ตอนที่แล้วบทที่ 4 ร่างกายค่อยๆ กลายเป็นเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 การปรากฏตัว

บทที่ 5 ถึงเวลาที่ฉันจะต้องลงสนามแล้ว!


บทที่ 5 ถึงเวลาที่ฉันจะต้องลงสนามแล้ว!

ดวงอาทิตย์อัสดง

ชาวเผ่าโบราณนับร้อยหมอบกราบกับพื้น มืดครึ้มไปทั่วบริเวณ ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

พวกเขาหมอบกราบกันมานานแล้ว

'ท่านปุโรหิต พระเจ้าทรงไม่พอพระทัยเครื่องสังเวยหรือเปล่า?'

หัวหน้าเผ่าเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังและแฝงความกังวลบนใบหน้าอันหยาบกร้าน

'อันนี้...' ปุโรหิตเฒ่าเหงื่อท่วมหน้า แสดงท่าทางลังเล เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าพระเจ้าจะทรงไม่พอพระทัยเครื่องสังเวยจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เขาคาดว่ามีความเป็นไปได้สูง เพราะทันทีที่ถวายเครื่องสังเวยไป แสงศักดิ์สิทธิ์บนศิลาเทพเจ้าก็หายไป

"พระเจ้าอาจจะทรงไม่พอพระทัยกับจำนวนเครื่องสังเวย" เขาคาดเดา และกล่าวเสียงแผ่วเบา จากนั้นถามต่อว่า "ยังมีเครื่องสังเวยเหลืออยู่ไหม?"

"คนจากเผ่าต่างถิ่นหมดแล้ว"

หัวหน้าเผ่าส่ายหน้าและเสนอทางเลือกด้วยท่าทางลังเล "ถ้างั้น ให้คนไปจับสัตว์ตัวเป็น ๆ มาไหม?"

ชายร่างกำยำที่หมอบอยู่ข้างหัวหน้าเผ่า เอ่ยขึ้นมาอย่างฉับพลัน "หัวหน้า ยกข้าถวายแด่พระเจ้าสิ!"

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หัวหน้าและนักบวชต่างนึกว่าหูฝาดไป ทั้งสองมองเขาด้วยความประหลาดใจ

ชาวเผ่าโบราณที่ได้ยินต่างก็หันไปมองอย่างตกตะลึง

"อย่างไรเสีย ข้าก็อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว" ชายร่างกำยำที่หน้าซีดเผือดลูบแขนซ้ายที่ด้วนของตนและยิ้มแผ่ว ๆ "หากข้าได้กลับสู่การอ้อมกอดของพระเจ้า ก็ถือว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว"

ขณะพูด เขาเริ่มหายใจหนักและถี่ขึ้นเล็กน้อย

ชายคนนั้นแขนซ้ายหักทั้งแขน แม้จะมีสมุนไพรสีเขียวพันอยู่ แต่ก็ยังมีกลิ่นเน่าของแผลโชยออกมา และยังสามารถมองเห็นเนื้อและหนอง ได้อยู่บ้าง

สายตาของหัวหน้าเผ่าแสดงถึงความสะเทือนใจ เขาจ้องมองชายผู้นั้นอย่างเวทนา

เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจนทำให้เขาแขนหักไปหัวหน้าเผ่าก็รู้ได้เลยว่า "เหมา" ไม่น่าจะอยู่รอดได้นานนัก ที่เขายังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับหัวหน้าเผ่าแล้ว

ปกติแล้ว คนในเผ่าที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ มักจะอยู่ได้ไม่นานเกินครึ่งวัน

เหมาเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงจึงยังพอฝืนทนมาได้หลายวัน แต่ดูท่าว่าร่างกายของเขาเริ่มย่ำแย่ลงแล้ว เขาจึงสัมผัสถึงความตายที่รออยู่เบื้องหน้า

หัวหน้าเผ่าสบตากับเหมา ในแววตานั้นปรากฏความอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น ที่จะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง

แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก

ศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่เคยมีแสงสว่างก็ดับวูบไป แล้วจู่ ๆ ก็กลับมาส่องประกายอีกครั้ง!

ปุโรหิตเฒ่ากับหัวหน้าเผ่าหันไปมองด้วยความตื่นเต้น

บนใบหน้าของเหมานัยย์ตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ชาวเผ่าคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ล้วนตาเบิกกว้าง ความหวาดกลัวค่อยๆ ลดลงไป

...

ทันใดนั้น วังวนสีดำก็ปรากฏขึ้นที่บริเวณศิลาศักสิทธิ์

ซูหยุนที่เห็นพื้นที่สีขาวที่ดูคุ้นเคย รู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย

ก่อนหน้านี้เขาแค่คาดเดาเท่านั้น แต่ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าลูกบอลสีดำสามารถพาเขาข้ามไปในมิติทั้งสองได้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการเผชิญกับโลกที่แปลกประหลาดนี้

“มาดูซิว่าเหล่าชาวเผ่าโบราณเป็นอย่างไรกันบ้าง”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูหยุนจึงหันมุมมองไปยังโลกภายนอก

สิ่งที่เห็นทำให้เขาตกใจไม่น้อย

ด้านนอกมีคนมากขึ้นกว่าเดิม มองไปเห็นผู้คนคุกเข่าอยู่จำนวนหนาแน่นอึมครึม เขาหายไปแค่ไม่นานแต่กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

“ดูเหมือนว่าเวลาสองโลกนี้จะแตกต่างกันจริงๆ!” ซูหยุนครุ่นคิดกับตัวเอง

แม้ว่าจะไม่ได้รู้สัดส่วนความแตกต่างของเวลาที่ชัดเจน แต่จากสิ่งที่เห็น เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าเวลาในโลกนี้เดินเร็วกว่าโลกจริงมาก

“เทพเจ้าโปรดอภัยให้ความผิดของพวกเราด้วย ครั้งหน้าเราจะถวายการเซ่นสังเวยให้มากกว่าเดิม จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอีก!”

หัวหน้าเผ่าและปุโรหิตเฒ่าเอ่ยถ้อยคำด้วยความเคารพพร้อมก้มคำนับ คนอื่นๆในเผ่า ที่คุกเข่ารอบข้างก็ก้มหน้าลงตาม

“ตาแก่คนนี้…” ซูหยุนส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ และพึมพำในใจ “

เขาคิดว่าข้าต้องการเครื่องสังเวยเพิ่มงั้นหรือ?”

จากคำพูดของปุโรหิตเฒ่า ทำให้เขาคาดเดาเหตุผลได้ไม่ยาก

ถ้าต้องบูชายัญมนุษย์อีกครั้ง? ยังไงก็คงต้องพักไว้ก่อน!

แม้เขาจะไม่รู้สึกอะไรเมื่อมีคนตายต่อหน้า แต่ก็ยังคงรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย ถ้าเลี่ยงได้ก็จะดีกว่า

"ตัวเองไม่ใช่เทพมาร ถ้าต้องรับการสังเวยมนุษย์บ่อยๆ เข้า ก็มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าในโลกอันลี้ลับแห่งนี้ เขาอาจถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเทพมารจริงๆ ก็เป็นไปได้!"

พลังแห่งศรัทธา ดูเหมือนจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พลังของเขาพัฒนา

"โอ้ เทพแห่งแสงผู้ยิ่งใหญ่ โปรดปกปักษ์คุ้มครองเรา ขอให้สัตว์ประหลาดที่กล้ามารุกรานเผ่าของท่านจงสูญสิ้นไปด้วยเถอะ"

ขณะครุ่นคิด ซูหยุนได้ยินคำพูดนี้ ทำให้คิ้วเขาขมวดเล็กน้อย

"มีบางสิ่งคุกคามชนเผ่าโบราณนี้งั้นหรือ?"

จากความทรงจำของคนที่ชื่อหินดำ เขารู้ว่าตกกลางคืนจะมีสัตว์ประหลาดออกมาในความมืดและคร่าชีวิตผู้คน ชนเผ่าโบราณนี้คงโดนพวกนั้นรังควานอยู่แน่

เมื่อคิดได้ไม่นาน ซูหยุนก็ตัดสินใจทันที

เขาได้ถือว่าผู้คนในชนเผ่านี้เป็นคนของตนแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งใดๆ มารังควานพวกเขาอีกต่อไป

ซูหยุนจ้องมองชนเผ่าโบราณที่ร้องขอความช่วยเหลือด้วยท่าทีหวั่นวิตก

"ตามที่พวกเจ้าต้องการ"

เสียงที่ไพเราะและแฝงความเย็นชาเล็กน้อยดังขึ้นจากศิลาศักดิ์สิทธิ์ เสียงนั้นแผ่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างเบาๆ ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างตกตะลึงและตาเบิกกว้าง พวกเขามองซ้ายขวา พอเห็นว่าทุกคนได้ยินเหมือนกันก็รู้ว่านี่พวกเขาไม่ได้คิดไปเอง และทุกคนต่างร้องตะโกนออกมา

"เสียงของเทพ!"

"เทพ!"

"ท่านเทพ!"

ทุกคนยืนยันอย่างมั่นใจว่านี่คือเสียงของเทพแน่นอน เสียงนั้นฟังดูไพเราะและเย็นชาเกินกว่าที่ใครในหมู่บ้านจะทำได้ ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อความในเสียงยังแสดงให้เห็นว่า 'เทพ' ตอบรับจะช่วยพวกเขากำจัดสัตว์ประหลาด!

พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายต่างๆ บางทีภายใต้การคุ้มครองของ 'เทพ' พวกเขาอาจไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่จะเข้ามาคุกคามพวกเขาอีกแล้ว

บรรดาคนในเผ่าต่างก็ตื่นเต้น มีแม้กระทั่งคนที่เคยหมดหวังจนเริ่มสงสัยในตัว 'เทพ' ก็ไม่เว้น

"เอ๊ะ?" ซูหยุนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกชนเผ่าโบราณ จู่ๆ เขาก็ร้องออกมาด้วยความสงสัย

รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขารีบส่งจิตสำนึกเข้าสู่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในตัวทันที

เมื่อเข้ามาถึง เขาก็ตกใจมากกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์

เดิมทีพื้นที่สีแดงที่ครอบครองพื้นที่ประมาณครึ่งนึง ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจนถึงประมาณ 60% ซูหยุนสัมผัสได้ว่าพลังของตนเพิ่มขึ้นราวสองในสิบส่วน ทำให้เขารู้สึกดีใจ

"แค่พื้นที่ของสีแดงเพิ่มขึ้น พลังของเราก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย!"

นอกจากนี้ ซูหยุนยังรู้สึกอีกด้วยว่า เมื่อพื้นที่สีแดงครอบคลุมทั้งหมด พลังของเขาอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หรืออาจกล่าวได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทพเจ้าที่สมบูรณ์ เพราะตอนนี้เขาเป็นเพียงเด็กน้อยในโลกของเทพ

หลังจากตรวจสอบพลังที่เพิ่มขึ้น เขาก็หันไปมองเส้นใยแห่งศรัทธา

"จำนวนเส้นเพิ่มขึ้น!"

จากเดิมที่มีเพียง 240 เส้น แต่ในตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 300 เส้น ซึ่งหมายความว่าเพียงแค่คำพูดของเขาก็ทำให้คนที่ไม่เคยเชื่อถือในตัวเขา หันมาศรัทธาเขา!

"จริงๆ แล้ว คนพวกนี้มันเรียบง่ายจริงๆ!" ซูหยุนถอนหายใจออกมา

ถ้าเป็นคนสมัยใหม่ ถ้าไม่เสนอผลประโยชน์อะไรสักหน่อย คงไม่มีทางที่พวกเขาจะเชื่อถือหรือศรัทธาได้ง่ายๆ คนสมัยใหม่มันยากจะหลอกล่อให้เชื่อจริงๆ

เมื่อเขาคำนวณจำนวนเส้นใยศรัทธาดูคร่าวๆ ซูหยุนพบว่า หากเพิ่มผู้ศรัทธาอีกสักประมาณ 200 คน สีแดงก็จะเติมเต็มพื้นที่ศักสิทธิ์ของเขาทั้งหมด และนอกจากจำนวนเส้นใยที่เพิ่มขึ้นแล้ว เขายังสังเกตว่าเส้นใยบางเส้นที่เดิมบางเล็กกลับหนาขึ้นด้วย

จากการสัมผัสได้ ซูหยุนรู้ว่าเส้นใยหนาๆ เหล่านี้ส่งพลังศรัทธาที่มีคุณภาพสูงกว่า ทำให้แม้จะไม่ได้เพิ่มขีดจำกัดของพลัง แต่ปริมาณและคุณภาพของพลังกลับเพิ่มขึ้น ช่วยให้พลังและความอึดทนทานของเขามีมากขึ้น

"น่าเสียดายที่มีเส้นหนาๆ แค่สิบกว่าเส้น!" ซูหยุนถอนหายใจ

เส้นเล็กๆ เหล่านี้แสดงถึงระดับความศรัทธาของพวกเขา หากคนทั้งสามร้อยนี้มีเส้นใหญ่ทั้งหมด พลังของฉันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!

ทันใดนั้น ไอเดียก็ผุดขึ้นในหัวของซูหยุน ดวงตาของเขาเป็นประกาย

‘ในเมื่อระดับความศรัทธาของพวกเขายังไม่พอ แล้วทำไมฉันถึงไม่หาวิธีเพิ่มมันล่ะ? พวกเขาเป็นเพียงชนเผ่าโบราณนี่ มันน่าจะง่ายมากที่จะทำให้พวกเขาศรัทธามากขึ้น’

ทันใดนั้น ความคิดหลายอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวเขา มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

เขามองดูเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่ตั้งใจ รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

ด้วยความคิดที่เกิดขึ้นในใจ เสื้อผ้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เสื้อผ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ จนในไม่ช้า เสื้อใหม่ก็ปรากฏขึ้นบนตัวเขา

นี่คือเสื้อที่มีคอเปิดที่หน้าอก คอเสื้อแน่นและตรงขึ้นถึงบริเวณแก้ม แขนเสื้อกว้างยาวตกลงมาที่ข้างมือ สวมใส่แล้วให้ความรู้สึกมีมนต์ขลังและลึกลับ

เมื่อเขามองไปที่เสื้อผ้านี้ ซูหยุนรู้สึกพอใจ

จากนั้นเขามองออกไปที่ชนเผ่าที่นั่งคุกเข่าด้านนอก และยิ้มให้กับพวกเขาเบาๆ

“เอาล่ะ ถึงเวลาที่ฉันต้องแสดงตัวแล้ว!”

(จบตอนที่ 5)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด