห่งแสง!
แม้ผู้ศรัทธาจะคิดใช้พลังแสงที่ตนได้รับเพื่อหักหลัง ก็เป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้น เพราะตราบใดที่เขายังควบคุมเส้นศรัทธาได้ พลังของพวกเขาก็จะถูกตัดขาดจากแหล่งกำเนิดโดยสิ้นเชิง
ระดับความศรัทธาของพวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่น่าจะทรยศได้ง่าย ๆ หากปุโรหิตเฒ่ายังไม่ได้มีศรัทธาในระดับนี้ ซูหยุนก็คงไม่สามารถมอบพลังให้กับเขาได้อยู่ดี
เหมือนกับเส้นศรัทธาขนาดใหญ่เหล่านั้น ที่เขาไม่สามารถมองเห็นฟังก์ชันนี้ได้
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะระดับของเทพยังไม่สูงพอ หรือเพราะเส้นศรัทธาในระดับนั้นยังไม่สามารถก่อเกิดพลังแสงได้
'แต่มันยังไม่พอ หากอยากจะต่อสู้กับเผ่าน้ำแข็งนั้น ต้องมีนักรบแห่งเทพของเราเองหลายๆคน!'
ในอนาคต ซูหยุนจะต้องปะทะกับเทพแห่งน้ำแข็งแน่นอน ตราบใดที่เขาไม่ต้องการที่จะแพ้ ทั้งสองเทพก็ไม่มีทางประนีประนอมกันได้! เมื่อถึงเวลานั้น ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับเทพแห่งน้ำแข็ง ผู้คนในเผ่าของเขาก็อาจจะต้องเผชิญกับการสังหารจากนักรบของอีกฝ่าย หากพวกเขาไม่มีความสามารถในการป้องกันตนเอง ต่อให้เขาชนะในท้ายที่สุด มันก็คงเป็นชัยชนะที่ต้องสูญเสียอย่างมหาศาล
ดังนั้น จำเป็นต้องเพิ่มนักรบแห่งเทพให้มากที่สุด
แต่เงื่อนไขในการเพิ่มนักรบแห่งเทพนั้น ก็คือต้องมีระดับศรัทธาเท่ากับปุโรหิตเฒ่า
แล้ววิธีเพิ่มศรัทธาให้เร็วที่สุดคืออะไร?
ซูหยุนยิ้มและพึมพำกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสำแดงปาฏิหาริย์อีกครั้งแล้ว”
เดิมทีวันนี้เขาตั้งใจจะมอบไฟให้แก่พวกเขา แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เข้ามาขัดซะก่อน ตอนนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะสอนเรื่องไฟพร้อมกับเพิ่มศรัทธาไปด้วย! ซูหยุนจดจ่อไปยังเส้นศรัทธาของปุโรหิตเฒ่าและส่งข้อความไป
ปุโรหิตเฒ่าที่กำลังประกอบพิธีให้กับคนในเผ่าชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนที่ข้อมูลจากเทพถูกส่งมา เขารู้สึกเหมือนถูกแสงสว่างโอบล้อม รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย ราวกับเข้าใกล้เทพมากขึ้นอย่างลึกล้ำ!
เขารู้ทันทีว่าเป็นพระบัญชาจากเทพแห่งแสงที่ส่งมาโดยตรง เขาจึงหยุดการกระทำทั้งหมดแล้วคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม
“รวบรวมคนในเผ่า...จะประทานสิ่งของ...”
เมื่อได้ยินพระบัญชาจนหมด เขาทั้งเข้าใจและดีใจจนไม่อาจกลั้นไว้ได้
“เทพแห่งแสงผู้ยิ่งใหญ่ทรงสั่งให้ข้ารวบรวมคนในเผ่าไว้ ในไม่ช้า ‘เทพ’ จะประทานปาฏิหาริย์และ ‘ประทานวัตถุศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเรา!”
“โอ้ เทพของข้า ทรงมีพระเมตตาอย่างยิ่ง!”
ปุโรหิตเฒ่ายังคงสรรเสริญเทพแห่งแสงอยู่ในใจ
หากซูหยุนรู้ถึงความคิดของปุโรหิตเฒ่าผู้นี้ เขาคงจะกระอักเลือดออกมาใส่หน้าตาแก่นี่ทันที คิดว่า “ใครว่าปาฏิหาริย์กับวัตถุศักดิ์สิทธิ์กัน! แค่บอกว่า ‘สิ่งของ’ เฉยๆ แต่ตาแก่นี่คิดเสริมได้ไปไกลเสียจริง!”
...
ในถ้ำแห่งหนึ่ง
“แม่... ผมหิวแล้วครับ”
เด็กชายร่างผอมเล็ก อายุราวห้าหกขวบ ผมยุ่งเหยิง หน้าตาซีดเซียวมองแม่วัยกลางคนด้วยสีหน้าละอายใจ พร้อมเอ่ยเบาๆ
“รอเดี๋ยวนะ”
หญิงสาวนามว่าหลี่ ซึ่งใบหน้าซีดเผือด อดกลั้นความเจ็บปวดในร่างกายไว้ เธอเดินไปที่มุมถ้ำ ค้นหาของบางอย่าง
ไม่นานนัก เธอก็หยิบเนื้อสัตว์ป่าแห้งๆ ชิ้นหนึ่งกับผลไม้ป่าเล็กๆ สีเขียวออกมา ยื่นของทั้งสองอย่างให้เด็กน้อย
“เสี่ยวหู กินเร็วลูก!”
เสี่ยวหูยิ้มดีใจและรับของจากแม่ แต่เมื่อเขากำลังจะกิน เขาก็หยุดแล้วหันมาถาม
“แม่กินหรือยังครับ?”
“กินแล้วลูก รีบกินเถอะ” หลี่พยายามกลั้นความหิวไว้พร้อมลูบหัวลูกเขาอย่างรักและเอ็นดู
เสี่ยวหูไม่คิดอะไรมาก รีบกัดกินเนื้อที่เริ่มมีกลิ่นเหม็นและผลไม้ป่ารสเปรี้ยวอย่างรวดเร็ว
หลี่มองดูเสี่ยวหูกินด้วยรอยยิ้ม แต่เธอโกหกไป เพราะวันนี้ไม่มีการออกล่าสัตว์เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เธอไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหาร ของที่เหลืออยู่ในมือคืออาหารส่วนสุดท้ายที่เก็บไว้
ในเผ่านี้ อาหารจะถูกจัดสรรให้หัวหน้าและปุโรหิตก่อน ส่วนที่เหลือจะให้ผู้ชายที่ออกล่าสัตว์ เพราะพวกเขาต้องมีกำลังเพื่อหาอาหารมาหล่อเลี้ยงเผ่า ส่วนผู้หญิงและเด็กอาหารจะมีไม่เพียงพอ จึงผอมโซ
ซูหยุนซึ่งสังเกตการณ์อยู่รู้สึกสะเทือนใจต่อความลำบากของเผ่านี้
ในขณะนั้นเอง มีคนมาบอกว่า
“ปุโรหิตเรียกให้พวกเราไปรวมตัวกัน เดี๋ยวจะมีพิธีบูชา!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งในเผ่าวิ่งเข้ามาในถ้ำพร้อมตะโกนบอกข่าวแก่ชาวเผ่าในถ้ำว่า “จะมีพิธีบูชา!”
คนในถ้ำต่างตกใจ รีบลุกขึ้นยืนแล้วกรูกันวิ่งออกไปข้างนอก หลี่เองก็ประหลาดใจเช่นกัน จึงรีบก้มลงจูงมือเสี่ยวหูพาออกจากถ้ำตามไป
ไม่นานถ้ำก็แทบจะว่างเปล่า เหลือเพียงปุโรหิตเฒ่าซึ่งนำพวกคนในเผ่ากลุ่มหนึ่งมาถึงยังศิลาศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำ เขาสวดภาวนาอย่างให้ความเคารพ จากนั้นจึงยกศิลานั้นขึ้นออกไปพร้อมกันเพื่อไปยังแท่นบูชานอกถ้ำ
บรรยากาศบริเวณแท่นบูชาเต็มไปด้วยผู้คนที่รายล้อมรออยู่ ศิลาศักดิ์สิทธิ์ถูกนำมาวางบนแท่นบูชา ปุโรหิตเริ่มกล่าวบทสวดนำคนในเผ่าภาวนาตามไปด้วย
“สรรเสริญท่าน เทพแห่งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ ท่านคือผู้ที่ส่องสว่างและขจัดความมืด นำพาแสงแห่งความสว่างมาให้เรา…”
ซูหยุนได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “นั่นไม่ใช่การกล่าวบูชาถึงดวงอาทิตย์หรอกเหรอ?”
ปุโรหิตเฒ่าถึงแม้จะมีร่างกายอ่อนแอ แต่ก็ยังคงนำการร่ายรำเพื่อประกอบพิธีบูชา พลางเปล่งเสียงร้องตามจังหวะ
"โฮ่ โฮ่ โฮ่..."
กลุ่มชนเผ่าโบราณมากมายกำลังล้อมแท่นบูชาศิลาศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสียงตะโกนโห่ร้องพร้อมใจกัน และเคลื่อนไหวเป็นจังหวะในการร่ายรำพิธีกรรม
แต่ท่าทางการร่ายรำนั้นน่ะหรือ...
ซูหยุนมองไปแล้วก็อดรู้สึกปวดตาไม่ได้ ราวกับดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกทำลายโดยภาพตรงหน้า
โดยเฉพาะท่ากระดกสะโพกซ้ายขวาพร้อมกันอย่างเป็นจังหวะ
ใต้แสงแดดร่างกายที่เปลือยเปล่าแวววาวไปด้วยเหงื่อ สะโพกที่กระดกตามจังหวะทำให้ซูหยุนหลุดหัวเราะออกมา พร้อมกับรอยยิ้มที่เริ่มบิดเบี้ยว
เพลง ๆ หนึ่งผุดขึ้นมาในใจเขา เป็นเพลงที่ช่างเข้ากับการเคลื่อนไหวของพวกเขาเหลือเกิน
“มาวาดมังกรทางซ้าย วาดสายรุ้งทางขวา
ซ้าย ขวา โยกหัว
มือทั้งสองเหมือนลิงพุ่งตัวขึ้นฟ้า
มือซ้าย มือขวา โยกไปข้างหน้า ปิดหน้าผากแล้วโยกสะโพกไปมา กระโปรงหนังสัตว์ คลื่นใหญ่ ยักไปยักมาเข้ากัน โยกอีกนิด เดี๋ยวก็คุมตัวไม่อยู่แล้ว!”
ซูหยุนถอนหายใจออก เมื่อกลุ่มชนเผ่าโบราณหยุดการเต้นรำในที่สุด
โชคดีที่ดวงตาศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังของเขาไม่ได้พังทลายจากการเห็นภาพที่บาดตานี้
เมื่อมองดูกลุ่มชนเผ่าโบราณเหล่านี้ ซูหยุนก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้ภายในเผ่ามีคนเหลืออยู่ 339 คน หลังจากหักจำนวนที่เสียชีวิตไปแล้ว
ในจำนวนนี้มีผู้ชาย 135 คน ส่วนผู้หญิงมีถึง 204 คน ทำให้สัดส่วนระหว่างชายหญิงดูไม่สมดุล
พอคิดดู ซูหยุนก็เข้าใจว่าคงเป็นเพราะการสูญเสียจากการออกล่าสัตว์เพื่อดำรงชีวิต
ที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยคือ เขาพบว่าภายในเผ่ามีผู้สูงอายุที่ไม่สามารถทำงานได้หลงเหลืออยู่น้อยมาก มีเพียงเจ็ดคนเท่านั้น ซึ่งมันดูไม่ปกติเท่าไหร่
ไม่มีเวลาให้คิดมาก ซูหยุนรู้ว่าถึงเวลาที่เขาต้องปรากฏตัวแล้ว
เขาหยิบถุงพลาสติกข้าง ๆ และนำของข้างในออกมา จากนั้นส่งพลังให้แสงสีขาวของพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างห่อหุ้มและยกของเหล่านั้นขึ้นมาเบา ๆ
ซูหยุนอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลอยออกมาจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
หัวหน้าและปุโรหิต รวมถึงชาวเผ่าโบราณที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ต่างก็กลั้นหายใจมองดูศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่เริ่มเปล่งแสงออกมา
ในชั่วพริบตา แสงสว่างเจิดจ้าก็ส่องสว่างบนแท่นบูชา! ร่างรางๆ ที่แผ่ประกายสว่างจ้าปรากฏขึ้นทันใด ลอยออกมาจากศิลาศักดิ์สิทธิ์
ซูหยุนลอยอยู่เงียบๆ ในอากาศประมาณห้าเมตร แสงที่นุ่มนวลแพร่กระจายครอบคลุมเหล่าชนเผ่าโบราณอย่างรวดเร็ว
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นภาพนี้ แต่ชนเผ่าโบราณก็ยังรู้สึกตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
(จบตอนที่ 18 )