ช่างตีเหล็กสายบั๊ก ตอนที่ 25 การไล่ล่า
ช่างตีเหล็กสายบั๊ก ตอนที่ 25 การไล่ล่า
“เป้าหมายภารกิจพวกนี้แต่งตัวเหมือนกันหมดเลย มาจากโลกเดียวกันรึเปล่านะ?” ซูเฉินมองศัตรูต่างโลกที่มองเห็นได้ในระยะสายตา ซึ่งแต่ละคนมี [เป้าหมายภารกิจ] ลอยอยู่เหนือหัว ขณะที่เขายืนอยู่บนรถศึกของกษัตริย์ ก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดา
จากนั้น เขาก็เห็นจอมเวทแต่ละคนยกคทาเวทขึ้น พร้อมกับแสงสีฟ้าจาง ๆ ร่างของพวกเขาก็หายวับไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน
หนีไปแล้ว?
ซูเฉินขมวดคิ้ว ตรวจสอบตำแหน่งในแผนที่
พบว่าจอมเวทเหล่านั้นยังคงอยู่ไม่ไกลจากเขา
ไม่ได้หนีไปไหนไกล
“ไม่มีพาหนะ แถมยังไม่ใช่พวกคล่องแคล่วว่องไวมากนัก...”
ซูเฉินพึมพำกับตัวเอง สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้ครอบครองอาชีพที่กำลังมุงดูอยู่หน้าประตูเมืองจุดวาร์ป
เขารีบพุ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับเหล่าสัตว์ประหลาด
สมาชิกหน่วยลาดตระเวนและผู้ครอบครองอาชีพที่เตรียมพร้อมต่อสู้ เมื่อเห็นระดับและแถบพลังชีวิตของซูเฉิน ต่างก็ตกตะลึง หนึ่งในนั้นเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “เอ๊ะ คุณ คุณไม่ใช่ผู้ครอบครองอาชีพหน้าใหม่ที่เคยมาขอแผนที่จากฉันเหรอ?”
“ใช่” ซูเฉินพยักหน้า พูดสั้น ๆ “รีบติดต่อสาขาสหพันธ์ให้ส่งคนมา ฉันจะไปตามพวกเขา”
พูดจบ สายฟ้าก็แปลบปลาบรอบรถศึกของกษัตริย์ เขาหักเลี้ยวเล็กน้อย เลี่ยงเมืองจุดวาร์ปแล้วมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของพ่อมดตามแผนที่
เหล่าสิ่งมีชีวิตระดับเงินขาวและทองคำก็ติดตามไปอย่างรวดเร็ว
ฉากนี้ ทำให้ผู้ครอบครองอาชีพที่เหลืออยู่ ต่างตกตะลึงจนสมองไม่สามารถประมวลผลได้
“เมื่อกี้ ผู้ครอบครองอาชีพคนนั้น ระดับแค่ 6 ใช่มั้ย?”
“ใช่... แต่ข้างหลังเขาน่ะ มีแต่สัตว์ประหลาดระดับ 30 ขึ้นไปทั้งนั้น!!”
“จ่าฝูงนอลล์ นี่มันบอสเลยนะ! ฉันจำได้ว่ารุ่นพี่ที่โรงเรียนเคยบอกว่า บอสประเภทนี้หนังเหนียว โจมตีก็แรง... แต่ตอนนี้กลับเหมือนสัตว์ประหลาดทั่วไป...”
“สายฟ้า เพลิง น้ำแข็ง... สไลม์เต็มไปหมดเลย แถมยังเป็นพวกบอสระดับสูงที่มีทักษะโจมตีหมู่และควบคุมอีกต่างหาก ตามกันมาเป็นฝูง... บ้าไปแล้ว ครั้งก่อนเคยเห็นผู้ครอบครองอาชีพ [นักอัญเชิญ] ระดับ 40 มีสไลม์น้ำแข็งแค่ตัวเดียวก็หวงแหนยิ่งกว่าอะไร...”
“สรุปได้แล้ว คนนั้นต้องเป็นผู้ครอบครอง [อาชีพหายาก] แน่ ๆ! อาจจะเป็น [นักอัญเชิญ] ด้วย...”
“สหพันธ์คงจะมีผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่แล้วสินะ! เพิ่งระดับ 6 ก็สามารถควบคุมบอสระดับสูงได้มากมายขนาดนี้...”
เสียงพูดคุยกันดังเซ็งแซ่ พวกเขาไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นที่รอดชีวิตมาได้เลย
มีเพียงความตกตะลึงที่ไม่อาจบรรยายได้
ผู้ครอบครองอาชีพหน้าใหม่ระดับ 6 พากองทัพบอสระดับสูงไปไล่ล่าศัตรูต่างโลกระดับ 25...
ฉากนี้ พวกเขาจะจดจำไปตลอดชีวิต
“เฮ้ พวกนายดูสิ! ช่องมิติกลับมาใช้งานได้แล้ว!”
ผู้ครอบครองอาชีพคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาทันที
บรรยากาศก็เหมือนน้ำมันเดือดที่ถูกหยดน้ำ
ผู้ครอบครองอาชีพทุกคนต่างก็เบียดเสียดกันเพื่อเข้าไปในช่องมิติ
สมาชิกหน่วยลาดตระเวนที่เหลืออยู่ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เลย
——
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดระดับสูงมากมายขนาดนี้?!”
“ที่นี่ควรจะเป็นโลกสำหรับมือใหม่แท้ ๆ...”
“พวกนายมองไม่ออกรึไง ว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นถูกควบคุมอยู่! ไม่เห็นคนที่ขับรถศึกเวทมนตร์อยู่เหรอ?!”
“ล้อเล่นรึเปล่า ต้นไม้โลกเคยบอกว่า ในโลกนี้ไม่มีใครสู้กับพวกเราได้... ถึงแม้จะใช้ไอเทมเล่นแร่แปรธาตุปิดกั้นช่องมิติชั่วคราว แต่นี่... ผู้ครอบครองอาชีพระดับสูงพวกนี้มาจากไหนกัน?!”
พ่อมดหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนี มองไปที่รุ่นพี่เอนเดอร์ที่อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเงียบมาตลอดทางด้วยความตกใจและหวาดกลัว “รุ่นพี่เอนเดอร์ พูดอะไรหน่อยสิ!”
“ฉันจะพูดอะไรได้!!” เอนเดอร์หันกลับมา ใบหน้าที่เคยสงบนิ่ง ตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ตอนนี้ นอกจากหนีแล้ว ยังมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?”
“หนีรอดเหรอ?!” พ่อมดอีกคนคำราม “พวกเราวิ่งด้วยสองขา ถึงแม้จะใช้คาถาสองวงแหวน ก็คงทนได้ไม่นานหรอก จะเร็วกว่ารถศึกเวทมนตร์ของคนผู้นั้นได้ยังไง?!”
“แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน” เอนเดอร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ผู้ครอบครองอาชีพคนนั้นอาจจะไม่ได้ตามเรามาก็ได้ ถ้าหนีไม่รอดจริง ๆ... ก็สู้”
“สู้ยังไง?! นายคิดว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นเป็นแค่ของประดับเหรอ?!”
พ่อมดอีกคนแย้งขึ้นมา เสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยหยิ่งยโสแค่ไหน ตอนนี้ก็ดูน่าสมเพชมากเท่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเอนเดอร์พูดมาก อยากทำภารกิจเสริม ตอนนี้พวกเขาก็คงได้รับรางวัลจากต้นไม้โลกแล้ว กลับไปที่โรงเรียนอย่างสบายใจ
“ผู้ครอบครองอาชีพสายอัญเชิญ ฉันก็เคยเจอมาบ้าง พวกนี้ร่างกายอ่อนแอมาก ใช้คำพูดของผู้ครอบครองอาชีพก็คือ พวกเขาต้องรักษาค่าพลังเวทไว้ให้สัตว์อัญเชิญ ดังนั้นอุปกรณ์หรือไอเทมที่พวกเขาใช้ จะเน้นไปที่การเพิ่มค่าพลังเวท... พลังชีวิตต่ำมาก ถึงแม้จะเป็นนักอัญเชิญระดับสูงกว่าพวกเราก็เถอะ พลังชีวิตก็ยังน้อยกว่าพวกเรา” เอนเดอร์พูดอย่างเย็นชา “ด้วยความสามารถของพวกนาย ถ้าเข้าประชิดตัวได้ ภายในไม่กี่วินาทีก็สามารถสังหารนักอัญเชิญได้ ไม่ใช่เรื่องยาก”
“นายคิดว่าพวกเราจะฝ่าวงล้อมของสัตว์ประหลาดพวกนั้นได้เหรอ?!”
“แน่นอนว่าไม่ได้” เอนเดอร์มองจอมเวทคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันมีม้วนคัมภีร์คาถาอยู่ม้วนหนึ่ง เป็นคาถาผนึกสี่วงแหวน [ท่องมิติ] ถึงแม้จะเป็นไอเทมใช้แล้วทิ้ง แต่มันก็สามารถช่วยพวกเราได้...”
“ตราบใดที่เราเข้าใกล้ผู้ครอบครองอาชีพคนนั้นได้ เขาก็มีแต่ต้องรอให้พวกเราจัดการ”
“ม้วนคัมภีร์คาถาสี่วงแหวน?? ใช้ม้วนคัมภีร์ที่ระดับสูงกว่าตัวเองสองระดับ จะมีผลข้างเคียงไม่ใช่เหรอ?!”
พ่อมดอีกคนพูดขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะยังคงโกรธอยู่ แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์
“แค่ค่าพลังเวทลดลงถาวรเล็กน้อยเท่านั้น” เอนเดอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ถ้าพวกนายมีวิธีที่ดีกว่า ก็นำออกมาสิ”
พ่อมดแต่ละคนมีสีหน้าไม่แน่นอน
เวลาที่พวกเขามีเหลือไม่มากแล้ว
เพราะเหล่าสัตว์ประหลาด นำโดยชายหนุ่มที่ขับรถศึก กำลังพุ่งเข้ามา
เมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป
ต่างก็หยิบไอเทมเล่นแร่แปรธาตุและคทาเวทที่ทรงพลังที่สุดออกมา เตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนย้าย
เอนเดอร์ไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่หันไปมองชายหนุ่มบนรถศึกบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าจะปล่อยให้สัตว์ประหลาดบุกเข้ามาก่อน
“ดีมาก”
เขาคิดพลางหยิบม้วนคัมภีร์หนังแกะออกมาจากตัว
ไม่ลังเลอีกต่อไป
——
“อีกนิดเดียวก็อยู่ในระยะร่ายทักษะแล้ว”
“ใช้ [ประหารเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์] กับ [คมมีดหินยักษ์] กวาดล้างพื้นที่ก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อมองดูพ่อมดที่ยังคงวิ่งหนี แต่ระยะห่างก็ใกล้เข้ามามากแล้ว ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับศัตรูต่างโลกแบบนี้
[ผู้แปล: ดูแล้ว “เจตจำนง” มีหลายชื่อตามแต่ละโลกนะครับ เช่น โลกหนึ่งเป็น เจตจำนงต้นไม้ บลา ๆ แต่ก็คืออันเดียวกัน ส่วนสรรพนามตัวละคร ผมจะพยายามใช้หลากหลายนะครับ เพราะไม่ได้มีแค่โลกสมัยปัจจุบัน ถ้าเป็นโลกจอมยุทธ์ ก็จะใช้ ข้า เจ้า สลับกันไปนะครับ จะพยายามปรับตามบริบท]