ตอนที่ 34 ชายผู้อยู่ใต้สุดของห่วงโซ่อาหาร
หลังจากคุยกับชายตัวเล็กไปได้สักพัก ซูหมิงก็ตื่นเต้น อยากไปเจอคนทางใต้นั้นด้วยตัวเองทันที หลี่เหอแอบถีบซูหมิงด้วยความไม่พอใจ แล้วก็หันไปพูดยิ้ม ๆ กับชายตัวเล็กว่า "พี่ช่วยไปบอกเจ้านายข้างบนหน่อยได้ไหมว่าผมสนใจเรื่องนี้ ขอให้เราได้ไปพบกันเมื่อเขาสะดวกเถอะ ถ้าเราไปหาถึงที่เองวันนี้ คงจะทำให้คนอื่นระแวงกันเปล่า ๆ หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมจะให้พี่อีก 100 หยวน จะได้ประโยชน์ร่วมกันแน่นอน!"
ชายตัวเล็กดีใจที่ได้พบกับหลี่เหอและซูหมิง เขาขายแค่นาฬิกาสองเรือนก็ได้ 100 หยวน แล้วตอนนี้แค่ส่งข่าวอีกทีก็ได้อีก 100 หยวน เขาจะไม่ดีใจได้ยังไงละ? เขาตบอกด้วยความมั่นใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ผมจะไปบอกข่าวแน่นอนครับ!"
เมื่อชายตัวเล็กจากไปแล้ว ซูหมิงก็ไล่น้องชายสองคนออกไปสูบบุหรี่ที่หน้าประตู แล้วบ่นใส่หลี่เหอว่า "พี่เตะผมทำไมล่ะ? เรื่องนี้เราทำได้อยู่แล้ว นี่ดูสิ นาฬิกานี่สวยจริง ๆ ตัวเลขดิจิตอลนี่ดูทันสมัยกว่าพวกเข็มนาฬิกาเยอะ ถ้าผมติดต่อเขาตั้งแต่แรก เราก็จะได้เงินนี้เร็วขึ้นไหม"
หลี่เหอเห็นซูหมิงอารมณ์เสียทำเสียงดัง จึงตบหัวเขาไปที "ไม่ได้ยินหรือไงว่าเขาบอกว่าสินค้าของพวกคนทางใต้มันขายยาก ถ้าเขาได้ยินว่าเรามีทีวีมือสองกว่า 200 เครื่องในแต่ละเดือน ทางใต้มันจะต้องคิดหนักแน่นอน ถ้าเขาไม่โง่ ยังไงเขาก็ต้องมาหาเรา ไม่มีเหตุผลที่เราจะไปยืนขายของตรงนั้นให้พวกเขาง่าย ๆ นี่นา ทีนี้มันก็จะขึ้นอยู่กับเราว่าอยากจะให้เขาทำเงินหรือไม่"
ซูหมิงพึ่งเข้าใจและยกนิ้วโป้งให้ด้วยความเลื่อมใส "พี่นี่คิดได้ลึกจริง ๆ แต่ถ้าเขาไม่มา จะทำยังไงล่ะ? นาฬิกานี่ของดีจริง ๆ นะ ถ้าราคาเหมาะก็ทำกำไรได้เพียบ ดูสิ มีคนต้องการเยอะแยะเลย คนทั่วไปกว่าจะหาตั๋วนาฬิกาได้สักใบยากลำบากขนาดไหน"
หลี่เหอพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า "แล้วจะทำยังไงได้? เก็บไว้ก่อน อีกไม่นานก็ถึงตรุษจีนแล้ว ตอนนี้คุมที่ของเราไปก่อนแล้วค่อยว่ากันหลังตรุษจีน"
"แล้วอีกเรื่องที่พี่พูดไว้ก่อนหน้านี้ เรื่องการปั่นตั๋วแลกเงินต่างประเทศ ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องนี้หรอกนะ ให้ทำตัวเป็นกาฝากประชาชน ฉันไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวพวกเขาจะเกลียดเอาในภายหลัง"
"มันจะเสียประโยชน์ประชาชนได้ไงล่ะ? หน้าร้านค้ามิตรภาพยังมีคนทำกันเยอะไป ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ?"
ซูหมิงทำท่าไม่พอใจ เขาอิจฉาธุรกิจนี้มานานแล้ว ทำเงินได้มากแค่ยืนอยู่เฉย ๆ แม้ต้องทนหนาวหรือแดดร้อนก็คุ้ม ตั๋วแลกเงินต่างประเทศซื้อจากชาวต่างชาติในราคาประมาณ 1.1 หยวน แล้วก็ขายให้คนที่ต้องการใช้ในราคา 1.3 หยวน กำไรสุทธิแต่ละครั้งอยู่ที่ 20 เซ็นต์ ซึ่งถึงจะดูไม่มาก แต่หากไกด์นำทัวร์มากลุ่มใหญ่แล้วเกิดการซื้อขาย ก็ทำกำไรมหาศาล
หลี่เหอจะไม่รู้ความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้ได้อย่างไร?
"แต่นายเข้าใจเบื้องหลังไหมล่ะ?" หลี่เหอพูดขึ้น "ตั๋วแลกเงินต่างประเทศทำให้คนทั่วไปสามารถไปซื้อของจากร้านคนจีนโพ้นทะเลและร้านค้ามิตรภาพได้ เพื่อซื้อบุหรี่ต่างประเทศ ไวน์ชั้นเลิศ ผ้าพันคอไหม และช็อกโกแลตไวน์ เมื่อคุณใช้ใบสำคัญแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อซื้อ ของ คุณไม่จำเป็นต้องใช้คูปอง เช่น ตั๋วน้ำมันหรือแสตมป์ผ้าอีกต่อไป แล้วยังเป็นวิธีหลักในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วไป ถ้าอยากไปต่างประเทศ โควต้าของรัฐจะไม่เพียงพอแน่ ๆ จึงต้องหาตั๋วแลกเงินเพิ่มจากที่อื่น ถ้าทำดี ๆ จะได้เงินแน่นอน"
หลี่เหอพูดเสริมว่า "แล้วนายพูดภาษาต่างประเทศได้ไหมล่ะ? ถ้าไม่มีคนช่วย ก็ต้องไปทำกับพวกแอบทำใต้ดิน กำไรก็จะน้อยลงแถมเสี่ยงอีก การค้าตั๋วพวกนี้มันเป็นธุรกิจของพวกดื้อรั้นเดนตาย ในเมืองใหญ่ ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปได้หรอก ฉันไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องพวกนี้หรอกนะ"
เพื่อเสริมให้เข้าใจลึกลงไป หลี่เหอกล่าวเสริมว่า "ถ้าพวกคนมีอำนาจคิดว่านายไปสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ตำรวจก็จะจับนายจริง ๆ นะ บางทีอาจจะถูกจับนานสามถึงห้าปีเลย ถ้าไม่คิดจะทำเรื่องดี ๆ แล้วอยากจะหาความลำบากใส่ตัวเอง ก็ไปเลย ฉันไม่ห้ามนาย"
เมื่อได้ยินหลี่เหอพูดแบบนี้ ซูหมิงก็เข้าใจทันทีว่าคนทั่วไปไม่สามารถทำธุรกิจแบบนี้ได้จริง ๆ
ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น เหงื่อแตกพลั่กๆ ออกมาแล้วพูดว่า "ผมรู้ว่าผมผิดแล้ว รู้แล้วว่าทำไมผมถึงทำไม่ได้? ผมจะฟังพี่ ๆ ทำไมจะไม่ทำตามที่พี่บอกล่ะ?"
"โอเค อย่าพึ่งทำตัวเหมือนคนตายเลย ตอนนี้เราก็อยู่แบบนี้ไปก่อน ถ้าไม่เกิดพายุหรือฝนตกก็ไม่มีใครมาสนใจหรอก แม้ว่าหลังจากนี้ถ้านายขายไอ้นาฬิกาดิจิตอลพวกนั้น ฉันก็จะไม่ห้ามนาย แล้วตำรวจก็คงจะไม่ทำให้นายอับอายหรอก อย่างมากที่สุดพวกเขาจะยึดของนายแล้วให้นายจ่ายค่าปรับก็แค่นั้น"
สิ่งที่เราต้องยึดไว้คือความปลอดภัยเป็นหลัก เข้าใจมั้ย?" หลังจากหลี่เหอพูดจบ เขาก็มองเห็นซูหมิงพยักหน้า แล้วก็ยอมก้มหน้าลงไม่พูดอะไรอีก เขาไม่อยากบ่นต่อแล้ว จึงโบกมือให้แล้วกลับไปที่ห้องเรียนตอนบ่าย
ตอนนี้เขารู้สึกถึงความสิ้นหวังของการอยู่ในฐานะคนที่อยู่ด้านล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ต้องขลาดกลัวในทุก ๆ การกระทำของตัวเอง ท่ามกลางรอยแตกของช่วงเวลา เขาหวังว่าพายุของยุคสมัยจะกลับมาด้วยความรุนแรงมากขึ้น
หลี่เหอรีบเข้าไปในห้องเรียนใหญ่ เมื่อเขาเห็นเกาอ้ายกั๋วโบกมือให้เขา เขาก็เบียดตัวไปข้างหน้าหาคนในหอพัก แล้วนั่งลงด้วยกัน "ช่วยหยิบหนังสือให้หน่อยนะ ผมลืมเอาหนังสือคณิตศาสตร์ขั้นสูงมา"
เกาอ้ายกั๋วและคนอื่น ๆ ค่อนข้างชินกับพฤติกรรมของหลี่เหอ เขาไม่ค่อยอยู่อ่านหลังเลิกเรียนหรือพกหนังสือมาเรียน แต่เขาก็สอบผ่านได้ จุดสำคัญคือเขาน่าจะได้คะแนนคณิตศาสตร์สูงสุดในชั้นเรียนด้วยซ้ำ มันน่ารำคาญเกินไปจริง ๆ
หลี่เหอในที่สุดก็รอดพ้นจากการเรียน พอออกมาจากห้องเรียนกับคนในหอพักของเกาอ้ายกั๋ว เขาก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ล้อมอยู่หน้าประตู เป็นธรรมดาที่จะหยุดดู
แน่นอน เขาตัดสินใจไปดูการถ่ายทอดสด ก็พบว่าเหล่านักเรียนทุกคนในชั้นเรียนที่เพิ่งลุกขึ้นและออกจากห้องเรียนก่อนเวลาเรียนทั้งหมดนั่งอยู่ที่นี่ นำโดนเกาอ้ายกั๋ว ผู้ซึ่งกำลังทะเลาะกับกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีประมาณห้าหกคน
เหอฟาง ในฐานะหัวหน้าห้อง กำลังพยายามป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้น ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งกำลังโต้เถียงกันอยู่
เขาได้ยินคำว่า "ความรักเสรี" และ "ต่อสู้เพื่อความรัก" แค่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นเรื่องของการหึงหวง เรื่องรัก ๆ ใคร่ๆ ของวัยรุ่นหัวร้อนนี่เอง
หลี่เหอรู้สึกเหมือนฟ้าร้องอยู่บนหัว คนสมองบวมน้ำพวกนี้มาจากไหน? ทำไมสมองคนพวกนี้มันแปลกประหลาดขนาดนี้? เด็กเนิร์ดอย่างเกาอ้ายกั๋วคงอธิบายอะไรไม่ได้หรอก นักเรียนพวกนี้โง่จนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาคิดว่าคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ในความทรงจำของเขาในชีวิตที่แล้ว เขาคือนักเรียนดีที่รักการเรียน และไม่เคยไปสายหรือลาเรียนเลย แล้วทำไมเขาถึงพลาดเหตุการณ์สำคัญแบบนี้?
และมันเกิดขึ้นที่ประตูหน้าห้องเรียน
เขาค่อนข้างงุนงง ผลกระทบจากการเกิดใหม่ของเขาคงจะไม่ใหญ่ขนาดทำให้เกาอ้ายกั๋วกลายเป็นคนอื่นได้ ในความทรงจำของเขา เกาอ้ายกั๋วไม่เคยมีความรักในโรงเรียน
ดูเหมือนว่าเส้นเวลามันเปลี่ยนไปแล้ว อย่างน้อยก็ในวงกลมเล็ก ๆ ของเขาเอง
หลี่เหอเบียดออกจากฝูงชนและไม่สนใจเรื่องไร้สาระเหล่านี้ พวกเขาก็แค่ทะเลาะกันด้วยปากเท่านั้น เด็กเนิร์ดกับเด็กเนิร์ด ไม่น่าจะลงมือทำอะไรหรอก ถ้าจะลงมือจริง ๆ ก็คงจะทำไปนานแล้ว
ผลกระทบจากการเกิดใหม่มันเริ่มแสดงออกมาแล้ว ซึ่งทำให้หลี่เหอรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกเหมือนเล่นเกมแบบเล่นคนเดียวแล้วโหลดไฟล์ใหม่ทักษะ NPC เปลี่ยนไปและลำดับการกระทำก็ไม่เหมือนเดิม
เขาหวังได้แค่ให้โลกนี้ยังคงหมุนไปตามความเคยชิน เพื่อที่แนวโน้มใหญ่ ๆ จะไม่เปลี่ยนไปและหลี่เหอจะได้ทำงานเกี่ยวกับการทำเหมืองอสังหาริมทรัพย์ และอินเทอร์เน็ตเพื่อหาเงิน แล้วเขาก็จะได้ลงทุนในอาลีบาบาและแพนกวิน แล้วไปถึงจุดสูงสุดในชีวิต รอวันตาย ปลูกดอกไม้และเดินเล่นกับหมาในสวน
ถ้าหากเรื่องราวทั้งหมดในโลกเปลี่ยนไป อย่างเช่น สหภาพโซเวียตยังคงดำรงอยู่ในศตวรรษที่ 21 หรือสหรัฐอเมริกากับอิรักกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน โซรอสเปลี่ยนใจกลางทางหรือไม่ก็ไม่เคยมีอยู่เลย และเยนญี่ปุ่นยังคงครองโลกต่อไป ถ้าอย่างนั้นข้อได้เปรียบจากการเกิดใหม่ของเขาจะยังคงมีประโยชน์ไหมละ?
หลี่เหอได้แต่หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นแค่การเตือนภัยเท่านั้น เขาจะได้กลายเป็นเศรษฐีที่ปลูกดอกไม้และเดินเล่นกับหมาไปตลอดชีวิต