ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 47 เสียงผีผาสังหาร
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 47 เสียงผีผาสังหาร
“ไม่ดีแล้ว! ทุกคนจงตัดเส้นประสาทหูเสีย!”
น่าเสียดาย...สายเกินไปเสียแล้ว
ทำนองเพลงที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนและสงบสุข ก็พลันเร่งจังหวะขึ้นอย่างกะทันหัน
“อ๊าก! ข้าปวดศีรษะยิ่งนัก!”
“ไม่...อย่า...ท่านแม่...อย่าทิ้งข้าไป...”
“.......”
กองทัพหนึ่งแสนนายที่แข็งแกร่งเริ่มปรากฏความผิดปกติ
ผู้บำเพ็ญระดับรวมวิญญาณและระดับหลอมกายที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี
เวลานี้ต่างก็กุมศีรษะ คุกเข่าลงกับพื้น ยุทธภัณฑ์ในมือก็ร่วงหล่นลงบนพื้นดิน
บางคนร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา
บางคนเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
หลากหลายอารมณ์ปรากฏขึ้น
“ทำนองเพลงนี้มีปัญหา...”
หลิวเจี้ยนกงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงคิดที่จะระดมปราณวิญญาณภายในร่างกาย
แต่กลับพบว่าปราณวิญญาณถูกผนึกเอาไว้ ไม่สามารถควบคุมได้แม้แต่น้อย
“ปราณวิญญาณถูกผนึก นี่มันเรื่องอันใดกัน?”
กล่าวจบ ทั่วทั้งร่างกายก็รู้สึกอ่อนแอลงอย่างกะทันหัน
หลิวเจี้ยนกงทรุดลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว สีหน้าดูน่าเกลียด
สายตาของเขามองไปยังผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตหลายคนที่อยู่โดยรอบ
ดูเหมือนว่าเพราะระดับตบะ พวกเขากลับมีอาการที่รุนแรงยิ่งกว่าเขา
ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตเจ็ดคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ นอกจากหลิวเจี้ยนกงและผู้อาวุโสซุนที่ยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่
ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตอีกสี่คนต่างก็ต้านทานไม่ไหว ร่างกายอ่อนแรงล้มลงกับพื้น
ส่วนหูเจิ้งอีที่อยู่ใกล้กับต้นกำเนิดเสียงมากที่สุด
เวลานี้ร่างกายยังคงลอยอยู่กลางอากาศ
แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับกลายเป็นสีขาว ปาก จมูก และหูมีโลหิตไหลออกมา
สภาพของเขาดูน่าอนาถยิ่งกว่าคนอื่น ๆ
เฉินโป้เซียวที่อยู่ด้านข้างเห็นกองทัพหนึ่งแสนนายล่มสลายในพริบตา และสภาพอันน่าเวทนาของผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตเจ็ดคน
ภายในใจเต็มไปด้วยความตกใจ
นี่คือพลังอำนาจของศาลาสังหารโลหิตหรือ?
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
ในชั่วขณะนั้น ภายในห้วงสมุทรแห่งปัญญาของเขากลับปรากฏความคิดที่แปลกประหลาดขึ้นมา
หากการแบ่งระดับของศาลาสังหารโลหิตเป็นความจริง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง ไม่สิ แม้แต่ทั่วทั้งทวีปก็ยังคงไม่สามารถเทียบเคียงได้
ช่วงสุดท้ายของการบรรเลงเพลง
เฟิงชิงจู๋ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
นิ้วชี้สีขาวราวกับหิมะสะบัดไปที่สายผีผา
“ปัง!”
ในพริบตา เสียงทั้งหมดก็เงียบลง
หูเจิ้งอีที่ร่างกายลอยอยู่กลางอากาศ ดูเหมือนว่าจะหลุดพ้นจากพันธนาการ ร่างกายตกลงบนพื้นดิน
ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“ศพเหล่านี้ข้าจะมอบให้เจ้าจัดการ”
เฟิงชิงจู๋หันไปหาเฉินโป้เซียว กล่าว
“ขอรับ”
รอบกายของเฟิงชิงจู๋ปรากฏสายลมพัดผ่าน จากนั้นร่างของนางก็หายไป
หลังจากที่นางจากไป
ทหารคนหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเฉินโป้เซียวด้วยความหวาดกลัว
“ท่านผู้บัญชาการ นี่… นี่มัน...”
ทหารคนนั้นมองดูศพและม้าที่นอนอยู่บนพื้น สีหน้าซีดเผือด
เขายังคงเป็นทหารใหม่ และเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้
เมื่อครู่นี้ เขาอยู่ที่กำแพงเมือง เห็นเพียงสตรีชุดเขียวที่งดงามพูดคุยกับผู้บัญชาการอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บรรเลงเพลงที่ไพเราะ ก่อนจะจากไป
แต่เมื่อเขากลับขึ้นมา ภาพที่ปรากฏกลับทำให้เขาตกตะลึง
เฉินโป้เซียวหันกลับไปมองเหล่าทหาร น้ำเสียงต่ำ “เรื่องราวในวันนี้ หากผู้ใดกล้าแพร่งพรายออกไป จะถูกลงโทษในฐานะคนหนีทัพ เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ!”
……
บนหอสังเกตการณ์ที่อยู่ไกลออกไป
เยี่ยหมิงหรี่ตาลง
ตั้งแต่ที่เฟิงชิงจู๋ปรากฏตัวจนกระทั่งจากไป ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของเขา
และเขาก็ได้เห็นพลังอำนาจของระดับถ้ำพำนัก
เยี่ยหมิงกล่าวพึมพำ “ผู้บำเพ็ญดนตรีช่างน่ากลัวยิ่งนัก เพียงแค่ทำนองเพลงก็สามารถทำให้จิตวิญญาณสั่นคลอน จนกระทั่งโลหิตไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด”
“มีเฟิงชิงจู๋อยู่ การทำภารกิจหลักให้สำเร็จ เป็นเพียงเรื่องเวลา”
สายตาของเยี่ยหมิงมองไปยังแผงควบคุมระบบที่คนธรรมดามองไม่เห็น
(ภารกิจหลัก: ภายในหกเดือน ให้ศาลาสังหารโลหิตปกครองราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ราชวงศ์ราชันเทียนผิง และราชวงศ์ราชันพั่วซือ)
(รางวัล: มือสังหารระดับเร้นลับชั้นโท 1 คน มือสังหารระดับเร้นลับชั้นตรี 20 คน มือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอก 200 คน
ดาบตัดวิญญาณ 500 เล่ม (ระดับนิลขั้นต่ำ) เสื้อคลุมสีดำระดับมนุษย์ 1000 ชุด (ระดับเหลืองขั้นสูง) เสื้อคลุมสีดำระดับเร้นลับ 100 ชุด (ระดับนิลขั้นสูง))
“รางวัลที่ได้รับไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ เพียงแต่จำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”
เยี่ยหมิงครุ่นคิด
เขตเฉวียนสุ่ย ราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ราชวงศ์ราชันเทียนผิง และราชวงศ์ราชันพั่วซือ เขาเคยอ่านเจอในตำราบางเล่ม
หากข้อมูลในตำราไม่ผิด
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามราชวงศ์เวลานี้ มีเพียงระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้า
และเมื่อครู่นี้
ยอดฝีมือระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าสองคนที่เดินทางมาจากราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยและราชวงศ์ราชันเทียนผิงได้เสียชีวิตลง
หากรวมกับผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตอีกห้าคน และกองทัพหนึ่งแสนนาย
ตอนนี้พลังอำนาจโดยรวมของสามราชวงศ์ก็ลดลงอย่างมาก
“ถึงเวลาเตรียมการแล้ว”
“จำนวนประชากรของสามราชวงศ์รวมกันมีไม่น้อย เมื่อถึงเวลานั้น คงจะทำภารกิจย่อยให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว”
เยี่ยหมิงยิ้มออกมา
สายตาของเขามองไปยังภารกิจย่อยที่อยู่ด้านล่างภารกิจหลักโดยไม่รู้ตัว
(ภารกิจย่อย 5: ทำภารกิจซื้อขายให้ครบหนึ่งแสนครั้ง (22,340/100,000))
(รางวัล: พระสูตรไท่ซูบทที่สี่ (ระดับจักรพรรดิ))
ภารกิจย่อยก่อนหน้านี้คือภารกิจย่อย 4 เป้าหมายคือทำภารกิจซื้อขายให้ครบหนึ่งหมื่นครั้ง
แต่รางวัลกลับเป็นเพียงสิ่งของประเภทมิติระดับปฐพีขั้นกลาง
ส่วนพระสูตรไท่ซูบทที่สี่ที่เขาต้องการ กลับอยู่ในภารกิจย่อย 5
“หนทางยังอีกยาวไกล...”
……
สองชั่วยามหลังจากที่กองทัพร่วมถูกทำลายล้าง
ณ เวลาเดียวกัน
ราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในสามราชวงศ์
ตำหนักเหยียนสุ่ย
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดจึงยังไม่ได้รับข่าวสารจากราชครู”
ฟู่มู่โจว ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังเหล่าขุนนางเบื้องล่าง
“เรียนฝ่าบาท กระหม่อมเพิ่งจะได้ยินข่าวลือมา ไม่รู้ว่าควรกล่าวหรือไม่”
ขุนนางคนหนึ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าว
“ข่าวลืออันใด จงกล่าวมา”
“คนของกระหม่อมรายงานว่า เขาอยู่ใกล้ชายแดนราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน เห็นทหารของราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนกำลังขุดดิน”
ฟู่มู่โจวสงสัย “ขุดดิน?”
“ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังฝังศพ...”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เสียงของขุนนางผู้นั้นก็เบาลง
ได้ยินเช่นนั้น
ฟู่มู่โจวลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกรด้วยความโกรธ “เจ้าคิดจะกล่าวว่ากองทัพหนึ่งแสนนายที่ราชวงศ์ของเรา ราชวงศ์ราชันเทียนผิง และราชวงศ์ราชันพั่วซือส่งไป พ่ายแพ้แล้วหรือ!”
“กระหม่อมเพียงแค่ได้ยินมา เพียงแค่ได้ยินมา โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วย!”
ขุนนางผู้นั้นรีบโขกศีรษะกับพื้น กล่าวด้วยความหวาดกลัว