บทที่ 410 ซากปรักหักพังของนิกายเตาทอง(ฟรี)
บทที่ 410 ซากปรักหักพังของนิกายเตาทอง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้หยุด
ฝีเท้าและเดินต่อไปเป็นเวลานานจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าประตูหินโบราณแห่งหนึ่ง
อักษรรูนที่ซับซ้อนและล้ำลึกนับไม่ถ้วนถูกสลักไว้บนประตูหิน ปล่อยพลังออร่าอันสง่างามออกมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่ายกลอักษรรูนนี้จะปลดปล่อยพลังอันรุนแรงออกมาอย่างแน่นอนหากมีคนต้องการบุกเข้าไป
บัซ!
ในขณะนั้นเองไพ่เงินในมือของเจียงเฉิงซวนก็ยิงแสงสีแดงออกมาอีกครั้งและตกลงบนประตูหิน
แคร้ก
มีเสียงเคลื่อนไหวของเครื่องจักรดังขึ้นมาพร้อมกัน
ทันทีหลังจากนั้น อักษรรูนก็สว่างขึ้นราวกับว่าเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงาน
ครืนๆ!
ในที่สุดประตูหินก็เปิดออกด้วยเสียงดังปัง เผยให้เห็นทางเดินที่ลึกเข้าไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจียงเฉิงซวนและเซินหรู่หยานก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
ทั้งสองลังเลเพียงครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเข้าไปในทางเดินลึกนั้นด้วยกัน
ขณะที่ทั้งคู่ก้าวเข้าไปในประตูหิน ก็มีร่างหลายร่างที่มีออร่าอันทรงพลังพุ่งเข้าหาทะเลโค้งในน่านน้ำโนวาอย่างรวดเร็ว
เจ้าของออร่าเหล่านี้อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับที่สี่ของขอบเขตแก่นทองคำ
พวกเขาต่างก็สวมเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน
ในกลุ่มของพวกเขามีทั้งตระกูลเฉาจากรัฐหยู ตระกูลหลิวจากไฮ่ ตระกูลลู่จากรัฐลู่ ทั้งสามตระกูลมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือพวกเขาทั้งหมดเป็นตระกูลวิญญาณแรกกำเนิด
ตระกูลทั้งสามตระกูลนำมาโดยผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดปลอม
ออร่าของพวกเขาทรงพลังและมีพลังที่สามารถบดขยี้ขอบเขตแก่นทองคำได้อย่างง่ายดาย
ในขณะนี้
ผู้ฝึกตนของตระกูลเฉาก็ส่งเสียงพูดคุยกัน
เฉาซวนกวงกล่าวว่า "ปู่เจ็ด เรากำลังปล่อยให้ตระกูลหลิวและตระกูลลู่เอาเปรียบเราหรือป่าว?..
..ถ้าทั้งสองตระกูลร่วมมือกันโจมตีตระกูลเฉาของเราล่ะ เราจะทำอย่างไร?”
ชายวัยกลางคนชื่อเฉาซวนกวงเรียกคนที่เป็นผู้นำตระกูลเฉามาในครั้งนี้ว่าปู่เจ็ด
ชื่อของเขาคือเฉาซิ่วชุน และเขาอยู่ในขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดปลอม
เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเฉาซวนกวง เขาก็ส่ายหัวทันที
“เสี่ยวกวง เจ้าควรทราบไว้ว่าหากเราต้องการเข้าไปในซากปรักหักพังของนิกายเตาทอง เราต้องหาชิ้นส่วนไพ่เงินให้ครบ
..อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านมาหลายปีและใช้ทุกวิธีการที่มี เราสามารถค้นพบได้เพียงสามชิ้นเท่านั้น
..หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป คนอื่นอาจไปเจอซากปรักหักพังแห่งนี้ และคงไม่มีอะไรเหลือให้เราอีกแล้ว
..โดยบังเอิญ ตระกูลหลิวและตระกูลลู่ต่างก็มีชิ้นส่วนอีกตระกูลล่ะสองชิ้น เมื่อรวมกันแล้ว เราก็มีเจ็ดชิ้น ซึ่งน่าจะสามารถใช้ในการเปิดซากปรักหักพังไหลังจากเราเข้าไปในซากปรักหักพังได้…”
เฉาซิ่วชุนพูดพร้อมหัวเราะออกมา
“เมื่อถึงเวลานั้น หากเราพบสิ่งที่ดีจริงๆ เจ้าคิดว่าตระกูลหลิวและตระกูลลู่จะเต็มใจร่วมมือกันเพื่อแบ่งแยกมันจริงๆ หรือ..
..หรืออีกนัยหนึ่ง ทำไมเจ้าไม่คิดว่าตระกูลตระกูลหลิวและตระกูลลู่จะร่วมมือกับเราแทนล่ะ..?”
ขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาก็เร่งความเร็วบินข้ามท้องฟ้าราวกับแสงวาบ
ประมาณอีกหลายวันต่อมา
ผู้ฝึกตนตระกูลเฉา, หลิว และลู่ได้ปรากฏตัวที่ทะเลโค้งแล้ว
เมื่อมองดูหมอกหนาทึบที่ไม่อาจทะลุผ่านด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้
เฉาซิ่วชุนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้นำของตระกูลหลิวและลู่ อย่างหลิวหวานลี่ และลู่ซิงหยุน ซึ่งได้ไปถึงขอบเขตวิญญาณแรกกำเนิดปลอมเช่นกัน
“พี่หวานลี่ พี่ซิงหยุน ตอนนี้เราอยู่ที่นี่แล้ว หากท่านต้องการเข้าไปในซากปรักหักพังโดยไม่ต้องรอให้หมอกจางไปเอง.. เราจะต้องร่วมมือกัน”
ในขณะที่เขาพูด ชิ้นส่วนไพ่เงินสามชิ้นก็ปรากฏขึ้นในมือของเฉาซิ่วชุน
หลิวหวานลี่และลู่ซิงหยุนมองหน้ากัน
หลิวหวานลี่ยิ้มและพูดว่า
“พี่ซิ่วชุนพูดถูก”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ยื่นมือออกมาพร้อมกับพลิกมือ
มีชิ้นส่วนไพ่เงินสองชิ้นปรากฏขึ้นในมือของเขา
ในทำนองเดียวกัน ลู่ซิงหยุนยังหยิบชิ้นส่วนไพ่เงินสองชิ้นออกจากร่างกายของเขาด้วย
เมื่อชิ้นส่วนไพ่เงินทั้งเจ็ดชิ้นปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน พวกมันก็สั่นสะเทือนกันทันที
และแสงสีแดงอ่อนๆ เริ่มเปล่งออกมา..
อุณหภูมิที่ร้อนจัดเพิ่มสูงขึ้นบนพื้นผิวของไพ่เงิน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแสงสีเงินที่เปล่งออกมาจากมันหรืออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจากมัน พวกมันก็อ่อนแอกว่าไพ่เงินของเจียงเฉิงซวนอย่างมาก
ในขณะนี้ ชิ้นส่วนไพ่เงินทั้งหมดก็ลอยขึ้นมาออยู่ตรงหน้าพวกเขาและเปล่งแสงออกมา
บัซ!
ในเวลาเดียวกัน ชิ้นส่วนทั้งเจ็ดชิ้นก็สั่นสะเทือนและยิงแสงสีแดงจาง ๆ รวมกันเป็นแสงเดียวแล้วชี้ไปที่หมอกหนา
ทันใดนั้นหมอกหนาก็เริ่มจางลง
พวกเขาสามารถมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้คร่าวๆ ประมาณห้าถึงหกเมตร
เฉาซิ่วชุน, หลิวหวานลี่ และลู่ซิงหยุนมองหน้ากัน
พวกเขาพยักหน้าให้กัน
จากนั้นพวกเขาก็พาผู้ฝึกตนของตนเข้าสู่เส้นทางที่ได้เปิดเผยอย่างรวดเร็ว
แต๊ะ แต๊ะ แต๊ะ
พวกเขาเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งมาถึงประตูหิน
พื้นผิวของประตูหินถูกประทับด้วยอักษรรูนที่ซับซ้อนและล้ำลึกจำนวนนับไม่ถ้วน และมันยังปล่อยออร่าที่ทำให้ใครๆ ต่างก็เหงื่อแตกพลั่กอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกด้วย
แม้กระทั่งเฉาซิ่วชุน หลิวหวานลี่ และลู่ซิงหยุน ก็ยังรู้สึกกลัวอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับประตูหินนี้
รู้สึกราวกับว่าชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ
“มาลงมือกันเลยดีกว่า”
เฉาซิ่วชุนหยิบเศษเงินทั้งสามชิ้นที่พึ่งนำกลับคืนออกมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิวหวานลี่ และลู่ซิงหยุนก็หยิบชิ้นส่วนไพ่เงินออกจากร่างกายของพวกเขาด้วย
จากนั้นทั้งสามคนก็กระตุ้นพลังธรรมะและฉีดเข้าไปยังชิ้นส่วนไพ่เงิน
บัซ!
ชิ้นส่วนไพ่เงินทั้งเจ็ดชิ้นสั่นสะเทือนกันอีกครั้ง จากนั้นแสงสีแดงจางๆ ทั้งเจ็ดดวงก็เชื่อมต่อกันและยิงแสงสีแดงไปที่ประตูหินตรงหน้าพวกมัน
บัซ! บัซ! บัซ!
ในขณะนี้ อักษรรูนบนประตูหินทั้งหมดก็สั่นไหวด้วยแสงที่แวววาว เฉาซิ่วชุนและคนอื่นๆ ตกตะลึงมากจนพวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
แคร้ก
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงเครื่องจักรหลายเสียงดังขึ้นจากภายในประตูหิน
พร้อมกับเสียงดังโครม ประตูหินโบราณก็เปิดออกเป็นช่องว่างที่ทำให้คนผ่านได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉาซิ่วชุนและคนอื่นๆ ก็ลังเล
ไม่มีใครกล้าเข้าไปก่อน
เวลาผ่านไปทีละน้อย
ประตูหินก็เริ่มแสดงสัญญาณการปิดตัวลงอีกครั้ง….
………………….