บทที่ 1 พิธีศพ (ตอนที่ 14 - ‘คน’ ที่ร่างกายผิดรูป)
เค่อชุนลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัว มองผ่านช่องว่างระหว่างกองฟืน เห็นใครบางคนอยู่ที่นั่น
พูดว่าเป็นคนก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก
คนๆ นั้นคลานอยู่บนพื้น ร่างกายเปลือยเปล่า ขยับเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางที่น่าประหลาดใจ
และในวินาทีถัดมา เค่อชุนก็ได้ตระหนักว่า สิ่งที่แปลกประหลาดไม่ได้อยู่ที่ท่าทางของคนๆ นั้น แต่อยู่ที่ร่างกายของเขา
คนๆ นั้นดูเหมือนกับผลงานที่เทพธิดาหนี่วาสร้างคนขึ้นจากดิน แต่ดันสร้างออกมาผิดพลาด
ลำตัวเปลือยเปล่าบิดเบี้ยวผิดรูป กระดูกสันหลังยาวและแหลมคมยื่นออกมา ทำให้ผิวหนังบนหลังถูกดันจนเกือบจะฉีกขาด และบนร่างที่บิดเบี้ยวนี้มีแขน ขา และศีรษะของเขางอกออกมาในทิศทางที่ยุ่งเหยิง
เหมือนกับมีใครสักคนพยายามประกอบหุ่นคนตัวเล็ก แล้วเอากาวร้อน 502 มาติดแขนขาและศีรษะไว้ที่หลัง หน้าอก และหน้าท้อง ทุกอวัยวะถูกติดไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ
ดังนั้น คนๆ นี้ไม่สามารถเดินได้ ต้องคลานและเลื้อยเพื่อเคลื่อนไหวเท่านั้น
“เขา” ขยับตัวด้วยความลำบาก แขนขาที่บิดเบี้ยวไปอยู่บนหลังเหมือนพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวด นิ้วเท้าทั้งห้าเกร็งหด เล็บสีดำยาวโผล่และเผยให้เห็นเนื้อเน่าดำแดงใต้เล็บ
ศีรษะของเขาไม่ได้อยู่บนคอ เค่อชุนมองไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงไหน สิ่งที่อยู่ใกล้สายตาเขาที่สุดคือมือของคนนี้ หรือจะเรียกว่า นิ้วมือทั้งห้าจะถูกต้องกว่า เพราะเค่อชุนมองไม่เห็นฝ่ามือเลย เห็นแต่นิ้วที่ผอมยาวงอกออกมาจากใต้ซี่โครงเหมือนหน่อไม้ และมันก็ขยับไหวและกระตุกอย่างแผ่วเบา
เมื่อเค่อชุนเห็นคนผู้นี้ครั้งแรก เขารีบกัดลิ้นตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ แต่หลังจากกัดแล้วก็ไม่กล้าปล่อยลิ้น เพราะกลัวว่าถ้าปล่อย สิ่งที่อยู่ในกระเพาะจะพุ่งออกมาทั้งหมด
นี่คือสิ่งที่อยู่ในโลงนั้นหรือ? ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลหลี่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
แต่สถานการณ์ตรงหน้านี้ไม่อนุญาตให้เขาคิดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะหลังจากได้ยินเสียงท่อนฟืนหล่นลงไปเมื่อครู่ ร่างที่เหมือนเป็นการต่อส่วนที่ผิดพลาดนี้ก็พยายามจะขยับเข้าไปหาต้นเสียง
จะทำยังไงดี?
เค่อชุนเชื่อว่าสิ่งนี้มีพลังที่ไม่ได้น่ากลัวน้อยอย่างที่มันแสดงออกมา หากมันเข้ามาใกล้และเห็นเขากับมู่อี้หราน เกรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
แขนซีดขาวข้างหนึ่งขยับผ่านช่องว่างระหว่างกองฟืนที่อยู่ต่อหน้าเค่อชุน ระยะที่ใกล้จนเค่อชุนรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกจากผิวหนังของมัน
ความเย็นนี้ราวกับริมฝีปากของคนตายจำนวนมาก มาแตะลงบนผิวหนังของเค่อชุนอย่างเปียกชื้นและเย็นเฉียบ แทรกผ่านเนื้อหนังเข้าไปถึงไขกระดูก
ร่างกายของเค่อชุนเริ่มสั่นสะท้านเล็กน้อยโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ และดูเหมือนว่าการสั่นนี้จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เป็นเพราะสิ่งประหลาดนี้กำลังก่อกวนเขา!
เค่อชุนพยายามที่จะควบคุมร่างกาย แต่ร่างกายของเขาไม่ยอมทำตามคำสั่ง
เค่อชุนกัดลิ้นตัวเองอย่างแรง รสเค็มขมของเลือดซึมออกมาตามริมฝีปาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถหยุดความเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างและการสั่นสะท้านที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้ จนแม้แต่ริมฝีปากของเขาก็เริ่มสั่น กระทั่งถูกนิ้วเย็นของมู่อี้หรานกดเอาไว้
จากนั้นก็ถูกศอกของมู่อี้หรานกดลงไปที่ซี่โครงอย่างแผ่วเบา เพียงแค่รู้สึกถึงแรงกดนั้น ความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วร่างในทันที เกือบจะทำให้เค่อชุนกรีดร้องออกมา ถ้าไม่ถูกกดริมฝีปากไว้ เขาคงร้องไปแล้ว เหงื่อเย็นผุดขึ้นทั้งหน้าผากและฝ่ามือ และความเย็นที่เคยแทรกเข้าไปถึงกระดูกก็หายไปทันที
เค่อชุนไม่มีเวลาคิดถึงความเจ็บนี้ มองผ่านช่องว่างระหว่างกองฟืน เห็นร่างประหลาดนั้นพลิกตัวและเลื้อยผ่านไปครึ่งตัวแล้ว ในบริเวณที่มีแขนหรือขาบดบังอยู่นั้น มีขนหยาบหนายุ่งเหยิงกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
สายตาของเค่อชุนตามขนพวกนั้นไปจนถึงรากของมัน และเห็นปากแห้งแตกสีดำ
ขนงอกออกมาจากในปาก เพราะขนเหล่านั้นยุ่งเหยิงมากจนทำให้ปากนั้นต้องอ้ากว้าง เผยให้เห็นเหงือกที่เน่าเฟะและฟันที่หายไปหมด
ปากนั้นค่อยๆ พลิกลงมา ระหว่างช่องว่างของแขนหรือขาก็เผยให้เห็นสันจมูกที่ยุบแฟบ และเมื่อมันพลิกลงไปอีก เค่อชุนก็เห็นขอบตาล่างทั้งสองข้างโผล่มาในสายตา
ก่อนที่จะสบตากับดวงตาของ "คน" นั้น เค่อชุนกลับมองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป
ช่องว่างระหว่างกองฟืนถูกมู่อี้หรานใช้ด้ามขวานที่วางอยู่ข้างๆ กันปิดไว้เบาๆ การกระทำนั้นคล่องแคล่วและแม่นยำโดยไม่ส่งเสียงใดๆ เลย
เค่อชุนกลั้นหายใจ ฟังเสียงจาก "คน" ที่อยู่นอกกองฟืน
"คน" นั้นไม่ได้ออกไปจากกองฟืน เค่อชุนไม่รู้ว่า "เขา" กำลังสังเกตหรือรอคอยอะไร ร่างกายที่บิดเบี้ยวของ "เขา" ส่งเสียงที่เกิดจากการขยับเสียดสีกันของผิวหนัง เสียงนั้นแห้งและสากเหมือนกับผิวหนังของคนที่เป็นโรคคันรุนแรง ที่เมื่อถูผิวก็จะมีเศษผิวหลุดลุ่ยร่วงลงมาเหมือนเกล็ดปลา
เค่อชุนฟังแล้วรู้สึกขนลุกคันยุบยิบไปทั้งตัว
ผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่แค่ความรู้สึกจิตใจ เขากำลังคันจริงๆ ทั้งตัว
ความรู้สึกคันนี้ไม่ใช่ความคันที่อ่อนนุ่มหรือทนได้ แต่มันเป็นความคันที่เหมือนมีหนามแหลมเล็กๆ งอกอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เค่อชุนรู้สึกเจ็บและคันในเวลาเดียวกัน
ความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งคันนี้ทำให้เค่อชุนทนแทบไม่ไหว อยากจะฉีกผิวหนังของตัวเองออก แล้วใช้เล็บที่ยาวแหลมของตัวเองขูดเนื้อจนเละไปเลย
เค่อชุนพยายามอดทน เขากำหมัดแน่น เอาเล็บจิกลงไปในฝ่ามือ หวังจะลดความคันลงบ้าง เขากัดริมฝีปากแน่นแทบจะกัดเนื้อที่คันนั้นออกมาเคี้ยว
แต่ก็ไม่ได้ผล ความคันที่ทั่วร่างกลับยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ เค่อชุนทนจนดวงตาแทบจะระเบิดออก ความคิดที่จะตายในทันทีผุดขึ้นมาในหัว
โหดเหี้ยมจริงๆ
เจ้าสิ่งประหลาดนี้มันโหดกว่าการลงมือฆ่าคนด้วยตัวเองเสียอีก
เค่อชุนรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวแล้ว เสียงหนึ่งในความคิดของเขากำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดว่า
ไม่ไหวแล้ว จริงๆ
ฉันทนไม่ไหวแล้ว
อยากตาย
ฉันอยากตาย!
ความคิดของเค่อชุนบอกเขาว่า เขาอยากจะตายในวินาทีต่อไป เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
เส้นประสาทสุดท้ายที่ต่อต้านในความคิดของเค่อชุนถูกตัดขาด เขาสูญเสียสติทั้งหมด กำลังจะกระโดดขึ้นและวิ่งพุ่งไปชนกำแพงเพื่อจบชีวิตของตัวเองให้ได้ แต่ในขณะนั้นเขาก็รู้สึกว่ามู่อี้หรานใช้นิ้วกดเข้าที่หลอดเลือดใหญ่ที่ลำคออย่างแรง และในวินาทีต่อมา เค่อชุนก็หมดสติไป
...
...
...
เมื่อเค่อชุนลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาเห็นมู่อี้หรานยืนอยู่ข้างๆ มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
ครึ่งก้นของเขายังคงเจ็บจากการโดนเตะ
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว แสงสีเทาหลายสายส่องผ่านช่องว่างของหน้าต่างไม้ สาดลงบนใบหน้าที่งดงามประณีตของมู่อี้หราน
“ฟ้าสว่างแล้วเหรอ?” เค่อชุนตกใจ กระโดดขึ้นจากพื้น “แล้วตัวประหลาดนั่นล่ะ?”
มู่อี้หรานไม่ได้ตอบเขา แต่หันหลังเดินออกไป
เค่อชุนนึกถึงเว่ยตง วิ่งพุ่งออกไปในทันที ทิ้งมู่อี้หรานไว้ข้างหลัง แล้วตรงไปที่ห้องวิญญาณ
ที่หน้าประตูห้องวิญญาณ มนุษย์กระดาษเด็กชายหญิงยังคงยืนอยู่คนละข้าง ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขมองผู้ที่มาถึง
เค่อชุนยกเท้าเตะประตูห้องเปิดออกเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาแทบจะสิ้นสติ...
บนพื้นมีศพไร้ศีรษะสองร่างนอนอยู่
หนึ่งในนั้นแค่ดูจากรูปร่างเขาก็รู้ว่าเป็นเว่ยตง!
“ตงตง...”
เค่อชุนส่งเสียงร้องออกมาด้วยความลำบาก จิตใจและอารมณ์ทั้งหมดของเขาพังทลายในชั่วขณะนั้น เขาไม่แม้แต่จะจำได้ว่าตัวเองพุ่งเข้าไปอย่างไร เขาไม่อยากเชื่อ ไม่เชื่อว่าศพที่ตายอย่างน่าสยดสยองตรงหน้าคือเพื่อนรักที่เขาโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เขาไม่รู้จะยอมรับผลนี้อย่างไร หัวอกเหมือนโดนค้อนยักษ์กระแทกจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ
“...เฮ้ย...นายทับฉันจะตายอยู่แล้ว...ลุกไป...”
เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นจากซากศพของเว่ยตง
เค่อชุนชะงักอยู่กับที่ แล้วเห็นหัวของเว่ยตงค่อยๆ โผล่ออกมาจากคอเสื้อของ "ศพ" ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“...ลุกไปสิ! ไปคร่ำครวญหาที่อื่น!”
“...ตงตง นาย...เป็นคนหรือผี?” เค่อชุนมองเขาด้วยความไม่แน่ใจ
“ไสหัวไป นายสิเป็นผี เลิกสาปแช่งฉันได้แล้ว!” เว่ยตงถูอกที่ถูกเค่อชุนทับจนเจ็บ แล้วเป่าลมหายใจออกมาที่หน้าเค่อชุนอย่างแรง
“เห็นไหม ฉันยังมีลมหายใจ ฉันยังมีชีวิต!”
“...”
เค่อชุนมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดหน้าตัวเอง เพื่อกลบเกลื่อนเสียงสั่นๆ ของตัวเอง
“ปากเหม็นแบบนี้นะ จะทำให้ผีตื่นขึ้นมาเลยบอกไว้ก่อน...”
“ฉันไม่ได้จะจูบกับนายนี่ นายจะมาห่วงทำไม” เว่ยตงหายใจเข้าลึกแล้วมองไปเห็นมู่อี้หรานที่ยืนอยู่ตรงประตู ก็รีบกระโดดขึ้นไปหาเขา
“เจ้านาย! คุณคือผู้มีพระคุณของผม! ผมทำตามที่คุณบอก ซ่อนหัวไว้จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น! ผมรอดมาได้! ผมรอดแล้ว! ฮ่าฮ่า! ผู้มีพระคุณของผม!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เค่อชุนตามไปถาม
เว่ยตงเล่าเรื่องที่มู่อี้หรานบอกเขาเมื่อคืน และชี้ไปที่ศพไร้หัวอีกศพหนึ่งบนพื้น
“จากนั้นฉันก็บอกหลิวอวี่เฟย เมื่อเขาได้ยินว่าเป็นวิธีที่เจ้านายบอก เขาก็ไม่บ้าคลั่ง ไม่ร้องโวยวายอีก เราสองคนก็ทำตาม ผลคือมันได้ผลจริงๆ!”
หลิวอวี่เฟยลุกขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ แล้วจ้องไปที่มู่อี้หราน
“ถ้างั้น นายก็ค้นพบวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้แล้วใช่ไหม?”
“จะแก้ไขได้หรือไม่ ต้องรอไปถามผู้เฒ่าก่อนถึงจะรู้” มู่อี้หรานทิ้งประโยคไว้สั้นๆ แล้วหันหลังเดินออกจากห้องวิญญาณ
เค่อชุนเดินตามไปพลางหันหน้ามาพูดกับเขา “ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตตงตง และช่วยฉันด้วย”
มู่อี้หรานตอบอย่างเย็นชา “ไม่ต้องขอบคุณ ฉันแค่ลองดูเท่านั้น”
เค่อชุนยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก แล้วเดินไปที่บ้านของชายชราพร้อมกัน
มู่อี้หราน เค่อชุน เว่ยตง และหลิวอวี่เฟย ทั้งสี่คนมาถึงก่อน เมื่อเข้าไปในบ้านได้ไม่นาน หมอกับเจ้าของร้านแพนเค้กก็เข้ามา
สีหน้าของเจ้าของร้านแพนเค้กดูแย่กว่าเมื่อวาน ทั้งตัวหมดเรี่ยวแรง สีหน้าเป็นสีเทาหม่น พอเข้ามาในห้องก็นั่งแปะลงบนเก้าอี้ ไม่พูดอะไรแล้วก็จ้องมองไปในอากาศ
“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?” หมอมองไปที่เว่ยตงและหลิวอวี่เฟย แปลกใจมากที่ทั้งสองคนรอดมาได้
ยังไม่ทันที่เว่ยตงจะตอบ ประตูก็เปิดออก คนที่เข้ามาคือสองคนที่เมื่อคืนรับหน้าที่ขุดหลุมศพ
ทุกคนหันมาสบตากัน แล้วก็ชะงักไปในทันที
แปดคน...
หลังจากคืนนั้น แปดคนที่รอดชีวิตยังคงอยู่ครบทุกคน
ตามกฎการเติมเต็มของภาพวาด ตอนนี้ ทั้งแปดคนต้องทำการลงคะแนนเสียง
พวกเขาต้องเลือกคนหนึ่งที่จะถูกฆ่าตาย!
.
(จบตอน)