บทที่ 98 ได้รับคำเชิญอีกครั้ง
บทที่ 98 ได้รับคำเชิญอีกครั้ง
ลู่หยางเดินเข้าไปเปิดอุปกรณ์ที่ได้จากบาเลท ก่อนจะได้พบว่ามันคือเสื้อคลุมเวทมนตร์ระดับเงินและเสี้ยวอัญมณีไพลินอีกหนึ่งชิ้น
เสื้อคลุมอันเดด (ระดับเงิน)
เลเวล 5
พลังป้องกัน 4-6
พลังกาย +4
สติปัญญา +7
พลังโจมตีเวท +18
อัตราคริติคอลทางเวทมนตร์ +18%
“ตามที่ตกลงกันไว้ ผมขออัญมณีชิ้นนี้ไปนะครับ” ลู่หยางกล่าวอย่างพอใจ เพราะในบรรดาอัญมณีกว่า 10 ชนิด เขากลับได้ไพลินซึ่งเป็นอัญมณีเพิ่มค่าสติปัญญาตั้งแต่การลงดันเจียนครั้งแรก
“นายเอาเสื้อคลุมไปด้วยได้เลย ถือซะว่าเป็นของขวัญจากฉัน ส่วนอัญมณีที่เหลือฉันจะจัดการส่งให้นายภายในสองวัน” ฉือมู่กล่าว
“ขอบคุณสำหรับของขวัญครับ” ลู่หยางตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ
หลังจากเก็บอัญมณีและเสื้อคลุมใส่กระเป๋า ชายหนุ่มก็โบกมือลาคนอื่น ๆ ก่อนจะใช้คัมภีร์ย้อนกลับเพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์
หลังชิงเฟิงเห็นลู่หยางจากไป เขาก็รีบเดินเข้าหาฉือมู่
“หัวหน้า คุณไม่ได้ชวนลู่หยางเข้าร่วมกิลด์หรอกเหรอครับ?”
ลั่วซืออวี่, ซิลเวอร์วูฟและสมาชิกคนอื่น ๆ ก็เดินเข้ามาอย่างสงสัยด้วยเช่นกัน
“ชวนสิ ฉันเสนอค่าตอบแทนให้กับเขาปีละ 500,000 เครดิตด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังไม่มาแล้วแบบนี้ฉันจะทำอะไรได้” ฉือมู่ตอบกลับอย่างหงุดหงิด
“เงินเยอะขนาดนั้นแต่เขาก็ยังปฏิเสธงั้นเหรอ? แปลกจริง ๆ” ฮิดเดนเบลดพูดอย่างสงสัย
“ช่างเขาเถอะ เรากลับไปรับสมัครสมาชิกใหม่กันดีกว่า อย่างน้อยครั้งนี้เขาก็ช่วยพวกเราเอาไว้มากแล้ว” ฉือมู่กล่าว
ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับเพราะในตอนนี้ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ของฉือมู่ที่สายไม่ว่าง แต่โทรศัพท์ของพวกเขาก็มีการติดต่อเข้ามาตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดมันก็มีคนมากมายอยากสมัครเข้าร่วมกิลด์ เพราะการเคลียร์ดันเจียนระดับอีปิคได้ มันก็หมายความว่าพวกเขาจะสามารถหาอุปกรณ์ระดับเงินเลเวล ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
—
หลังลู่หยางกลับมาที่เมืองเซนต์กอลล์ เขาก็มุ่งหน้าตรงไปอย่างร้านค้าประมูล การปฏิเสธฉือมู่ในก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียใจเลย เพราะท้ายที่สุดสวรรค์ก็อุตส่าห์ให้โอกาสเขากลับมาเกิดใหม่ ถ้าจะให้เขาไปทำงานรับใช้คนอื่นมันก็คงจะน่าเสียดายเกินไปสักหน่อย
“อาจารย์!” ทันใดนั่นเองมันก็มีเสียงใส ๆ ดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง
ลู่หยางหันไปมองทางต้นเสียงก่อนที่จะได้เห็นหลานอวี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารริมถนน หญิงสาวตัวน้อยกำลังโบกมือเรียกเขาอย่างร่าเริงและในโต๊ะนั้นก็มีเซี่ยหยู่เว่ยกับจางจื่อโป๋นั่งอยู่ด้วย
“ทำไมถึงมานั่งพักอยู่ตรงนี้กันได้ล่ะ?” ชายหนุ่มเดินเข้าไปถามด้วยรอยยิ้ม
“พวกเรากำลังแวะพักกันอยู่” หลานอวี่ตอบ
“อาจารย์ขอบคุณมากนะที่ก่อนหน้านี้คุณช่วยพวกเราเอาไว้ ตอนนี้สตูดิโอของพวกเราเริ่มขยายขนาดออกมาได้บ้างแล้ว” จางจื่อโป๋กล่าว
“เรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” ลู่หยางถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“ก็คุณเป็นคนให้จุดบัคพวกเรามาไง พวกเราเลยเก็บเลเวลได้เร็วกว่าคนอื่น ตอนนี้ทุกคนตัดสินใจลงทุนอย่างจริงจังกับเกมนี้แล้ว และเราก็กำลังรับสมัครผู้เล่นเพื่อมาสร้างกิลด์” จางจื่อโป๋กล่าวอย่างตื่นเต้น
ลู่หยางไม่คิดเลยว่าการกระทำของเขาจะก่อให้เกิดผลกระทบแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดในชาติก่อนกว่าที่พวกเซี่ยหยู่เว่ยจะเริ่มคิดก่อตั้งกิลด์ มันก็ต้องรอเวลาที่เกมเปิดให้บริการไปนานกว่าครึ่งปี
“ยินดีด้วย” ลู่หยางกล่าว
“โห นี่มันยอดฝีมืออันดับ 1 ของเซิร์ฟเวอร์นี่หว่า” เสียงประชดประชันดังขึ้นมาจากประตูร้าน
เมื่อลู่หยางหันไปมองเขาก็ได้เห็นเจิ้งหยวนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจ
นักเวทหนุ่มไม่คิดจะสนใจคุณชายคนนี้ เขาจึงหันหน้าไปมองทางเซี่ยหยู่เว่ย
“เจิ้งหยวนก็เป็นหนึ่งในนักลงทุนของสตูดิโอเราเหมือนกัน” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวอย่างอึดอัดใจ
“คุณอย่าทำให้หยู่เว่ยลำบากใจเลย พ่อแม่ของเจิ้งหยวนกับพ่อแม่ของพวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่และหยู่เว่ยก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้” หลานอวี่ส่งข้อความหาลู่หยางอย่างเงียบ ๆ
ลู่หยางยิ้มพร้อมกับส่งข้อความตอบกลับไป
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่สงสัยนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง”
หญิงสาวที่นั่งข้างหลานอวี่สังเกตเห็นลู่หยางกับหลานอวี่สื่อสารกันผ่านสายตา เธอจึงมองไปทางเจิ้งหยวนและพูดขึ้นมาว่า
“คราวนี้พวกเราต้องขอบคุณเจิ้งหยวนมากเลยนะ เขาอุตส่าห์ลงทุนกับสตูดิโอตั้ง 2 ล้านทำให้เรารับสมัครผู้เล่นชั้นยอดเข้ามาได้เยอะเลย”
หลังพูดจบเธอก็มองไปทางลู่หยางแวบหนึ่ง ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอคนนี้กำลังพยายามยั่วโมโหเขา
เจิ้งหยวนภูมิใจมากที่พวกเขากำลังจะก่อตั้งกิลด์ คุณชายผู้เย่อหยิ่งจึงมองไปทางลู่หยางด้วยท่าทางที่เหนือกว่า
“น้องชาย ทุกคนต่างก็บอกว่านายเป็นผู้เล่นฝีมือดี สนใจมาเข้าร่วมกิลด์กับเราไหม ฉันจะให้ค่าตอบแทนนายปีละ 5,000 เครดิตและแต่งตั้งนายเป็นหัวหน้าทีมเลย”
“เจิ้งหยวนนายจะใจกว้างเกินไปแล้ว ถ้าให้เขาเป็นหัวหน้าทีมระวังผู้เล่นชั้นยอดที่นายจ้างมาในก่อนหน้านี้จะไม่พอใจเอานะ” หญิงสาวพูดเสริม
“ถ้าไม่พอใจก็ไสหัวไปซะ ฉันจ้างพวกมันมาพวกมันมีสิทธิ์อะไรมาขัดคำสั่งฉัน” เจิ้งหยวนพูดเสียงดังอย่างหยิ่งผยอง
“พอได้แล้ว!” เซี่ยหยู่เว่ยร้องตะโกนพร้อมกับมองไปทางเจิ้งหยวนด้วยความโกรธ
แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าตอนนี้เจิ้งหยวนกำลังดูถูกลู่หยางอย่างชัดเจน และมันก็ทำให้สีหน้าของนักเวทหนุ่มกำลังเปลี่ยนไปอย่างเย็นชา
ทันใดนั่นเองมันก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“อาจารย์ รอผมก่อน!”
ลู่หยางหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนที่เขาจะเห็นชิงเฟิงกำลังวิ่งเข้ามาหา
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ชิงเฟิงส่งเสี้ยวอัญมณี 4 ชิ้นให้ลู่หยางพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“หัวหน้าบอกให้ผมเอาของพวกนี้มาให้คุณก่อน”
“ทำไมถึงได้มาเร็วขนาดนี้?” ลู่หยางถามอย่างตกใจ
“ตอนที่คุณกำลังสู้ หัวหน้าก็ถ่ายทอดสดอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับส่งไลฟ์ไปให้ทีมชั้นยอดกว่า 30 ทีมของพวกเราพร้อมกัน พอพวกเราเคลียร์ดันเจียนเสร็จได้ไม่นาน ทีมที่ที่เหลือของพวกเราก็เริ่มทยอยเคลียร์ดันเจียนได้เหมือนกัน” ชิงเฟิงกล่าวอย่างภูมิใจ
“ถึงว่าตอนที่สู้กันอยู่ตาลุงนั่นไม่พูดอะไรเลย ที่แท้เขาก็กำลังถ่ายทอดสดอยู่นี่เอง เขาคงจะกลัวว่าเสียงพูดของตัวเองจะรบกวนคำสั่งของฉันสินะ ตาแก่คนนี้ช่างเป็นคนที่เจ้าเล่ห์จริง ๆ” ลู่หยางคิดกับตัวเองภายในใจ
การเฉลยในครั้งนี้มันก็เท่ากับว่าลู่หยางกำลังสั่งการผู้เล่นมากกว่า 30 ทีมพร้อม ๆ กัน และถึงแม้การต่อสู้กับบอสบางตัวคนอื่นจะเลียนแบบกลยุทธ์ของลู่หยางไม่ได้ แต่สตูดิโอที่ฉือมู่จ้างมาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสตูดิโอระดับสูงของประเทศ ขอแค่คนพวกนั้นมีตัวอย่างการผ่านดันเจียนให้ดูสักหน่อย อีกไม่นานพวกเขาก็สามารถหาวิธีการทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“หัวหน้าของเราเจ้าเล่ห์มากจริง ๆ คุณจะถูกเขาเล่นงานบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” ชิงเฟิงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“คราวหน้าถ้าฉันเจอเขา ฉันจะต้องเรียกเก็บค่าแรงแพงกว่านี้แล้ว” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์อย่าพูดแบบนั้นเลย หัวหน้าบอกว่าเขาเสนอเงินให้คุณตั้งปีละ 500,000 กับตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์คนแรกแต่คุณก็ยังปฏิเสธ เอาเป็นว่าหากคุณสนใจจะเข้าร่วมกับเราเมื่อไหร่ หัวหน้าก็ยืนยันว่าข้อเสนอของเขายังคงอยู่เหมือนเดิม” ชิงเฟิงกล่าว
“ขอโทษนะ แต่ฉันเข้าร่วมกิลด์ของพวกคุณไม่ได้จริง ๆ ปัญหานี้มันไม่ใช่ว่าพวกคุณไม่ดีแต่ปัญหามันอยู่ที่ตัวของฉันเอง” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“เฮ้อ! เอาเป็นว่าถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็ติดต่อมาหาผมได้ตลอดเวลา หัวหน้าบอกว่าเขาเก็บตำแหน่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของกิลด์เอาไว้ให้กับคุณแล้ว ถ้ามีใครกล้าหาเรื่องคุณสามารถใช้ชื่อกิลด์ของเรากล่าวอ้างได้ตลอดเวลา” ชิงเฟิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ลู่หยางนิ่งอึ้งไป เพราะเขาไม่คิดว่าฉือมู่จะให้เกียรติเขามากขนาดนี้
“ฝากไปขอบคุณเขาแทนฉันด้วย” ลู่หยางกล่าว
ชิงเฟิงพยักหน้าพร้อมกับหันหลังเดินจากไป ซึ่งตลอดบทสนทนาเขาไม่ได้เหลือบสายตามองไปทางพวกเซี่ยหยู่เว่ยด้วยซ้ำ และนี่ก็คือศักดิ์ศรีของรองหัวหน้ากิลด์ที่มีสมาชิกมากกว่า 70,000 คน
เซี่ยหยู่เว่ยไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะให้เขาหันไปมองด้วยซ้ำ และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงตัวป่วนอย่างเจิ้งหยวนเลย การกระทำที่ให้เกียรติของรองหัวหน้ากิลด์คนนี้ มันจึงทำให้พวกเซี่ยหยู่เว่ยมองไปทางลู่หยางด้วยความตกตะลึง
“อาจารย์ เมื่อกี้คุณเพิ่งช่วยฉือมู่เคลียร์ปราสาทรัตติกาลนิรันดร์ระดับอีปิคงั้นเหรอ?” หลานอวี่ถาม
“ใช่” ลู่หยางตอบ
“ฉือมู่เสนอค่าตอบแทนให้ปีละ 500,000 แถมยังเสนอตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์คนแรก แต่คุณก็ยังปฏิเสธอีกงั้นเหรอ?” หลานอวี่ถามต่อ
“ใช่ เมื่อกี้พวกคุณก็กำลังชวนฉันอยู่ใช่ไหม? หรือว่าฉันจะไปเป็นหัวหน้าทีมให้กับพวกคุณดีนะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ ๆ มาสิ แต่พวกเราคงจะจ่ายคุณปีละ 500,000 ไม่ไหวหรอกนะ” หลานอวี่รู้ว่าลู่หยางกำลังประชดเจิ้งหยวนแต่เธอก็ยังคงตอบอย่างจริงจัง
การก่อตั้งกิลด์จำเป็นจะต้องใช้เงินทุนปริมาณมหาศาล ซึ่งงบประมาณที่พวกเธอตั้งเอาไว้สำหรับค่าตอบแทนสมาชิกทั้งหมดภายในกิลด์ก็อยู่ที่ปีละ 500,000 เครดิตเท่านั้น
แน่นอนว่าบทสนทนาในก่อนหน้านี้มันก็ทำให้เจิ้งหยวนอับอายจนใบหน้าแทบจะกลายเป็นสีเขียว
สมควรสงบปากสงบคำได้แล้วเจิ้งหยวน!!