ตอนที่แล้วก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 49 มดปลวก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 51 ไม่ยุติธรรม

ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 50 จินหยวนเจิ้งผู้โง่เขลา


ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 50 จินหยวนเจิ้งผู้โง่เขลา

และบังเอิญยิ่งนัก

กล่าวขานกันว่าผู้ยิ่งใหญ่ซวนผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าศาลาแห่งศาลาสังหารโลหิตผู้ลึกลับ บางทีอาจจะสามารถใช้โอกาสนี้พบเจอกับเจ้าศาลา หรือได้รับข่าวสารบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าศาลาก็เป็นได้

จินหยวนเจิ้งพยักหน้าในทันที “ขอรับ”

ไม่นานนัก จินหยวนเจิ้งก็ถูกมือสังหารผู้นั้นพาไปยังตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

ภายในใจของจินหยวนเจิ้งเต็มไปด้วยความสงสัย

หรือว่าจะต้องพบเจอกับผู้ยิ่งใหญ่ซวนผู้ลึกลับ ณ ที่แห่งนี้?

ในไม่ช้า ภาพเหตุการณ์ต่อไปนี้ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง

มือสังหารผู้นั้นหยิบเหรียญตราสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอกที่เอวออกมา

“มหาสหัสโลกธาตุ ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ ศาลาสังหารโลหิตคือผู้กำหนดกฎเกณฑ์ ประตูหยินหยางไร้ขอบเขต เปิด!”

แสงโลหิตหนึ่งสายพุ่งออกมาจากเหรียญตราสังหาร

เบื้องหน้าปรากฏระลอกคลื่นขึ้นในความว่างเปล่า

“เชิญ”

ด้วยความตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้ จินหยวนเจิ้งจึงเดินตามมือสังหารผู้นั้นเข้าไป

หลังจากเข้าไปในศาลามารกำราบคุก ร่างกายของจินหยวนเจิ้งก็เริ่มสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

นี่มันอะไรกัน?

โลกที่เดิมทีมีแสงอาทิตย์เจิดจ้า กลับแปรเปลี่ยนไปในพริบตา

กลายเป็นโลกใบเล็ก ๆ ที่มีท้องฟ้าแจ่มใส

โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลาที่สูงเสียดฟ้า เบื้องหน้าของเขา!

โลกนี้จะมีสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงคำพูดบางคำที่เขาเคยเห็นในตำราโบราณเล่มหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน

ผู้แข็งแกร่งสามารถสร้างอาณาเขตลับขนาดเล็กได้ หรือว่าศาลาสังหารโลหิตจะมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่?

ด้วยความตกใจ จินหยวนเจิ้งเดินเข้าไปในศาลามารกำราบคุก

ซวนหลวนเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เบื้องหน้ามีโต๊ะรับรองขนาดใหญ่วางอยู่

บนโต๊ะมีเอกสารและงานราชการมากมาย

นอกจากนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่

มือสังหารและจินหยวนเจิ้ง เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงสองชนิดในศาลาแห่งนี้นอกจากซวนหลวนเทียน

“เจ้าคือจินหยวนเจิ้งหรือ?”

ซวนหลวนเทียนเห็นผู้มาใหม่จึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

“เรียนท่านผู้ยิ่งใหญ่ซวน ขอรับ ข้าเอง”

จินหยวนเจิ้งรีบรู้สึกตัว ป้องมือคารวะด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ซวนหลวนเทียนมองไปยังอีกฝ่าย กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเช่นไร?”

เมื่อได้ยินคำถามแปลก ๆ เช่นนี้

จินหยวนเจิ้งก็มีสีหน้าสับสน

จากนั้นจึงตอบกลับ “ข้าคิดว่าตัวเองยังพอใช้ได้”

“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าสำหรับศาลาสังหารโลหิตของพวกเรา เจ้าเป็นเช่นไร?”

จินหยวนเจิ้งกล่าวโดยไม่รู้ตัว “สิ่งใดหรือ?”

ซวนหลวนเทียนหัวเราะเบา ๆ “สำหรับศาลาสังหารโลหิตของพวกเรา คนเช่นเจ้าก็เหมือนกับหมากที่สามารถเขี่ยทิ้งได้ทุกเมื่อ”

“แต่ตอนนี้ หมากกลับคิดที่จะทำร้ายผู้เล่น เจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันหรือ?”

สีหน้าของจินหยวนเจิ้งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว!

ชายชุดยาวที่สวมแว่นตาข้างเดียวผู้นี้ มองเห็นความคิดในใจของเขาอย่างชัดเจน

ในขณะที่เขากำลังจะหลบหนี

กลับพบว่าร่างกายไม่สามารถขยับได้ ราวกับถูกสาป

“เกิดอะไรขึ้น?”

จินหยวนเจิ้งหวาดกลัวอย่างยิ่ง

“ข้าให้โอกาสเจ้ากล่าวคำพูดสุดท้าย ในฐานะที่เป็นเพียงมดปลวก ก็ควรที่จะรู้จักที่ต่ำที่สูง อย่าได้คิดที่จะต่อกรกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า”

ทันใดนั้น จินหยวนเจิ้งก็รู้สึกถึงฝ่ามือหนึ่งวางอยู่บนหน้าผากของตนเอง

ดวงตาของจินหยวนเจิ้งเหลือบมองไปด้านหลังเล็กน้อย

ผู้ที่ลงมือคือมือสังหารแห่งศาลาสังหารโลหิตที่พาเขามายังที่แห่งนี้!

“เจ้… เจ้า… รู้ได้อย่างไร……”

จินหยวนเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

ซวนหลวนเทียนได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าศาลาสังหารโลหิตจะมีสายลับเพียงแค่ในราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนหรือ?”

รูม่านตาของจินหยวนเจิ้งหดเล็กลง

“ข้าจะรับความทรงจำของเจ้าเอาไว้”

น้ำเสียงที่น่ากลัวดังขึ้นจากปากของมือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอกผู้นั้น

“ม… ไม่… อย่า… รอ…”

ดวงตาทั้งสองข้างของจินหยวนเจิ้งเบิกกว้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

“อ๊า!!!”

ไม่กี่นาทีให้หลัง

บนพื้นดินก็ปรากฏศพที่ดวงตาเบิกกว้างขึ้น

เจ้าของศพคือจินหยวนเจิ้งอย่างไม่ต้องสงสัย

“เรียนท่านผู้ยิ่งใหญ่ซวน ตอนที่ข้ากำลังดูดซับความทรงจำของเขา ข้าพบว่าราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยมีความสัมพันธ์กับสำนักร้อยลี้”

“โอ้? สำนักนิกายระดับหก สำนักร้อยลี้หรือ… ดูเหมือนว่าข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้เจ้าศาลาทราบแล้ว”

ซวนหลวนเทียนกล่าวพึมพำ

……

พระราชวังเหยียนสุ่ย

“ช่างเหลือเชื่อ สวี่หยาเซิงผู้นี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก กล้าสังหารทูตที่เราส่งไป คิดว่าเราไม่กล้าทำลายล้างราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนหรือ?”

ฟู่มู่โจวโยนถ้วยในมือลงบนพื้นอย่างแรง

เหล่าขุนนางเบื้องล่างต่างก็หวาดกลัว

ไม่นานมานี้ พวกเขาได้รับข่าวสารหนึ่ง

บนกำแพงเมืองลัวลี่มีศพที่ร่างกายแหลกเหลวถูกแขวนเอาไว้

แม้ว่าจะมองเห็นเพียงแค่เสื้อผ้า แต่ก็ยังคงสามารถเดาได้ว่าเป็นหยางเว่ยที่ขาดการติดต่อกับราชสำนักเมื่อหลายวันก่อน

“รายงาน!”

เสียงที่ร้อนรนดังขึ้นจากด้านนอก

“มีเรื่องอันใด?”

ฟู่มู่โจวขมวดคิ้ว

ช่วงนี้เขากำลังวุ่นวายกับเรื่องของราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนและศาลาสังหารโลหิต

“กองทัพชายแดนของพวกเราพบศีรษะมากมายถูกแขวนอยู่บนกำแพงเมืองชายแดนของราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน”

“ในบรรดานั้น……”

ฟู่มู่โจวตะโกน “ในบรรดานั้นมีอันใด!”

“พ… พวกเราเห็นศีรษะของท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านแม่ทัพอู๋ และยอดฝีมือระดับบำรุงจิตคนอื่น ๆ……”

“เจ้าพูดอีกครั้ง!”

ฟู่มู่โจวลุกขึ้นยืน ไม่สนใจภาพลักษณ์ กล่าวด้วยความโกรธ

“พ… พวกเราเห็นศีรษะของท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านแม่ทัพอู๋ และยอดฝีมือระดับบำรุงจิตคนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังคงมี……”

ยังไม่ทันกล่าวจบ

กลิ่นอายระดับบำรุงจิตหกชั้นฟ้าก็พุ่งออกมาจากร่างกายของฟู่มู่โจว!

พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ น่าเกรงขามยิ่งนัก!

“สารเลว!!!”

เสียงคำรามของฟู่มู่โจวดังก้องไปทั่ว รัศมีพันเมตร ราวกับราชสีห์กำลังคำราม

ฟู่มู่โจวที่ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ใช้นิ้วชี้ไปยังขุนนางคนหนึ่ง

“มิใช่เจ้าที่กล่าวกับเราว่าตอนนี้ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนกำลังอ่อนแอลง เหมาะแก่การโจมตีหรือ? แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น”

ขุนนางที่ถูกชี้ตัวนั้นหวาดกลัวจนแทบปัสสาวะราด

กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพลางโขกศีรษะกับพื้น “เรียนฝ่าบาท แม้ว่าระดับตบะของข้าจะเป็นเพียงระดับเคลื่อนวิญญาณ แต่วิชาพยากรณ์ของข้ามิได้ด้อยไปกว่าผู้ใดในราชวงศ์ ข้าสามารถยืนยันได้ว่าราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนอ่อนแอลงอย่างมาก”

“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี……ข้า… ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึง……”

เขายังไม่ทันกล่าวจบ ดวงตาทั้งสองข้างก็พลันมืดมิด

ศีรษะของเขาหลุดออกจากบ่า กลิ้งไปบนพื้น

ฟู่มู่โจวที่ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยจิตสังหาร กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เรา… ไม่ชอบฟังคำพูดไร้สาระ”

ดูเหมือนว่าการสังหารคนหนึ่งคน ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นเล็กน้อย

ฟู่มู่โจวนั่งลงบนบัลลังก์มังกรอย่างช้า ๆ

4.7 3 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด