บทที่ 1076: แผนการรีดเค้นและเนกิกะไนท์ในโรงฝึก
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 1076: แผนการรีดเค้นและเนกิกะไนท์ในโรงฝึก
กองทัพเรือยังคงส่งเรือลาดตระเวนมาวนเวียนอยู่รอบนอกน่านน้ำวาโนะคุนิ กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรไม่ใช่ว่าจัดการไม่ได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่จัดการ เพราะถึงกำจัดไปได้อีกสักพักก็จะมีมาเพิ่มอีก อย่างน้อยเรือลาดตระเวนกลุ่มนี้ก็ยังรู้จักประมาณตน ไม่สร้างความรำคาญใจ ก็เลยปล่อยให้พวกมันลอยเท้งเต้งอยู่ในน่านน้ำแถบนั้นไป
ยังไงเสีย พวกนั้นก็สอดแนมอะไรไม่ได้อยู่แล้ว อย่างมากก็แค่ส่งสัญญาณตอนที่ไคโดออกไปข้างนอกเท่านั้น
สถานการณ์ของสายลับนั้นแตกต่างจากพวกนั้น แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง
ไม่มีใครรู้ว่าสายลับที่ไม่รู้จักจะทำอะไรลงไป แต่สายลับที่รู้จักสามารถควบคุมข้อมูลที่เขารู้ และชี้นำให้ฝ่ายตรงข้ามเดินตามแผนของตนได้
เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง สายลับบางคนถึงขั้นจงรักภักดีมากกว่าเดิม บางครั้งอาจถึงขั้นได้รับความร่วมมือจากฝ่ายตรงข้าม นับว่าเป็นอะไรที่สะดวกสบายเอามาก ๆ
"ท่านมีแผนการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ครับ?"
"ไม่มีหรอก เรื่องแบบนี้เจ้าจัดการเองก็แล้วกัน พอถึงเวลาที่รู้สึกว่าเขาไม่มีค่าแล้ว หรือเกะกะลูกตา ก็แค่กำจัดทิ้งไปซะ"
"ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว"
ควีนวางแผนที่จะรีดเค้นประโยชน์จากเดรกจนถึงหยดสุดท้าย แต่จุดประสงค์หลักจริง ๆ ไม่ใช่เพื่อโยนความผิดให้เขา
หลังจากแบกรับความผิดมานานหลายปี เขาก็เริ่มชินเสียแล้ว
ถึงแม้ความผิดจะหนักอึ้ง แต่ก็ทำให้เขามีชื่อเสียง จากข้อมูลที่ควีนรวบรวมมาจากโลกใต้ดิน ข่าวลือที่แพร่สะพัดออกไปทำให้เขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะไปแล้ว
การโยนความผิดทิ้งไปก็เท่ากับว่าสลัดชื่อเสียงเหล่านี้ทิ้งไปด้วย สำหรับควีนที่ชอบโอ้อวดเป็นชีวิตจิตใจ เรื่องแบบนี้คงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก
เมื่อมีฮอว์คินส์คอยช่วยลดความเสี่ยง เป้าหมายของควีนจึงไม่ใช่แค่โยนความผิดเพื่อเอาตัวรอดอีกต่อไป แต่พัฒนาไปสู่การได้รับผลประโยชน์ควบคู่ไปกับการลดความเสี่ยง
หลังจากรายงานเสร็จ ควีนก็ออกจากเกาะโอนิงะชิมะ มุ่งหน้ากลับไปยังห้องทดลองของตัวเองที่ริงโกะ แต่ระหว่างทาง เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
"พวกสารเลวนั่น แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสุดท้ายของฉันก็ปนเปื้อนแล้วสินะ"
ไม่มีกลุ่มโจรสลัดกลุ่มไหนที่สามารถรับประกันได้ว่าลูกน้องของตัวเองจะสะอาดหมดจด กลุ่มอิทธิพลภายนอก กลุ่มโจรสลัดในสังกัด และดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล ย่อมมีสายลับแฝงตัวอยู่มากมาย
กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรก็เช่นกัน ควีนต้องใช้มาตรการและอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย บวกกับความช่วยเหลือจากโรตอม อาศัยภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ของวาโนะคุนิ จึงสามารถรักษาสภาพแวดล้อมที่สะอาดบริสุทธิ์ของวาโนะคุนิและเกาะโอนิงะชิมะเอาไว้ได้
การปรากฏตัวของเดรก หมายความว่าพื้นที่ปลอดภัยที่ควีนสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากได้พังทลายลงแล้ว
"เอาล่ะ ฉันจะจัดการกับเจ้าหมอนี่อย่างไงดี... ว่าไง แจ็ค? ตอนนี้แกคุยโทรศัพท์สะดวกไหม?"
ควีนติดต่อแจ็คอีกครั้ง คราวนี้คนที่รับสายไม่ใช่อัลเครมี่ แต่เป็นแจ็คตัวจริงเสียงจริง
"สะดวกมากครับ พี่ควีน พี่มีอะไรจะสั่งการเหรอครับ?"
"เอาไอ้หมอนั่นไปไว้ใต้บังคับบัญชาแกก่อน เลื่อนขั้นให้มัน ให้มันนำทีมไปโจมตีเรือลาดตระเวนของกองทัพเรือโลกใหม่ พอถึงเวลาที่เหมาะสมก็ย้ายมันมาที่เกาะหลัก ฉันมีแผนการอื่น"
"ครับ ผมเข้าใจแล้ว"
ท่าทีของแจ็คทำให้ควีนรู้สึกพอใจมาก นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่แสดงความเคารพต่อเขา
"อ้อ อย่าทำตัวแปลกไปล่ะ อย่าให้ไอ้หมอนั่นสงสัย เรามีเวลาอีกเยอะ"
"วางใจได้เลยครับ พี่ควีน"
"แจ็ค แกอาจจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ประโยคสุดท้ายที่ฉันพูด ฉันหมายถึงอัลเครมี่ของแกต่างหาก ส่วนแกก็ทำตัวเหมือนเดิมนั่นแหละ"
"ม๊า~"
หลังจากได้รับคำตอบที่แน่ชัดแล้ว ควีนจึงวางสาย และเดินกลับไปที่ห้องทดลองของตัวเอง
"ดูซิ รัมเบิลบอล Q30 ก็ล้มเหลวอีกแล้ว คนที่กินเข้าไปจะหงุดหงิดง่ายมาก
เจ้าหมอนี่ดันเป็นสายพันธุ์โบราณพอดี งั้นก็ให้มันมาทดลองยาซะเลย มุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าลูกน้องตัวเองจะกินแล้วเกิดเรื่อง แล้วมาตามเอาผิดฉัน ฉันนี่มันอัจฉริยะจริง ๆ "
Q คือชื่อที่ควีนตั้งให้กับรัมเบิลบอลที่เขาปรับปรุงใหม่ ตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปและการทดลองดำเนินไป ควีนก็พบว่าตัวเองประเมินมันต่ำเกินไป
การเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่ของผลปีศาจไม่ใช่เรื่องง่าย เขาพยายามคิดค้นยาระเบิดพลังที่ต้องใช้พลังกายมหาศาล แต่สำหรับเวอร์ชั่นสมบูรณ์แบบนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง
ครั้งล่าสุดที่ไคโดกินเข้าไป นั่นไม่สามารถนับเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จได้ ถ้าแจกจ่ายของแบบนั้นออกไป ชีวิตในช่วงครึ่งหลังของควีนคงตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
เช่น ไคโดเกิดคลั่งขึ้นมาแล้วกินเข้าไปอีกครั้ง หรือยามาโตะเกิดสนใจมันขึ้นมาแล้วกินเข้าไป...
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์เหล่านั้น ควีนก็เริ่มวางแผนอนาคตใหม่ พร้อมกับหัวเราะอย่างน่าขนลุกเป็นระยะ ๆ
"เห็นไหมล่ะ ควีนมันเป็นแบบนี้แหละ ชอบเหลิง พอมันเหลิงเมื่อไหร่ แค่สาดน้ำเย็นใส่ก็ทำให้มันสงบสติอารมณ์ได้แล้ว"
ด้านหลังของควีน แอมโมไนต์หนามพุ่งเข้ามาหาเชมิน แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวชีวิตหอยของมันและประสบการณ์ที่เคยเจอกับควีน
"ตอนนั้นแค่ยิงปืนฉีดน้ำใส่ก็ทำให้มันตกใจได้แล้ว หลังจากนั้นมันก็เลยคิดค้นอุปกรณ์กันฝนแบบอัตโนมัติขึ้นมา ความถี่ในการใช้ท่าโจมตีธาตุน้ำก็ลดลง ไอ้หมอนี่หนังหนา ปืนใหญ่หนามก็ทำอะไรมันไม่ได้
ไม่งั้นเธอก็ลองใช้ใบมีดอากาศดูสิ รับรองว่าจะทำให้มันรู้สึกแปลกใหม่แน่นอน"
"ช่างเถอะ เห็นเขาปลูกดอกไม้เหนื่อย ๆ ฉันก็เลยไม่อยากทำแบบนั้น"
ความซุกซนของแอมโมไนต์หนามไม่ได้ส่งผลต่อเชมิน ไม่งั้นควีนคงต้องเจอกับประสบการณ์ที่น่ากลัวกว่านี้แน่นอน
ตอนนี้เกาะโอนิงะชิมะไม่คึกคักเหมือนตอนจัดงานเลี้ยงแล้ว บรรดาหัวหน้าหน่วยต่างแยกย้ายกันไป แม้แต่คิงก็เช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงท่าทีของโคสึกิ ฮิโยริ ทำให้คิงมีเวลาออกไปปฏิบัติภารกิจอื่นมากขึ้น
ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรจะขี่มังกรไปโผล่ที่ไหน ยามาโตะก็สืบทอดนิสัยของพ่อมา จะรู้ตำแหน่งของหล่อนได้ก็ต่อเมื่อหล่อนอัพเดทสถานะเท่านั้น
ถึงแม้ว่าหล่อนจะออกตามหาศิลาแห่งชีวิต แต่ดูเหมือนจะออกท่องเที่ยวไปทั่วโลกมากกว่า
ทั้งสองคนมีอำนาจข่มขู่มากพอ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไปปรากฏตัว ณ สถานที่ที่ต้องการพวกเขาได้ทันเวลา โชคดีที่ตอนนี้กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรมีกำลังพลมากพอ ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ในดินแดนได้
ตอนนี้คิงกำลังปราบปรามกลุ่มโจรสลัดอยู่ หลังจากหนวดขาวตาย กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรก็กลายเป็นกลุ่มอิทธิพลแนวหน้าของโลกใหม่ ทำให้หลายคนจับตามองพวกเขา
ด้วยการหลั่งไหลเข้ามาของโจรสลัดหน้าใหม่ ดินแดนของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรก็ต้องเผชิญกับการรุกรานครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ใช่แค่คิงเท่านั้น เซราโอร่ากับเชย์น่าก็เริ่มปฏิบัติภารกิจแบบเดียวกัน ส่วนมิสุก็ไปกับไทเกอร์เพื่อรักษาชื่อเสียงของกลุ่ม กำลังพลที่พอจะใช้งานได้เกือบทั้งหมดต่างก็เริ่มลงมือทำภารกิจของตัวเอง
มีเพียงควีนเท่านั้นที่ยังคงประจำการอยู่ที่เกาะหลัก ตั้งใจจะหลบกระแสลมแรงจากภายนอกก่อน
เมื่อเทียบกับความวุ่นวายในทะเลภายนอกแล้ว วาโนะคุนิเปรียบเสมือนดินแดนสวรรค์
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
มังกรสายฟ้าตัวหนึ่งกำลังวิ่งไปตามถนนในวาโนะคุนิ บนหลังมีเด็กชาวบ้านนั่งอยู่ มังกรสายฟ้าเหล่านี้ไม่ใช่สายพันธุ์ที่กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรนำเข้ามาจากภายนอก แต่เป็นสิ่งมีชีวิตพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในวาโนะคุนิ
วาโนะคุนิที่ปิดประเทศมีสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์มากมาย มังกรสายฟ้ากับหมูป่าเทพแห่งภูเขานั้นดูธรรมดาไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
ข้างตัวพวกเขามีกระเป๋าเป้สะพายอยู่สองใบ ข้างในเต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์ที่กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรจัดพิมพ์ขึ้น ส่วนคนที่อยู่บนหลังก็คือเด็กขายหนังสือพิมพ์ ตอนนี้กำลังขายหนังสือพิมพ์อยู่ตามท้องถนน
มังกรสายฟ้ามีสติปัญญาไม่ต่ำ ดังนั้นจึงถูกชาววาโนะคุนิฝึกให้เชื่องมานานแล้ว หลังจากที่กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรเข้ามาที่นี่ พวกมันก็ยิ่งเชื่องมากขึ้นไปอีก
พวกที่ไม่ยอมเชื่องก็กลายเป็นอาหารเสริมบนโต๊ะอาหารไปตั้งนานแล้ว มีเพียงสายพันธุ์ที่ถูกฝึกให้เชื่องเท่านั้นที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
"หนังสือพิมพ์ครับ ครึ่งเหรียญเงินครับ"
ตอนที่เด็กหนุ่มยื่นหนังสือพิมพ์ให้ มังกรสายฟ้าที่อยู่ข้างใต้ก็ยกกล่องเงินขึ้นมา จ้องมองจนกระทั่งอีกฝ่ายใส่เหรียญเงินครึ่งเหรียญที่หักแล้วลงในกล่องเงิน จึงละสายตาไป
ครึ่งเหรียญเงินมีค่าเท่ากับห้าสิบเบรีในโลกภายนอก ถือว่าเป็นของราคาถูกมากสำหรับวาโนะคุนิในปัจจุบัน
"อืม ข้างนอกยังคงอันตรายแบบนี้ อยู่ที่นี่ดีกว่าเยอะเลย"
แหล่งที่มาของเนื้อหาในหนังสือพิมพ์นั้นเรียบง่ายมาก แค่เอาหนังสือพิมพ์ของมอร์แกนส์มาลอกเลียนแบบ แล้วเพิ่มเติมเนื้อหาที่เหมาะสมกับวาโนะคุนิเข้าไป ก็สามารถนำไปวางจำหน่ายในวาโนะคุนิได้เลย
เรือสินค้าถูกโจมตี เกาะถูกโจมตี คนถูกปล้น ข่าวแบบนี้มีอยู่มากมายในทะเล หนังสือพิมพ์ของมอร์แกนส์ล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่ดึงดูดความสนใจ
บางครั้งก็มีข่าวที่น่าตกใจยิ่งกว่า เช่น ประเทศล่มสลาย
ทุกอย่างต้องมีการเปรียบเทียบ คุณภาพชีวิตของชาววาโนะคุนิในปัจจุบันนั้นดีมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ ความโชคร้ายของโลกภายนอกยิ่งขับเน้นความงดงามของวาโนะคุนิให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ประเด็นหลักในหนังสือพิมพ์ก็ยังคงเดิม
[เทพเจ้าผู้พิทักษ์คุ้มครองวาโนะคุนิ ตราบใดที่ท่านยังอยู่ วาโนะคุนิก็จะเป็นดินแดนแห่งความสุข]
ประโยคนี้กลายเป็นความจริงในวาโนะคุนิไปแล้ว แม้ว่าจะมีบางคนที่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ แต่ความเป็นจริงก็ทำให้พวกเขาเถียงไม่ออก
ผู้รับผิดชอบหนังสือพิมพ์ไม่ได้แก้ไขเนื้อหา เพราะความจริงมักจะมหัศจรรย์กว่าเรื่องแต่ง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทะเลภายนอกไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งใด ๆ ตัวมันเองก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดหวั่นแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น เกาะแห่งหนึ่งต้องเผชิญกับภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง ไม่สามารถส่งส่วยให้กลุ่มโจรสลัดบิ๊กมัมได้ สุดท้ายก็ถูกทำลายล้าง เมื่อเทียบกับที่นั่นแล้ว วาโนะคุนิที่จ่ายแค่ภาษีถือว่าเมตตามากแล้ว
มีเพียงแค่ข้อความเกี่ยวกับกองทัพเรือและคำพูดที่เชิดชูรัฐบาลโลกเท่านั้นที่ถูกลบออก โลกภายนอกที่ชาววาโนะคุนิรับรู้ได้ในตอนนี้คือโลกที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร มีการใส่ฟิลเตอร์หนา ๆ และฟิลเตอร์นี้ก็ทำให้มุมมองของชาววาโนะคุนิเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
หลังจากอ่านข่าวสารต่างประเทศจบ รูปแบบของหนังสือพิมพ์ก็เปลี่ยนไป หนังสือพิมพ์ที่นี่มีสองส่วน
ครึ่งแรกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลช่วงนี้ ส่วนครึ่งหลังเป็นวารสารศาสนา เนื้อหาทั้งหมดถูกกำหนดโดยสมาชิกของลัทธิอาร์เซอุส
มังกรสายฟ้าวิ่งไปตามถนนในเมืองหลวงแห่งดอกไม้ จำนวนหนังสือพิมพ์ในกระเป๋าเป้ข้างๆ ก็ค่อย ๆ ลดลง หลังจากขายหนังสือพิมพ์หมดแล้ว เด็กหนุ่มก็มาถึงโรงฝึกแห่งหนึ่งในเมืองหลวงแห่งดอกไม้
เขาผูกบังเหียนมังกรสายฟ้าไว้หน้าประตูอย่างคล่องแคล่ว แล้วหยิบดาบไม้ขึ้นมา เตรียมตัวเดินเข้าไปในโรงฝึก
"นี่มันยูอิจินี่ วันนี้ขายหนังสือพิมพ์หมดแล้วเหรอ?"
"ครับ ขายหมดแล้ว ลุงเคนทาโร่จะมาเรียนที่โรงฝึกด้วยเหรอครับ?"
"เปล่าหรอก ฉันแค่มาส่งยูตะลูกชายฉันมาเรียนที่นี่ เขาไม่เหมือนฉัน บางทีอาจจะได้เป็นซามูไรก็ได้นะ"
เวลาผ่านไป เคนทาโร่ที่เคยช่วยรีดนมมิลค์แทงค์ ตอนนี้ก็กลายเป็นพ่อคนแล้ว แม้แต่ลูกของตัวเองก็ถึงวัยเรียนแล้ว
ปีนั้นเขาโชคดีที่เจอผลปีศาจไดเมียว ทำให้ได้รับเงินรางวัลก้อนโต แล้วก็ได้เป็นเจ้าของร้านรับซื้อ ตอนนี้ก็เป็นเศรษฐีคนหนึ่งแล้ว
แต่เขาไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองเดินตามรอยเท้าของเขา พ่อค้าก็คือพ่อค้า การค้าขายอย่างเดียวไม่สามารถทำให้คนคนหนึ่งโดดเด่นได้ โคจิโร่ก็เป็นเพียงกรณีตัวอย่างที่หาได้ยากในวาโนะคุนิ ผลงาน "ไต่เต้าจากมังกร" แบบนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ
ในความคิดของชาววาโนะคุนิ ชนชั้นซามูไรหมายถึงการก้าวข้ามชนชั้น ถ้าหากฝึกฝนอย่างหนักจนกลายเป็นซามูไรได้ และผ่านการคัดเลือกของหน่วยชินเซ็นกุมิ เขาก็จะไม่ใช่สามัญชนธรรมดาอีกต่อไป
ตอนเด็ก ๆ เคนทาโร่ไม่มีความสามารถแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงอยากปูทางให้ลูกชายของตัวเอง
"ว่าแต่ พ่อของแกเป็นยังไงบ้าง? ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เขาขาหัก"
"หายดีแล้วล่ะครับ อีกไม่กี่วันก็กลับไปทำงานได้แล้ว"
"งั้นก็ดี ถ้าไม่ไหวก็ไปซื้อนมมิลค์แทงค์มากินก็ได้นะ ช่วยเรื่องกระดูกได้ดีเลยล่ะ"
เคนทาโร่กับพ่อของยูอิจิก็เคยเจอกันบ้าง ตอนที่เคนทาโร่กำลังจะถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงฝึก เขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น
"อ๊ะ ใกล้จะเริ่มฝึกแล้ว ลาก่อนนะครับลุงเคนทาโร่"
เมื่อได้ยินเสียงระฆังเรียกตัว ยูอิจิก็โค้งคำนับลา แล้วเดินเข้าไปในโรงฝึกก่อน เคนทาโร่รออยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มีคนพาเขาและลูกชายไปที่แผนกรับสมัคร
ระหว่างทาง สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ลูกศิษย์ที่กำลังฝึกซ้อม แต่เป็นเป็ดที่กำลังประลองกันอยู่
"ก้าบู้ม!"
"ก้าบ!"
เป็ดกระเทียมสองตัวจากกาลาร์ยืนอยู่คนละฝั่งของโรงฝึก ภายใต้การควบคุมของกรรมการ พวกมันโค้งคำนับ สุดท้ายก็แบกต้นหอมของตัวเองขึ้นมา เริ่มประลองกัน
ต้นหอมขนาดใหญ่ในมือของพวกมันดูคล่องแคล่วมาก ถึงแม้จะเป็นแค่ต้นหอม แต่เคนทาโร่ก็เห็นบางอย่างคล้ายกับคลื่นดาบถูกฟาดฟันออกมาจากคาโมเนกิ
"ท่าเมื่อกี้คือคาตะนะคิริ... แล้วท่านี้คืออิไอโดแบบไม่มีฝักดาบเหรอ?"
สายตาของเคนทาโร่มองไม่ออกว่าท่าพวกนั้นคือท่าอะไร แค่รู้สึกว่ามันสุดยอดมาก ส่วนคาโมเนกิตัวอื่นๆ รอบ ๆ ดูเหมือนจะกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ตอนที่เคนทาโร่มาถึง การต่อสู้ของคาโมเนกิก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เมื่อต้นหอมฟาดฟันกลางอากาศ คู่ต่อสู้ของมันก็ล้มลงกับพื้น และในจังหวะนั้นเอง แสงสีขาวก็สาดส่องปกคลุมร่างกายของคาโมเนกิ
ต้นหอมที่ดูเทอะทะก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวเช่นกัน แล้วแยกออกเป็นสองส่วน เมื่อแสงสีขาวจางหายไป ต้นหอมในมือของพวกมันก็กลายเป็นดาบมือเดียวกับโล่ ขนสีน้ำตาลแดงส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นสีขาว
โปเกมอนเป็ดปากเหลือง - เนกิกะไนท์ ร่างวิวัฒนาการของเป็ดกระเทียมจากทวีปกาลาร์
ในเกม คาโมเนกิจะวิวัฒนาการเป็นเนกิกะไนท์ได้ง่ายมาก แค่โจมตีจุดสำคัญสามครั้งก็วิวัฒนาการได้แล้ว
แต่ที่นี่มันยากกว่านั้น โอกาสในการโจมตีจุดสำคัญไม่ใช่แค่การเสี่ยงดวงแบบในเกม แต่ต้องฝึกฝนอย่างหนัก
เมื่อเป็ดกระเทียมแห่งกาลาร์ผ่านการต่อสู้มามากมาย ฝีมือของมันแข็งแกร่งขึ้น พลังวิวัฒนาการในร่างกายก็จะตื่นขึ้นเอง นั่นเป็นเหตุผลที่คาโมเนกิมาชุมนุมกันที่โรงฝึกแห่งนี้
พวกมันถือต้นหอม เรียนรู้วิชาดาบ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวเองด้วยวิธีนี้ เป้าหมายก็คือการวิวัฒนาการในวันนี้
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_