บทที่ 17 นักรบเทพ!
บทที่ 17 นักรบเทพ!
นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขายังคิดที่จะเก็บคนนี้ไว้ เพราะอาจทำให้เทพแห่งน้ำแข็งคนนั้นไขว้เขวและให้ตนเองมีเวลาเพิ่มขึ้นในการพัฒนาและเตรียมพร้อม
“อะไรนะ เจ้า...” เลี่ยมองเทพองค์นั้นด้วยความงุนงง
เทพองค์นี้บ้าไปแล้วหรือ? ก็แค่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีไม่กี่ร้อยคน แม้เทพองค์นี้จะเอาชนะพวกเขาสองคนได้ แต่ถ้าวัดจากพลังแล้วก็แค่พอ ๆ กับนักรบระดับหนึ่งในเผ่าของเขาเท่านั้น ฝันไปหรือเปล่า?
ในเผ่ามีนักรบระดับหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่หลายเท่า ไม่จำเป็นต้องให้เทพแห่งน้ำแข็งลงมือด้วยซ้ำ เทพไร้ค่าตนนี้ก็อาจจะถูกนักรบเหล่านั้นจัดการได้!
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็แค่นยิ้มในใจ มองเทพซูหยุนด้วยสายตาเวทนา คิดว่าอีกฝ่ายกำลังฝันกลางวันอยู่
เลี่ยจึงรู้สึกมั่นใจมากขึ้นจนคำพูดเริ่มแฝงความหยิ่งยโส
"ในเผ่าของข้ามีนักรบระดับหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าข้าอยู่หลายเท่า ภายใต้การนำของมหาเทพแห่งน้ำแข็ง ท่านไม่มีทางชนะได้!"
"ข้าขอแนะนำว่าแทนที่จะหนีโชคชะตาอันมิอาจหลีกเลี่ยงนี้ ทำไมไม่ยอมจำนนต่อเทพของข้าเล่า?"
เขายิ้มขึ้นมา
ซูหยุนมองดูท่าทางของชายคนนี้ หลังจากที่ได้ฟังแล้ว ก็อดหัวเราะไม่ได้
นี่แกยังไม่เข้าใจความจริงอีกหรือ? "น่ารำคาญจริงๆ!" ซูหยุนพูดเสียงเย็นชา
ทันใดนั้นดาบแห่งแสงก็ส่งเสียงเบาๆ พุ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
เลี่ยสะดุ้ง แต่ไม่ทันจะหลบ ทำได้เพียงจ้องดาบแห่งแสงที่พุ่งเข้าใส่สายตาที่เบิกกว้าง
"อ๊าก!"
เสียงร้องก็ดังขึ้นเมื่อดาบแห่งแสงแทงเข้าไปในต้นขาอีกข้าง
ซูหยุนไม่หยุดเพียงแค่นั้น ควบคุมดาบแสงเล่มนั้น ฟันเข้าที่แขนทั้งสองข้างของชายคนนี้อีกครั้ง
"อ๊ากก..."
ไม่นานนัก เลี่ยก็นองเลือดจากบาดแผลทั้งที่แขนและขา แต่เพราะบาดแผลถูกความร้อนจนไหม้ เลือดจึงไหลออกมาไม่มากนัก ทำให้ไม่ตายเพราะเสียเลือด
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ชายคนนี้ก็ทนความเจ็บปวดจากบาดแผลไม่ไหว จนหมดสติไปในที่สุด
เมื่อเห็นว่าเขาหมดสติ ซูหยุนกลับไม่ได้รู้สึกกังวลเลย ตรงกันข้าม กลับรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
เขาตั้งใจโจมตีไปที่แขนขาของชายคนนี้ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาคิดจะหนี ตอนนี้ต่อให้มีความคิดจะหนี เขาก็ไม่มีทางหนีออกไปได้แล้ว นอนแน่นิ่งอยู่อย่างเดียว
"เอาตัวเขาไปขังไว้ให้ดี"
ซูหยุนหันไปมองหัวหน้าเผ่าที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ แล้วสั่งการ
"ขอรับ ท่านเทพแห่งแสงสว่าง ข้าจะให้คนเฝ้าจับตาดูเขาเป็นอย่างดี!"
หัวหน้าชนเผ่าก้มศีรษะด้วยความเคารพ
ซูหยุนพยักหน้าอีกครั้ง มองไปยังกลุ่มชนเผ่ารอบ ๆ ก่อนจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ร่างในชุดสีขาวปลิวไสว พุ่งกลับเข้าไปยังศิลาศักดิ์สิทธิ์
ระหว่างทาง เขาก็เริ่มครุ่นคิด
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคนเองกับมือ ต่างจากครั้งก่อนที่ไม่ได้ลงมือเอง และเขาก็พบว่าเขาไม่มีความรู้สึกด้านลบอะไรเลย รู้สึกราวกับเพียงแค่บี้มดตัวหนึ่ง
นี่สินะ ที่เรียกว่าความแตกต่างระหว่างเทพและมนุษย์?
เขาคิดวนเวียนอยู่ในหัว
แต่ก็ไม่ทำให้เขาคิดมากมายอะไร เขาจึงหันไปสนใจกับข้อมูลที่ชายคนนั้นพูดถึงก่อนหน้านี้
นักรบระดับที่หนึ่งอย่างนั้นหรือ?
ซูหยุนครุ่นคิด
สำหรับคำว่า "ระดับหนึ่ง" เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก เพราะนี่คือคำที่แปลมาจากความทรงจำของเขาเอง ดังนั้นการได้ยินคำนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่ว่า ข้อมูลที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้ทำให้เขาคิดไปต่าง ๆ นานา
“ไม่รู้ว่าพลังของเราอยู่ระดับไหนกันแน่?”
“ชายคนนั้นบอกว่านักรบระดับหนึ่งแข็งแกร่งกว่าเขา แสดงว่าคงจะเทียบเคียงกับพลังของเราในตอนนี้ได้ใช่ไหม?”
“ถ้านักรบธรรมดายังแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วเทพเจ้าแห่งน้ำแข็งล่ะ?”
คิดถึงตรงนี้ ซูหยุนก็อดรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้
“หรือว่าเราเองก็เป็นเทพเจ้าระดับหนึ่ง?”
“ไม่ ไม่ใช่!”
ทันทีที่คิดได้ เขาก็ปฏิเสธความคิดนั้น
ที่เขามีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เป็นเพราะอำนาจเหนือชั้นของเทพเจ้า
“พลังของเราน่าจะเทียบเท่ากับคนพวกนั้น หากว่าแกนแห่งพลังกลายเป็นสีแดงเข้มทั้งหมด ตอนนั้นแหละที่เราจะเป็นเทพเจ้าระดับหนึ่ง!”
“และนี่คือพลังที่เทพเจ้าที่เพิ่งถือกำเนิดควรจะมี!”
เมื่อกลับเข้าสู่พื้นที่แห่งศิลาศักดิ์สิทธิ์ ซูหยุนก็พึมพำกับตัวเอง
“ด้วยเหตุที่จำนวนผู้ศรัทธายังน้อย เราจึงเป็นเหมือนเทพที่คลอดก่อนกำหนด ทว่าอำนาจแห่งเทพก็ยังทำให้เราเหนือกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกันได้”
เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์ธรรมดาแล้ว ความได้เปรียบของเทพเจ้านั้นช่างยิ่งใหญ่กว่ามาก
ถึงขั้นที่พลังของนักรบเทพเหล่านี้ ได้รับมอบจากเทพเจ้าโดยตรง!
“เทพเจ้าแห่งน้ำแข็งทำได้อย่างไร?”
ซูหยุนรู้สึกสงสัย การมอบพลังให้มนุษย์ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยคือวิธีการที่ใช้ทำเช่นนั้น
เขาเพิ่งกลายเป็นเทพเจ้าได้ไม่นานจนแทบไม่มีเวลาได้ศึกษาสิ่งเหล่านี้
ขณะกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ซูหยุนก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เดี๋ยวก่อน เส้นศรัทธาของปุโรหิตเฒ่าดูเหมือนจะพิเศษกว่าปกติหรือ?
เป็นไปได้ไหม?
เขารีบโอนย้ายจิตสำนึกไปยังพื้นที่แก่นพลังศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเห็นเส้นศรัทธาของนักบวชเฒ่าที่ชัดเจน เขาก็ใช้จิตสัมผัสสัมผัสเส้นนั้นโดยสัญชาตญาณ
“ขอบคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่...”
ทันใดนั้นเสียงสวดอ้อนวอนของปุโรหิตเฒ่าก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซูหยุนเพิกเฉยต่อเรื่องเหล่านี้ และทันทีที่ได้สัมผัส เขาก็มีความเข้าใจอย่างฉับพลันราวกับเป็นสัญชาตญาณ
เขารู้แล้วว่าเส้นศรัทธานี้มีประโยชน์อะไร!
เส้นศรัทธานี้ หากเขายกเลิกข้อจำกัด ปุโรหิตเฒ่าจะสามารถใช้ความศรัทธาของตนเองเพื่อสร้างพลังเหนือธรรมชาติภายในร่างกายได้!
“นี่มัน…” ซูหยุนอึ้งไปเมื่อรู้สึกถึงสิ่งนี้ แล้วความดีใจก็พลันเข้ามาแทนที่
……
ปุโรหิตเฒ่ามองดูเหล่าชนเผ่าที่ตายและบาดเจ็บ ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสาร
เขากำลังร่วมกับชาวเผ่า เพื่อส่งวิญญาณของผู้จากไปให้ไปสู่ภพหน้า
เสียงสะอื้นดังขึ้นจากชนเผ่าที่มาร่วมพิธีเป็นระยะๆ
“เทพเจ้าจะทรงโอบอุ้มพวกเขา!”
ปุโรหิตเฒ่ากล่าวด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า
เขานำทุกคนคุกเข่าลง ชาวเผ่าทั้งหมดก็ตามลงไปคุกเข่ากันจนเต็มพื้น
แม้พวกเขาจะไม่มีความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ แต่พวกเขาก็ยังเชื่อมั่นว่า เมื่อคนตายไปแล้วจะไปอยู่ในอีกภพหนึ่ง เพียงแต่ไม่อาจมองเห็นได้
พวกเขาเชื่อว่าเทพเจ้ามองเห็น และจะคุ้มครองคนที่จากไป
ดังนั้น ปุโรหิตเฒ่าจึงกล่าวว่า ‘เทพเจ้า’ จะทรงโอบอุ้มดวงวิญญาณและคุ้มครองพวกเขา
นี่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการมองโลกในแง่ดีที่เกิดจากความหวาดกลัวต่อความตาย
ซูหยุนเงียบฟังการอธิษฐานอย่างสงบ พลางครุ่นคิดในใจ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ขณะที่เขามาถึงสถานที่นั้น เขากลับไม่เห็นวิญญาณของชาวเผ่าเลยแม้แต่ดวงเดียว แม้แต่ "เฮ่ยจู้" ที่เสียชีวิตไปก็ไม่มีวิญญาณให้เห็น ซึ่งเมื่อลองคิดดูอีกที มันก็ดูแปลกอยู่
ตอนพิธีสังเวยครั้งที่แล้ว เขายังเห็นวิญญาณอยู่ชัดเจน
“หรือเป็นเพราะต้องสังเวยให้ข้าโดยเฉพาะ ข้าถึงจะได้รับวิญญาณนั้นได้?”
ซูหยุนครุ่นคิด “แล้ววิญญาณที่หายไปเหล่านั้นไปที่ไหนกัน?”
เขาลองคิดทบทวนแต่ยังคิดไม่ออก จึงสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
เขากลับไปให้ความสนใจที่นักบวชเฒ่าอีกครั้ง จากนั้นก็เกิดความคิดขึ้นมาในใจ จึงยกเลิกข้อจำกัดของเส้นศรัทธาที่เป็นของปุโรหิตเฒ่า!
(จบตอนที่ 17 )