ตอนที่แล้วบทที่ 1 พิธีศพ (ตอนที่ 18 - หมู่บ้านต้องคำสาป)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 พิธีศพ (ตอนที่ 20 - จิตรกรหลี่จิงห้าว)

บทที่ 1 พิธีศพ (ตอนที่ 19 - พี่และน้อง พ่อและลูก)


"แต่ชายชราคนนั้นเหมือนจะกินคนจริง ๆ แบบตามตัวอักษรเลยนะ!" เว่ยตงพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว "ฉันคิดว่านายอาจจะถามอะไรจากเขาไม่ได้ แถมยังเสี่ยงกลายเป็นอาหารกลางวันของเขาอีกนะ ...แล้วฉันว่ามื้อกลางวันของเราก็คงจบกันแล้ว ชายชรานั่นเปลี่ยนไปแล้ว ฉันคิดว่าเขาคงลืมวิธีทำอาหารของมนุษย์ไปแล้วด้วย..."

มู่อี้หรานไม่ได้สนใจคำพูดที่พูดไร้สาระท้าย ๆ นั้น "ถึงเขาจะเปลี่ยนไปจนไม่สามารถตอบคำถามได้อีก เราก็จำเป็นต้องเข้าไปในห้องด้านในของเขาเพื่อตรวจหาข้อมูล"

เว่ยตงสั่นสะท้าน "นายจะไปถอนฟันเสือในถ้ำเลยหรือไง มันอันตรายเกินไป เค่อ นายช่วยพูดให้เขาเปลี่ยนใจหน่อย"

เค่อชุนหันไปทางมู่อี้หราน "นายจะไปจริง ๆ เหรอ?"

มู่อี้หรานไม่ได้ตอบ เพียงแต่มองเค่อชุนด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เค่อชุนถอนหายใจ "ฉันจะไปกับนาย"

เว่ยตง "..."

หม่าจั้นฮัวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ฉะ...ฉันไม่ต้องไปด้วยได้ไหม? ฉันขอไปหาตราประทับในที่อื่นต่อ..."

จางเม่าหลินรีบพูดต่อทันที "ฉันก็จะหาตราประทับต่อเหมือนกัน แยกกันทำงานจะได้ไม่เสียเวลา"

มู่อี้หรานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ โดยไม่รอให้คนที่เหลือแสดงความคิดเห็น "ถ้าพวกนายไม่กลัว ก็ลองไปค้นหาห้องวิญญาณที่บ้านหลี่อีกครั้งอย่างละเอียด ส่วนที่เหลือของหมู่บ้าน เราค้นหามาหมดแล้ว เหลือแค่ห้องวิญญาณและบ้านของชายชราที่น่าจะมีเบาะแสมากที่สุด เราจะกลับมารวมตัวกันที่นี่ในอีกหนึ่งชั่วโมง"

เค่อชุนดึงเว่ยตงเข้ามาใกล้ ๆ แล้วพูดเบา ๆ กับเขา "นายระวังตัวเองด้วยนะ ถ้าถึงตอนกลางคืนแล้วยังไม่เห็นฉัน แสดงว่าฉันคงสละชีวิตไปแล้ว นายมีลูกกุญแจบ้านฉัน ถ้านายสามารถออกจากภาพวาดนี้ได้ ไปบ้านฉันทีนะ เอกสารทรัพย์สินบ้าน ใบอนุญาตเปิดฟิตเนสและเอกสารอื่น ๆ บัตรประชาชนและสมุดบัญชีธนาคารของฉัน วางไว้ในกระถางต้นกระบองเพชรปลอมที่ระเบียง รหัสทุกอย่างคือหกตัวท้ายของบัตรประชาชนฉัน เงินฝากของฉันให้นายช่วยบริจาค ส่วนบ้านก็ปล่อยเช่า แล้วค่าเช่าก็เอามาใช้เสริมอุปกรณ์ใหม่ให้ฟิตเนส รายได้จากฟิตเนสแบ่งให้พวกเพื่อน ๆ ที่ร่วมกันทำ ส่วนหนังเล็ก ๆ หนึ่งเทระไบต์ในคอมพิวเตอร์ของฉัน ให้เป็นของนาย"

"ไปให้พ้น! หนังที่เก็บไว้หนึ่งเทระไบต์นั่นน่ะมันหนังเกย์ทั้งนั้น ฉันไม่ต้องการ!" เว่ยตงด่ากลับ ก่อนที่จะดึงแขนของเค่อชุนอย่างเป็นห่วง

"นายจะไปจริง ๆ เหรอ? เพื่อเขานายถึงกับเอาชีวิตไปเสี่ยงน่ะเหรอ? ไม่จำเป็นขนาดนั้นหรอก ที่ไหน ๆ ก็มีหญ้าเขียวงาม ไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดชีวิตเพื่อต้นหญ้าต้นเดียว นายเพิ่งรู้จักเขาไม่กี่วันเอง อีกอย่าง คนอื่นเขาอาจไม่ได้เป็นแบบนายก็ได้นะ นายไม่เสียดายเหรอถ้าจะทำเพื่อคนที่ไม่ใช่แนวเดียวกัน?"

"นายคิดอะไรไปไกลแล้ว เพื่อเขาก็เท่ากับเพื่อพวกเราด้วย เราชาวคณะกีฬา มีคติสอนว่า การให้มีผลตอบแทนเสมอ เราจะให้เขาเป็นคนให้ฝ่ายเดียวไม่ได้ เราก็ต้องลงมือบ้าง" เค่อชุนกล่าว "อีกอย่าง นายลืมไปแล้วเหรอว่าฉันมีเซนส์ดีเสมอ"

"แล้วไงต่อ?" เว่ยตงไม่เข้าใจ

เค่อชุนยิ้ม แล้วหมุนตัวเดินไปหามู่อี้หราน

กลุ่มทั้งสองแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

มู่อี้หรานและเค่อชุนเดินมาถึงนอกลานบ้านของชายชรา มู่อี้หรานหยุดเดินและหันไปมองเค่อชุน "นายจะเข้าไปกับฉันจริง ๆ เหรอ?"

"ไม่เพียงแค่จะเข้าไปกับนาย แต่ฉันจะออกมาพร้อมกับนายด้วย" เค่อชุนตอบ

"อาจจะไม่ได้" มู่อี้หรานพูด "ถ้านายไม่เปลี่ยนใจ งั้นฟังแผนของฉันต่อจากนี้"

เค่อชุน "ตกลง ว่ามา"

มู่อี้หรานจ้องมองเขาอย่างพินิจ "เดี๋ยวนายจะเข้าไปในลานบ้านก่อน ระวังตัวให้ดี แล้วเดินไปที่หน้าประตูบ้าน ถ้าชายชราไล่ออกมา นายต้องพยายามล่อเขาให้ห่างออกไป ฉันจะเข้าไปในบ้านและค้นหาห้องด้านใน ระหว่างนั้นหวังว่านายจะสามารถถ่วงเวลาได้ให้นานที่สุด ทำได้ไหม?"

"ฉันมีคำถาม" เค่อชุนพูด "ชายชราคนนี้ไม่เหมือนคนปกติ ถ้าเกิดเขาวิ่งไวกว่าฉัน ฉันควรทำยังไง?"

"ในเมื่อก่อนหน้านี้นายกับเว่ยตงยังสามารถหนีออกมาจากบ้านเขาได้ ครั้งนี้นายก็ต้องทำได้เหมือนกัน" มู่อี้หรานกล่าว "จริง ๆ แล้วครั้งที่แล้วนายวิ่งเร็วเกินไป จนหลุดพ้นการควบคุมของเขา ทำให้สามารถหนีรอดมาได้ ดังนั้นครั้งนี้นายต้องควบคุมระยะ อย่าให้เขาเข้ามาใกล้เกินไป แต่ก็อย่าหนีห่างเกินไป รักษาระยะที่ปลอดภัยเสมอ พาเขาออกไปจากลานบ้านนี้ และถ่วงเวลาให้นานที่สุด ถ้าฉันทำงานเสร็จก่อน ฉันจะไปหานายแล้วค่อยสลัดเขาออก ยังมีคำถามอีกไหม?"

"มี" เค่อชุนพูด "เบอร์โทรนายหมายเลขอะไร?"

มู่อี้หรานทำหน้าตาเย็นชา "ถ้าไม่มีคำถามแล้วก็เข้าไปได้เลย"

เค่อชุนขยับแขนขายืดเส้นยืดสาย แล้วส่งสัญญาณให้มู่อี้หราน "นายไปซ่อนตรงข้างประตู ฉันจะล่อชายชราออกมาแล้ววิ่งไปทางนั้น"

มู่อี้หรานยืนอยู่ข้างประตูตามที่บอกไว้ แล้วก็เห็นเค่อชุนก้าวยาวเข้าประตูบ้านไปทันที

มู่อี้หรานมองตามหลังของเค่อชุนที่เดินไปทางประตูบ้านโดยไม่มีท่าทีลังเล ท่วงท่าที่ปกติจะดูเฉื่อยชาและขี้เกียจของเขาได้หายไปสิ้น ตอนนี้หลังที่ยืดตรงและการก้าวเดินที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่นและมีพลัง ทำให้เขาดูเหมือนกับเป็น...นักกีฬาที่แข็งแกร่งจริง ๆ

เค่อชุนที่แสนจะเฉียบแหลมเดินมาถึงประตูบ้าน

ประตูบ้านปิดอยู่ ทำให้มองไม่เห็นสภาพภายในบ้าน

เค่อชุนไม่ต้องการปล่อยให้ตัวเองมีเวลาคิดไปเอง เขายื่นมือไปผลักประตูเปิดทันที

เอี๊ยดดด...

เสียงประตูเปิดออก แสงที่สลัวก็เข้ามาในห้องที่มืดมัว ชายชราเหมือนซากศพที่ไม่มีชีวิต ยืนแข็งทื่ออยู่กลางห้อง

เมื่อชายชราเห็นเค่อชุน ใบหน้าที่แห้งเหี่ยวราวกับศพกะทันหันก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมา ขากรรไกรสีดำเหมือนหลุมดำอ้าออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินขีดจำกัดที่ปากมนุษย์สามารถอ้าได้ จากนั้นก็อ้าปากใหญ่พุ่งเข้ามาทางเค่อชุน

เค่อชุนหันหลังแล้ววิ่งทันที หูของเขาฟังเสียงลมหวีดและเสียงฝีเท้าของชายชราที่อยู่ข้างหลัง เพื่อใช้ในการคำนวณระยะห่างระหว่างเขากับชายชรา

นี่เป็นทักษะที่เค่อชุนถนัด สมัยเรียนเขาเคยเข้าร่วมแข่งขันหลายรายการ การฟังเสียงเพื่อระบุตำแหน่งของคู่แข่งมีผลสำคัญต่อการปรับกลยุทธ์ในการแข่งขัน

เค่อชุนควบคุมระยะห่างระหว่างชายชราและตัวเองให้คงที่ที่ประมาณห้าก้าว เขาวิ่งนำชายชราออกจากลานบ้าน

มู่อี้หรานจนกระทั่งเห็นเค่อชุนพาชายชราออกไปจนลับสายตา เขาจึงรีบก้าวเข้าไปในลานบ้านตรงไปยังห้องด้านในที่ชายชราอาศัยอยู่

เค่อชุนไม่กล้าวิ่งไปทางต้นหวาย เพราะกลัวว่าจะไปเจอกับคนอื่น ๆ เขาจึงพาชายชราวิ่งไปมาในหมู่บ้าน

เขาคิดไปคิดมา งานนี้คงมีแต่เขาที่ทำได้ ถ้าเป็นคนอื่น คงไม่มีทั้งความเร็วและความทนทานเท่าเขา

ตอนนี้ความเร็วของเขายังไม่ใช่ความเร็วสูงสุด แต่หากดูจากมาตรฐานคนทั่วไป ก็นับว่าเร็วมากแล้ว เว่ยตงที่ก่อนหน้านี้ หากไม่ได้เขาดึงเอาไว้ คงโดนชายชราพุ่งชนเข้าไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ต้องรักษาความเร็วนี้ไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มู่อี้หรานมีเวลาพอเพียง ซึ่งอาจต้องวิ่งต่อไปอีกหลายสิบนาที

มีบางอย่างที่เค่อชุนยังไม่เข้าใจนัก ถ้าชายชรานี่ไม่ใช่คนจริง ๆ แต่เป็นพวก "สิ่งนั้น" ระดับความสามารถในการวิ่งของมันก็ควรจะไม่แพ้คน

มู่อี้หรานเคยบอกว่า หากไม่ทำตามกฎของภาพวาด ก็จะถูกพลังที่ไม่อาจต่อต้านได้ตอบโต้กลับ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองคืนที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า พวก "สิ่งนั้น" ที่เคยปรากฏตัว ถึงแม้จะมีวิธีหลีกเลี่ยงอันตรายได้ แต่ก็มักจะเกิดจากโชคหรือความบังเอิญ หากต้องเผชิญหน้ากันจริง ๆ พวกเขาแทบไม่มีความหวังที่จะรอด

พูดง่าย ๆ ก็คือ พลังในภาพวาดนี้ ถึงแม้จะมีบางกฎให้ติดตาม แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้โดยตรง

แต่ชายชรานี่ไม่ใช่

ชายชรานี่วิ่งไม่ทันเขา

มันแปลกมากเลยไม่ใช่หรือ?

เค่อชุนคิดไปคิดมา แล้วก็อดหันไปมองไม่ได้

เพียงแค่มองแวบเดียวก็เกือบจะทำให้เขาสะดุดล้ม

เขาไม่รู้แล้วว่าตอนนี้สิ่งที่ไล่ตามเขาอยู่นั้นคืออะไรกันแน่ ปากที่เหมือนหลุมดำครอบคลุมทั้งศีรษะ สองมือที่แห้งเหี่ยวเหยียดออกไปข้างหน้า นิ้วยาวเรียว รวมกับแขนที่แห้งเหมือนต้นหวายสามต้นที่บิดเป็นเกลียว

ที่แย่ที่สุดคงเป็นส่วนท้องของชายชรา

เพราะวิ่งอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ถูกลมพัดจนแนบกับร่าง ส่วนท้องที่มีบางสิ่งนูนขึ้นมาก็ถูกเน้นให้เห็นอย่างชัดเจน

นั่นคือใบหน้า

ใบหน้าที่มีอวัยวะครบทุกส่วน และแสดงสีหน้าอย่างชัดเจน

ใบหน้านั้นกำลังร้องไห้

มันอ้าปากกว้าง ร้องด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน ขณะที่ชายชราวิ่ง ใบหน้านั้นก็ดิ้นรนพลิ้วไหวไปมา

เค่อชุนรู้สึกคันทั่วตัว จนต้องเกาไปที่ท้องของตัวเอง

จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว

คัน... คันไปทั่วทั้งตัว... ประสบการณ์เมื่อคืน...

หลังจากวิ่งมานานไม่รู้เท่าไหร่ ในที่สุดก็เห็นมู่อี้หรานอยู่ข้างหน้าสุด เค่อชุนจึงตะโกนเสียงดังออกไปว่า

"ลูกพี่ ไอ้ตัวนี้มันเป็นตัวที่มีร่างกายผิดรูป!"

มู่อี้หรานทำสัญญาณมือแล้วหลบหายไปตรงหัวมุม เค่อชุนเร่งความเร็วขึ้น และหลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็สลัดชายชราออกไปได้

มู่อี้หรานยืนรออยู่ตรงทางที่จะต้องผ่านไปทางต้นหวาย เห็นเค่อชุนเดินมาอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นมาเป็นเวลานานแต่กลับมีเพียงหอบเบา ๆ เท่านั้น และดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของเขายังดูเหมือนเพิ่งวอร์มร่างกายเสร็จใหม่ ๆ

ความอึดแบบนี้ ทำเอามู่อี้หรานยังอดทึ่งไม่ได้

"ชายชราคนนั้นก็เป็นตัวที่มีร่างกายผิดรูปเหมือนกัน" เค่อชุนเดินเข้ามาใกล้ "ท้องของเขามีใบหน้างอกออกมา ฉันสงสัยว่าในท้องของเขาอาจจะมีสมองอีกอันอยู่ ถึงแม้ว่าจะคิดไม่ได้ แต่ก็น่าจะควบคุมสีหน้าของใบหน้าที่อยู่บนท้องได้ นายเจอเบาะแสอะไรในบ้านเขาบ้างไหม?"

มู่อี้หรานตอบ "มี ไม้ไซเปรส"

"โลงศพของหลี่กว้ายกว้าย...เป็นเขาที่ทำเหรอ?" เค่อชุนตกใจ "พวกที่มีร่างกายผิดรูปเหมือนกัน ทำไมถึงต้องทำร้ายกันขนาดนี้"

"เขาชื่อหลี่หมาจื่อ" มู่อี้หรานมองหน้าเค่อชุน "เขาเป็นพ่อของหลี่กว้ายกว้าย และเป็น...พี่ชายของเขาด้วย"

เค่อชุนยืนนิ่ง "เหมือนฉันจะรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้าแล้ว"

มู่อี้หรานทำหน้าตาเรียบเฉย "หมู่บ้านนี้ เพราะความปิดกั้นและความล้าหลัง ทำให้หลงเหลือขนบธรรมเนียมที่เต็มไปด้วยความไม่รู้และความผิดทำนองคลองธรรม เนื่องจากคนส่วนใหญ่แต่งงานกันในเครือญาติ และระดับการแพทย์ที่ต่ำ ทำให้อัตราการรอดชีวิตของทายาทต่ำ ยิ่งไปกว่านั้น เพราะมีชายมากกว่าหญิง เพื่อรักษาการสืบพงศ์พันธุ์ จึงเกิดระบบการมีภรรยาร่วมกันขึ้นตามข้อตกลงของชาวบ้าน"

"...ความปิดกั้นและล้าหลังน่ากลัวเกินไป" เค่อชุนไม่รู้จะพูดอะไรอีก

"จริง ๆ แล้วโอกาสที่การแต่งงานในเครือญาติจะเกิดความผิดปกติในทารกมีเพียง 4%" มู่อี้หรานกล่าวต่อ "และทารกที่เกิดมาพิการเหล่านั้น หลายคนไม่สามารถอยู่รอดจนถึงวัยผู้ใหญ่ บางคนก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก เช่นเดียวกับหลี่หมาจื่อและหลี่กว้ายกว้ายที่โตมาได้ นับว่าเป็นกรณีที่หายากในหมู่บ้านนี้"

"ไม่รู้ว่านี่ควรจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่" เค่อชุนกล่าว

"แน่นอนไม่ใช่โชคดี" มู่อี้หรานมองไปที่เค่อชุน "นายลองจินตนาการดูเอาได้ไหมว่าคนที่มีร่างกายผิดรูปจนเหมือนปีศาจอย่างเขา เติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านนี้อย่างไรบ้าง?"

.

(จบตอน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด