ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 49 มดปลวก
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 49 มดปลวก
สิ้นเสียง
ประตูก็ถูกผลักเปิดออกอย่างกะทันหัน
ชายหนุ่มรูปงามสวมชุดขาวเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า
ชายหนุ่มผู้นี้มีออร่าลึกลับแผ่กระจายออกมาจากทั่วทั้งร่าง
หยางเว่ยเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจเยี่ยหมิง คิ้วขมวดมุ่น หันไปทางสวี่หยาเซิง “ท่านสวี่ นี่หรือกฎของราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนของพวกท่าน ปล่อยให้ผู้ใดก็ไม่รู้เข้ามาได้”
ทว่าสวี่หยาเซิงกลับไม่สนใจคำพูดของหยางเว่ย
ซวนหลวนเทียนและสวี่หยาเซิงป้องมือคารวะเยี่ยหมิง “ขอคารวะท่านเจ้าศาลา”
ได้ยินเช่นนั้น หยางเว่ยตกตะลึง!
เขาย่อมรู้ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ควบคุมราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนคือศาลาสังหารโลหิต
เขาได้เตรียมคำพูดต่อไปเอาไว้แล้ว
เพียงแค่สวี่หยาเซิงยอมเข้าร่วมราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยก็จะช่วยเขากวาดล้างศาลาสังหารโลหิต ปลดปล่อยตนเองจากการเป็นหุ่นเชิด
แต่ไม่คิดว่าเจ้าของศาลาสังหารโลหิตจะปรากฏตัวขึ้น
ในขณะเดียวกัน หยางเว่ยเห็นเยี่ยหมิงก็ตกตะลึง
เจ้าศาลาแห่งศาลาสังหารโลหิตผู้นี้ ในตำนานกล่าวขานว่าลึกลับยากหยั่งถึง มีระดับตบะอันล้ำลึก
กลับเป็นชายหนุ่มที่มีอายุน้อยกว่าเขา!
ไม่นานนัก หยางเว่ยก็สงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว
มองไปยังเยี่ยหมิง กล่าวว่า “ฝ่าบาทเคยกล่าวไว้ หากท่านผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้ยอมเข้าร่วมราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ฝ่าบาทจะไม่หวงสิ่งใด”
เยี่ยหมิงกล่าวกับตนเอง “แปลกยิ่งนัก เหตุใดจึงมีเสียงยุงอยู่ข้าง ๆ”
หยางเว่ยแม้ว่าภายในใจจะโกรธแค้น แต่ก็ยังคงอดกลั้นเอาไว้
ชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้าผู้นี้ มีผู้แข็งแกร่งระดับบำรุงจิตคอยรับใช้ หากสามารถดึงเขามาเข้าร่วมราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยได้
ราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยก็จะมีผู้แข็งแกร่งระดับบำรุงจิตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
ความดีความชอบนี้มากพอที่จะทำให้เขาร่ำรวยและมีอำนาจ
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่คิดทบทวนอีกครั้งหรือไม่ หากท่านยอมนำศาลาสังหารโลหิตรวมเข้ากับราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยของข้า ไม่นานก็จะสามารถยึดครองอีกสองราชวงศ์ได้”
เยี่ยหมิงพึมพำ “รวมเข้า?”
“ใช่แล้ว”
หยางเว่ยคิดว่าเยี่ยหมิงเริ่มหวั่นไหว จึงพยักหน้า
“ราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยของพวกเจ้าคือสิ่งใด แม้แต่ถือรองเท้าของข้าก็ยังไม่คู่ควร รวมเข้า? ตลกสิ้นดี!”
แต่คำพูดต่อไปของเยี่ยหมิง ทำให้หยางเว่ยราวกับฟังภาษาต่างดาว
“เจ้า!”
หยางเว่ยรู้สึกตัว ความโกรธแค้นแผ่กระจายไปทั่วใบหน้า แต่ความโกรธแค้นนี้ก็หายไปในพริบตา
แรงกดดันที่แข็งแกร่งกว่าสวี่หยาเซิงหลายสิบเท่า กดขี่เขาจนแทบหายใจไม่ออก
หยางเว่ยทั้งสี่แขนขาสั่นเทา ราวกับแมลงสาบที่น่าสมเพช
“นี่……”
หยางเว่ยหวาดกลัวอย่างยิ่ง!
แรงกดดันนี้ช่างน่ากลัวยิ่งกว่าฝ่าบาทของเขาหลายร้อยเท่า ระดับตบะของชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้าผู้นี้คืออันใดกันแน่!
“ขวางหูขวางตา!”
พร้อมกับเสียงหนึ่งดังขึ้น
แรงกดดันก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
หยางเว่ยที่หวาดกลัวอย่างยิ่ง ถูกแรงกดดันบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อบด!
พื้นดินรอบด้านเต็มไปด้วยโลหิต!
สวี่หยาเซิงมองดูเจ้าศาลาแห่งศาลาสังหารโลหิตผู้นี้ด้วยความตกใจ
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้พบเจอกับอีกฝ่าย
ตอนที่ได้พบเจอกับเยี่ยหมิงเป็นครั้งแรก เขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
ไม่คิดว่าเจ้าศาลาแห่งศาลาสังหารโลหิตผู้นี้ จะเป็นชายหนุ่มเช่นนี้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาคิดมากเกินไป
เขาเคยได้ยินมาว่า หากผู้ใดบำเพ็ญเพียรจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะกลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง
เจ้าศาลาแห่งศาลาสังหารโลหิตผู้นี้ อาจจะเป็นคนเช่นนั้น
เยี่ยหมิงไม่รู้ว่าการกระทำของเขาทำให้คนอื่น ๆ คิดไปไกล
เยี่ยหมิงหันไปหาซวนหลวนเทียน “ไม่ต้องให้ข้ากล่าว คงจะรู้ดีว่าต้องทำเช่นไร”
ซวนหลวนเทียนโค้งคำนับเล็กน้อย ตอบกลับ “ขอรับ”
“ส่วนเจ้า ก็จัดการเรื่องของราชวงศ์ต่อไป”
“สวี่หยาเซิงจะไม่ทำให้ท่านเจ้าศาลาผิดหวัง”
“ผลประโยชน์ของศาลาสังหารโลหิตต้องมาก่อน!”
สวี่หยาเซิงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าว
……
ราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย พระราชวัง
“ท่านฝ่าบาท ท่านกล่าวเช่นนั้นจริงหรือ”
จินหยวนเจิ้งคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว
เบื้องหน้าของเขาคือจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ฟู่มู่โจว
ตอนนี้จินหยวนเจิ้งมาพบเจอกับฟู่มู่โจวในฐานะทูตแห่งศาลาสังหารโลหิต
เพียงแต่......ฟู่มู่โจวยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน ตราบใดที่เจ้าสามารถเกลี้ยกล่อมศาลาสังหารโลหิต ให้พวกเขายอมเข้าร่วมราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยได้ เราขอรับรองว่าเจ้าจะเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน”
“แต่หาก……”
จินหยวนเจิ้งนึกถึงผลลัพธ์ของการทรยศศาลาสังหารโลหิต ร่างกายก็สั่นสะท้าน
“หากพวกเขาไม่ยอม เจ้าก็สามารถเป็นสายลับให้ราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ส่งข่าวสารให้พวกเรา เมื่อพวกเราทำลายล้างศาลาสังหารโลหิตได้ เจ้าก็ยังคงสามารถเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนได้”
ได้ยินเช่นนั้น จินหยวนเจิ้งมีสีหน้าลังเล
เมื่อเห็นเช่นนั้น
ฟู่มู่โจวยิ้มเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงของสำนักร้อยลี้หรือไม่”
จินหยวนเจิ้งตกใจ “ท่านฝ่าบาทกล่าวถึงสำนักนิกายระดับหก สำนักร้อยลี้ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งมณฑลเทียนหยวนกระมัง”
“ใช่แล้ว บุตรชายคนที่สองของเรา มีพรสวรรค์แต่กำเนิด ได้เข้าร่วมสำนักร้อยลี้ และกลายเป็นศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสคนหนึ่ง”
ได้ยินเช่นนั้น จินหยวนเจิ้งก็กลั้นหายใจ
สำนักร้อยลี้!
เป็นขุมอำนาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังในมณฑลเทียนหยวน
เขาเคยได้ยินมาว่าผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตที่หาได้ยากยิ่งนักในราชวงศ์ต่าง ๆ ที่สำนักร้อยลี้มีมากกว่าสิบคน
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสำนักยังคงมีระดับตบะอันน่าตกใจ ระดับบำรุงจิตเก้าชั้นฟ้า!
“คงไม่ต้องให้เรากล่าวต่อกระมัง”
ไม่นานนัก จินหยวนเจิ้งกัดฟัน “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”
‘ศาลาสังหารโลหิต ข้า จินหยวนเจิ้งผู้นี้ได้ทำทุกอย่างเพื่อท่านเจ้าศาลา แต่พวกท่านกลับไม่ยอมมอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้ข้า’
‘หากพวกท่านไม่ให้ คนอื่นย่อมต้องให้!’
‘เช่นนั้นอย่าได้โทษข้าที่ไร้ความปราณี!’
ภายในดวงตาของจินหยวนเจิ้งปรากฏแววตาเย็นชา
……
เวลาผ่านไป หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จินหยวนเจิ้งกลับมายังราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน กำลังจะรายงานข่าวสารให้ศาลาสังหารโลหิต
มือสังหารแห่งศาลาสังหารโลหิตที่คอยรับข้อมูล กล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน “ท่านซวนหลวนเทียนมีเรื่องสำคัญต้องการพบเจอท่าน โปรดตามข้ามา”
ได้ยินเช่นนั้นจินหยวนเจิ้งตกใจ
ท่านซวนหลวนเทียนคือผู้ที่ดูแลเรื่องราวต่าง ๆ ของศาลาสังหารโลหิตกระมัง
ไม่คิดว่าผู้มีตำแหน่งสูงส่งเช่นนี้จะมาพบเจอเขา
หรือว่าตนถูกจับได้แล้วว่าทรยศ
จินหยวนเจิ้งส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
เรื่องเช่นนี้เป็นไปไม่ได้
ท่านซวนหลวนเทียนผู้นี้ แม้จะแข็งแกร่งเพียงใด ก็มิอาจมองเห็นอนาคตได้กระมัง