ตอนที่ 696 นี่มันคนโหดมาจากไหนกัน?
หา?!?!
เย่เฉิน ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำพูดของ เสวี่ย ไฉคัง
นี่หมอนี่พูดจาบ้าบออะไร?
แบบนี้เขาก็โดนลูกหลงไปด้วยน่ะสิ?
“ไม่มีทาง”
ว่าน จวิ้นอิง รีบปฏิเสธทันที ถึงตัวเขาไม่แคร์ แต่เมื่อมี พี่เฉิน อยู่ด้วย จะให้เป็นแบบนี้ไม่ได้แน่นอน
“ใช่แล้ว นี่เป็นเรื่องพนันของพวกเรา อย่ามาเอาคนอื่นมาเกี่ยว”
เถียน ปั๋วเฟิง เองก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมีน้ำใจ
เมื่อเห็นทั้งสองคนค้านหนักแน่นแบบนี้ เสวี่ย ไฉคัง ที่ในใจเริ่มหวั่นไหวอยู่แล้ว ก็ไม่ได้ยืนกรานต่อ
“ก็ได้.. คราวหน้า ฉันจะทำให้พวกนั้นต้องเรียกฉันว่า ‘พ่อ’ ให้ได้”
เขาพูดปิดท้ายเหมือนให้ตัวเองมีทางลง
“ว่าไงล่ะ พวกนายจะยอมเรียกเราว่า ‘พ่อ’ หรือจะเล่นต่ออีกเกมดี?”
เสวี่ย ไฉคัง หันไปถาม เถียน ปั๋วเฟิง และทีมของเขา
คำถามนี้ทำเอา เถียน ปั๋วเฟิง กับเพื่อนต้องก้มหน้าคิดหนัก
ให้เรียกว่า ‘พ่อ’ น่ะเหรอ? แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากทำแบบนั้น
ถ้า เสวี่ย ไฉคัง ชนะด้วยฝีมือ และความสามารถจริงๆ พวกเขาก็คงยอมรับในฐานะลูกผู้ชาย
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายโกงแบบนี้ พวกเขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร?
จะยอมแพ้ก็ไม่ได้ จะเล่นต่อก็ไม่มีหวัง พวกเขาเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อนแล้ว
แม้แต่ ว่าน จวิ้นอิง เองก็เริ่มกระวนกระวายใจแทน
“ให้ผมลองดู”
ในจังหวะสำคัญ เสียงเรียบๆ ของ เย่เฉิน ก็ดังขึ้น
ทันใดนั้น ทุกสายตาต่างหันไปมองที่เขา
“ผมมั่นใจว่าจะชนะพวกนั้นได้”
เย่เฉิน พูดกับ เถียน ปั๋วเฟิง และเพื่อนๆ เพราะนี่คือเกมที่บริษัทเขาออกแบบมาเอง
เพื่อนของ ว่าน จวิ้นอิง ก็ถือว่าเป็นเพื่อนของเขาครึ่งหนึ่ง และเสวี่ย ไฉคัง กล้าพูดถึงเขาแบบนั้น ต่อให้ไม่ได้บังคับ
แต่..เพียงแค่คิดก็ต้องโดนบทเรียนบ้าง
เถียน ปั๋วเฟิง ลังเลเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอ เย่เฉิน
เกมต่อไปเป็นเกมที่ชี้ชะตา พวกเขาแพ้ไปแล้วหนึ่งเกม ถ้าแพ้อีกก็..จบเห่เลย
“พี่เฉิน พี่มั่นใจใช่ไหม?”
ว่าน จวิ้นอิง ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มั่นใจ”
เย่เฉิน ตอบกลับอย่างหนักแน่น
“เหล่าเถียน ให้ พี่เฉิน ลองดู ฉันรับรองให้เอง”
ว่าน จวิ้นอิง พูดด้วยสายตาที่แน่วแน่ ซึ่งเขามั่นใจเต็มเปี่ยม
“ก็ได้… เสี่ยวหยาง นายพักก่อนแล้วกัน”
เมื่อเห็น ว่าน จวิ้นอิง ยืนยันหนักแน่น เถียน ปั๋วเฟิง ก็ยอมให้ เย่เฉิน เข้าร่วม
ในเมื่อยังไงก็เหมือนแพ้แล้ว จะลองเปลี่ยนตัวสักคนก็ไม่เสียหายอะไร
แต่ในใจของ เถียน ปั๋วเฟิง ไม่ได้คาดหวังอะไรจาก เย่เฉิน มากนัก
ถึงแม้ เย่เฉิน จะเป็นผู้เล่นเกมฝีมือดี แต่จะสู้กับพวกที่โกงได้จริงเหรอ?
หากมีคนโกงเพียงคนเดียว อาจมีความหวัง.. แต่ เสวี่ย ไฉคัง กับพวกทั้งสามคนโกง ซึ่งเป็นไปได้ไหมที่จะจัดการกับคนโกงทั้งสามได้?
เฮอะๆ.. โอกาสในการชนะแทบเป็นศูนย์เลย
“ว่าไงนะ นายมั่นใจว่าจะชนะเราเหรอ?”
“พูดอะไรไม่คิดบ้างเลย ฮ่าๆๆ”
“โม้ซะวัวบินได้เลยนะ”
พวกเขาหัวเราะเยาะเย้ย เย่เฉิน กันยกใหญ่
พวกเขาใช้เงินก้อนโตซื้อโปรแกรมโกงที่ดูแนบเนียนมาก คนธรรมดาไม่มีทางเอาชนะได้
และนี่ไม่ใช่ว่าคุยโวหรือไง?
ในที่นี้ บางที ว่าน จวิ้นอิง อาจเป็นคนเดียวที่เชื่อในตัว เย่เฉิน
ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย เย่เฉิน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
เกม ‘Doomsday is Coming’ ถูกติดตั้งไว้อยู่แล้ว และเขาเริ่มเล่นเกมนี้ตั้งแต่ช่วงพัฒนา
ไม่นาน เกมรอบใหม่ก็เริ่มขึ้น
เป็นการแข่งขันแบบ 3v3 เหมือนเดิม
แต่เพราะต้องเผชิญหน้ากับคนที่โกง เถียน ปั๋วเฟิง กับเพื่อนสองคนที่เหลือแทบหมดไฟในการต่อสู้
เพียงไม่นาน พวกเขาก็พ่ายแพ้ เพราะไม่มีทางสู้กับอีกฝ่ายที่ใช้โปรแกรมโกงได้เลย
ในขณะที่พวกเขากำลังจะหมดหวัง เย่เฉิน กลับผงาดขึ้นมา
เย่เฉิน 1v3 ไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย!
เมื่อเห็นฉากนี้ เถียน ปั๋วเฟิง กับเพื่อนถึงกับตาค้าง
“โว้วโว้วโว้ว!”
‘ไอ้บ้าเอ๊ย! ‘พี่เฉิน’ ที่หมอนั่นพามานี่มันสุดยอดขนาดนี้เลยเหรอ?!’
เย่เฉิน สามารถต่อกรกับสามคนที่ใช้โปรแกรมโกงได้แบบไม่ตกเป็นรอง นี่มันเกินความเข้าใจไปแล้ว
แม้แต่ เสวี่ย ไฉคัง และเพื่อนอีกสองคนก็ยังมอง เย่เฉิน ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาโกงอยู่แท้ๆ
ทำไมถึงสู้คนธรรมดาคนเดียวไม่ได้?!
นี่มันแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว!
นี่…
ความไม่เชื่อเริ่มกลายเป็นความไม่พอใจ เสวี่ย ไฉคัง และพวกเพิ่มการโจมตีใส่ เย่เฉิน อย่างดุเดือด
แต่ไม่ว่าจะโจมตีหนักแค่ไหน เย่เฉิน ก็รับมือได้อย่างง่ายดาย
และไม่นานนัก รูปเกมก็เริ่มเปลี่ยน เย่เฉิน ไม่เพียงแค่ยันเสมอ แต่ยังเริ่มไล่ตีอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วง!
ตอนนี้ เถียน ปั๋วเฟิง กับเพื่อนกลายเป็นผู้ชมไปโดยปริยาย
ส่วน เสวี่ย ไฉคัง กับพวกที่ใช้โปรแกรมโกง กลับถูกไล่ต้อนจนต้องวิ่งหนีตายกันอย่างเละเทะไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งสามคนตกตะลึงทันที
นี่มันคนโหดมาจากไหน?!
ทำไมถึงเก่งขนาดนี้?!”
สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย..
พวกเขาตกใจจนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
สองนาทีต่อมา การต่อสู้ก็จบลง
เย่เฉิน 1v3 เอาชนะได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะนาทีสุดท้ายที่เขาเล่นเหมือนไล่ตบเด็ก
“โว้ว! โว้ว! โว้ว! พี่เฉิน โคตรเทพ!”
ว่าน จวิ้นอิง ตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“พี่เฉิน สมกับเป็นพี่เฉิน เก่งเวอร์!”
เถียน ปั๋วเฟิง และเพื่อนที่เหลือก็มองหน้ากันอย่างงุนงง
“เอ่อ...พวกเราทำอะไรไปในเกมนี้บ้างไหม?”
“ดูเหมือนจากผู้เล่นเราจะกลายเป็นผู้ชมซะแล้ว…”
ส่วน เสวี่ย ไฉคัง และพวกยืนนิ่งอึ้ง มองโทรศัพท์ในมือเหมือนมันเป็นของแปลก
“แพ้เหรอ?”
“เราแพ้จริงๆ เหรอ?”
พวกเขาโดน เย่เฉิน เล่นงานจนหัวหมุน ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และควรทำอะไร พวกเขามอง เย่เฉิน ด้วยสายตาหวาดกลัว
นี่คนจริงๆ ใช่ไหม?!
เย่เฉิน หันไปมองพวกเขาอย่างใจเย็น
“รอบต่อไปเลยไหม?”
เมื่อเห็น เสวี่ย ไฉคัง และพวกมองมาที่เขา เย่เฉิน จึงพูดขึ้น
ตอนนี้คะแนนเสมอกัน 1 ต่อ 1 แล้วไม่ใช่เหรอ?
คำพูดของ เย่เฉิน ทำให้ เสวี่ย ไฉคัง และพวกเริ่มลังเล
ถ้าเล่นต่อแล้วแพ้ จะโดนหัวเราะเยาะแน่นอน
คนที่ควรจะโกงกลับแพ้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
“อะไร? ไม่กล้าสู้ต่อแล้วเหรอ?”
“หรือจะยอมแพ้? นี่เรียกว่าขี้ขลาดเลยนะ?”
คราวนี้ เถียน ปั๋วเฟิง ลุกขึ้นมาพูดอย่างสะใจขึ้นบ้าง
“เอาวะ! สู้ก็สู้ ก็แค่เล่นอีกเกมน่า!”
เสวี่ย ไฉคัง กัดฟันกรอด ตัดสินใจเชื่อมั่นในโปรแกรมโกงของตัวเองอีกครั้ง
การต่อสู้รอบที่สามจึงเริ่มขึ้น..
เถียน ปั๋วเฟิง และเพื่อนฮึดสู้เต็มที่ แม้พยายามอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะการโกงได้
ส่วน เย่เฉิน โชว์ฟอร์มโหดกว่าเดิม เขา 1v3 แบบไล่ต้อนคู่ต่อสู้อย่างดุดันยิ่งกว่าเกมก่อน
ไม่นานหลังจากนั้น เกมก็จบลง…
เย่เฉิน จัดการ เสวี่ย ไฉคัง และพวกจนพ่ายแพ้ยับเยินแบบหมดรูป
เสวี่ย ไฉคัง และพวกจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของพวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า รู้สึกสับสนอยู่ข้างใน
แพ้แล้ว แพ้แล้วจริงๆ
อะไรกันวะเนี่ย!?
“พี่เฉิน สุดยอด! สองรอบสุดท้ายกลับมาเอาชนะได้แบบงดงาม!”
ว่าน จวิ้นอิง ตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ
“พี่เฉิน สุดยอดมาก!”
“พี่เฉิน ผมขอคารวะเลย!”
เถียน ปั๋วเฟิง และเพื่อนร่วมทีมตะโกนออกมาด้วยความชื่นชม พวกเขามอง เย่เฉิน ด้วยสายตาเหมือนเด็กน้อยมองฮีโร่
เกมจบแล้ว เย่เฉิน จึงวางโทรศัพท์ลงอย่างเรียบเฉยก่อนจะค่อยๆ หันไปมอง เสวี่ย ไฉคัง และพวก
“เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความกดดันอย่างมาก...