บทที่ 55 ศพผู้เฒ่าในหมู่บ้านร้าง
ตั้งแต่มีคนตายทุกวัน ชาวบ้านก็ตกใจกลัวกันมาก
บางคนถึงกับเตรียมจะย้ายออกจากหมู่บ้าน
ขณะที่ทุกคนกำลังหมดหวัง
ชาวบ้านกลุ่มที่ออกไปตามหาหมอผีก็กลับมาถึงหมู่บ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดินในวันนั้น
เมื่อฟังคำอธิบายของพวกเขาแล้ว ชาวบ้านจึงรู้ว่า เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้ถนนที่เข้าไปในป่าถูกดินถล่มปิดเส้นทาง
พวกเขาจึงต้องอ้อมไปทางอื่น ทำให้เสียเวลาไปหลายวัน
เมื่อหมอผีมาถึงหมู่บ้านหนิวเป่ย ก็รีบไปดูที่แม่น้ำทันที เพื่อดูศพผู้เฒ่าหน้าเหมือนหนูผี
แต่ตอนนั้นในแม่น้ำก็ไม่มีศพหลงเหลืออยู่แล้ว
หลังจากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน หมอผีบอกว่าเธอรู้จักยมทูต คือยมทูตยมหัววัวหน้าม้าและเธอจะไปยมโลกเพื่อถามยมทูตหัววัวหน้าม้าเพื่อนำวิญญาณของศพกลับมา
คนตายทุกคนต้องไปอยู่ในความดูแลของยมทูตหัววัวหน้าม้า
แล้วคืนนั้นก็มีคนตายอีก
เมื่อชาวบ้านตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น พบว่าหมอผีที่พักอยู่ที่ศาลเจ้าเสียชีวิตแล้ว!
ตายอย่างปริศนาในห้องที่ปิดสนิท!
ไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรเลยในคืนที่ผ่านมา!
ชาวบ้านตกใจกลัวมาก จึงพากันไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านเพื่อขอคำตอบ
เมื่อชาวบ้านพากันถือเสียม มีด และอุปกรณ์การเกษตรไปถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น
พวกเขาเห็นครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านนั่งล้อมวงอยู่ที่โต๊ะอาหาร อาหารค่ำยังคงเหลืออยู่บนโต๊ะ แต่เนื้อหนังของทุกคนหายไปหมด เหลือเพียงแต่หนังที่ตาเบิกโพลงด้วยความกลัว!
และศพผู้เฒ่าหน้าเหมือนหนูผีที่หายไปจากแม่น้ำ ก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันกับครอบครัวของผู้ใหญ่บ้าน ตาปิดสนิท เหมือนกำลังกินข้าวเย็นร่วมกันเหมือนเดิม
แม้ว่าผู้เฒ่าคนนี้จะจมน้ำตายมาตั้งแต่สองปีก่อน แต่เขากลับขึ้นมาจากน้ำและมากินคนในครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านจนหมด
ฉากที่เห็นเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทำให้หลายคนตกใจจนเป็นลม
ในวันนั้น ชาวบ้านทุกคนหนีออกจากหมู่บ้านหนิวเป่ยไปหมดโดยไม่เก็บข้าวของอะไรเลย
หมู่บ้านจึงกลายเป็นหมู่บ้านร้าง
เมื่อมีชาวบ้านจำนวนมากหนีเข้าเมือง ก็ทำให้ทางราชการทราบเรื่อง
เนื่องจากเป็นคนละเขตการปกครอง มือปราบเฟิงจึงไม่ทราบว่าทางราชการฝั่งนั้นจัดการกับเรื่องศพในหมู่บ้านร้างอย่างไร...ทราบเพียงว่า ทางราชการไปว่าจ้างผู้ส่งของวิญญาณ ซึ่งเป็นอาชีพพิเศษ
มาจัดการกับศพในหมู่บ้านร้าง
แต่ผู้ส่งของวิญญาณเหล่านี้ทำหน้าที่แค่ขนส่งศพเท่านั้น ไม่ได้ทำพิธีขับไล่ผี
ผู้ส่งของวิญญาณเหล่านี้ตกลงที่จะทำงานให้กับทางราชการ แต่ขอรับผิดชอบแค่การขนส่งศพออกนอกเขตเท่านั้น และบอกว่ารู้จักผู้ที่มีวิชาอาคมสามารถจัดการกับศพนี้ได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ทางราชการจึงตอบตกลง
และแล้วผู้ส่งของวิญญาณก็ขนศพข้ามภูเขาข้ามห้วย จนมาถึงเขตแดนของเมืองฉาง
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อขบวนผู้ส่งของวิญญาณเข้ามาในเขตเมืองฉาง ผู้ส่งของวิญญาณทุกคนหายตัวไปอย่างปริศนา ไม่รู้ว่าตายหรือหายไปไหน
จากคำบอกเล่าของคนที่มาแจ้งความ ชาวบ้านในหมู่บ้านหนิวเป่ยเคยเล่าว่า พ่อของผู้ใหญ่บ้านน่าจะถูกผู้ใหญ่บ้านฆ่า จึงกลับมาล้างแค้น
คนป่วยเป็นภาระของลูกหลานเสมอ พ่อของผู้ใหญ่บ้านป่วยหนัก ต้องใช้เงินซื้อยาจำนวนมาก มีชาวบ้านหลายคนได้ยินว่า ผู้ใหญ่บ้านด่าพ่อของตัวเองว่าทำไมไม่ตายไปเสียที
เพราะเป็นภาระการดูแล
มือปราบเฟิงถอนหายใจด้วยความเสียใจและโกรธแค้นต่อการตายอย่างอนาถของพ่อผู้ใหญ่บ้าน
"โง่เขลา!" "โง่เขลา!"
ทันทีที่มือปราบเฟิงเล่าเรื่องราวจบลง ผู้อาวุโสลัทธิเฒ่าก็โพล่งออกมา
"ศพนั้นไม่ได้ลอยขึ้นมาเอง แต่มีคนลงไปนำขึ้นมาจากน้ำ!"
"ข้าเคยบอกไปแล้วว่า น้ำสามารถกักเก็บพลังงานลบ และทำให้คนที่จมน้ำติดอยู่ในน้ำตลอดกาล เว้นแต่จะมีคนนำร่างขึ้นมา หรือว่ายน้ำลงไปเองแล้วถูกผีพลายลากลงไป"
"อะไรนะ! ศพในแม่น้ำถูกคนนำขึ้นมางั้นเรอะ?"
จินอันและมือปราบเฟิงรีบถามว่าเหตุใดถึงพูดเช่นนั้น
ผู้อาวุโสลัทธิเต๋าโกรธจนเคราและผมลุกชี้ฟ้า ซึ่งในขณะนั้นผู้อาวุโสลัทธิเต๋าดูเหมือนจะโกรธจริง ๆ
"น้ำเป็นธาตุเย็น ธาตุเย็นสามารถบำรุงพลังงานชั่วร้าย"
"การตายของพ่อผู้ใหญ่บ้านไม่ธรรมดา เขาตายอย่างผิดธรรมชาติ จนเกิดพลังงานชั่วร้ายสะสมทั่วร่างกาย ทำให้ศพไม่เน่าเปื่อย"
"สิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีความรู้สึก แม้แต่ปลาและกุ้งในแม่น้ำก็รู้ว่าต้องหลีกเลี่ยงศพที่มีพลังงานชั่วร้าย จึงไม่มีอะไรมากัดกินศพ"
"คนจมน้ำตายมีมากมาย แต่มีศพจมน้ำบางศพที่ไม่มีใครกล้าไปเก็บ ศพเหล่านี้ เมื่อสัมผัสกับพลังชีวิตของคน จะเกิดปฏิกิริยาเหมือนน้ำมันร้อนราดลงบนน้ำเย็น และเมื่อนำศพขึ้นมาจากน้ำแล้ว ศพจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง"
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังไม่เข้าใจ ผู้อาวุโสลัทธิเต๋าจึงอธิบายอย่างละเอียดว่า "เมื่อคนตายอย่างไม่ปกติ จะมีลมหายใจติดค้างอยู่ในลำคอ พลังงานชั่วร้ายจะไม่สามารถลงไปด้านล่างได้ ทำให้ศพลอยคว่ำหน้า"
"น้ำสามารถกักเก็บพลังงานชั่วร้ายได้ หากศพไม่ได้ถูกนำขึ้นมาจากน้ำ พลังงานชั่วร้ายและวิญญาณก็จะถูกกักไว้ในร่างกาย ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก แค่ล่อให้คนลงน้ำมาตายแทนก็พอ แต่หากพลังงานชั่วร้ายรุนแรงมาก
ก็ต้องทำพิธีปราบให้วิญญาณสลายไป"
"ศพของพ่อผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ถูกน้ำพัดไป แต่มีคนแอบนำขึ้นมาจากแม่น้ำ เพราะศพนี้กลายเป็นผีดิบแล้ว และเมื่อคนสัมผัสศพก็จะทำให้ผีดิบฟื้นคืนชีพได้อย่างแน่นอน!"
"และหมอผีปลอมคนนั้นก็ตายไปแล้ว ถือว่าเป็นการกำจัดภัยบ้านเมืองไปได้คนหนึ่ง ปกติก็แค่หลอกลวงเอาเงินเอาทองไป แต่เรื่องนี้มันร้ายแรงมาก มีคนตายแล้ว นางยังจะมาอ้างว่ารู้จักยมทูตอีก จะไปถามยมทูตทำไม หากรู้จักจริงจะมาเป็นหมอผีอยู่ทำมะเขืออะไร น่าสมเพช!"
"การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการฆ่าคนโดยไม่เจตนา นางตายไม่ผิดหรอก" จินอันเห็นด้วยกับผู้อาวุโสลัทธิเต๋าอย่างยิ่ง
มือปราบเฟิงเห็นด้วยกับความเด็ดขาดของผู้อาวุโสลัทธิเต๋าและจินอัน จึงกล่าวอย่างจริงจังว่า "ข้าทราบดีว่าคุณชายจินอันและท่านอาจขารย์เฉินมีความสามารถ"
"จึงขอร้องให้ท่านทั้งสองช่วยเหลือทางราชการอีกครั้งในการตามหาขบวนผู้ส่งของวิญญาณที่หายไป"
"ท่านทั้งสองโปรดวางใจเถิด ทางสำนักงานจะไม่ปล่อยให้ท่านทำงานโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน สำนักงานย่อมมีรางวัลตอบแทนอย่างงาม"
"หืม?"
"เยอะมั้ย?"
ผู้อาวุโสลัทธิเต๋าที่กำลังโกรธจนหน้าแดงอยู่ก่อนหน้านี้ ก็กลับมาตื่นตัวอีกครั้ง
ภาพลักษณ์ของนักพรตที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมและเป็นผู้รู้สูงส่งที่มือปราบเฟิงเพิ่งสร้างขึ้นมา ก็พังทลายลงในทันที
"!"
(จบบท)