ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 46 สถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 46 สถานการณ์ที่ไม่ถูกต้อง
กงเฟิ่งซุนกล่าวจบ
บรรยากาศก็พลันเงียบสงัดลง
“ท่านผู้อาวุโสซุน ท่านกล่าวถึงยอดฝีมือ? หรือว่าเป็นยอดฝีมือแห่งศาลาสังหารโลหิตที่ปรากฏในข่าวสาร?”
ชายร่างเล็กเอ่ยถาม
ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปยังชายชราชุดเขียว
ชายชราชุดเขียวผู้นี้เป็นถึงกงเฟิ่งแห่งราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ระดับตบะมิเพียงแต่ก้าวเข้าสู่ระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้า วิชาพยากรณ์ของเขาก็ยังคงล้ำเลิศ
มีชื่อเสียงโด่งดังในราชวงศ์โดยรอบ
แม้ว่าก่อนหน้านี้ชายร่างเล็กจะเยาะเย้ยเขา แต่เมื่อได้ยินคำว่ายอดฝีมือ เขาก็เริ่มระมัดระวัง
บุคคลที่ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้ากล่าวถึงว่าเป็นยอดฝีมือ
ระดับตบะของอีกฝ่ายอย่างน้อยก็ต้องแปดชั้นฟ้า หรืออาจจะเป็นเก้าชั้นฟ้า
“ไม่ ข้าเคยใช้เนตรส่องสวรรค์มองดูยอดฝีมือแห่งศาลาสังหารโลหิตผู้นั้น แม้ว่าพลังอำนาจจะใกล้เคียงกับข้า แต่ข้ากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่อีกฝ่าย”
“กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก หากเปรียบเทียบ ข้าก็เหมือนกับทะเลสาบ ส่วนอีกฝ่าย...คือมหาสมุทร!”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
อลังการถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนจะมีผู้บำเพ็ญระดับถ้ำพำนักปรากฏตัวขึ้นหรือ?
ในที่แห่งนี้ นอกจากชายชราชุดเขียว
ยังคงมียอดฝีมือระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าอีกคนหนึ่ง เขาคือผู้บัญชาการใหญ่แห่งราชวงศ์ราชันเทียนผิง หลิวเจี้ยนกง
หลิวเจี้ยนกงแค่นเสียง “หึ ตกใจเกินไปแล้ว พวกเรามียอดฝีมือระดับบำรุงจิตเจ็ดคน และกองทัพทหารระดับหลอมกายและระดับรวมวิญญาณอีกหนึ่งแสนนาย พลังอำนาจเช่นนี้ แม้แต่การทำลายล้างราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ก็มิใช่เรื่องยาก มิเช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่าพวกเราจะพ่ายแพ้ต่อราชวงศ์ที่กำลังจะล่มสลายเช่นนี้หรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนที่ตกตะลึงเพราะคำพูดของกงเฟิ่งซุนก็รู้สึกตัว
ถูกต้อง ยอดฝีมือระดับบำรุงจิตเจ็ดคน และกองทัพทหารอีกหนึ่งแสนนาย หากพ่ายแพ้ก็นับว่าแปลกประหลาด
ในขณะที่หลิวเจี้ยนกงกำลังจะลงมือ
กงเฟิ่งซุนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความรีบร้อน “มาแล้ว!”
“พวกเจ้าคือกองทัพพันธมิตรราชวงศ์ราชันที่คุณชายกล่าวถึง?”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง
เฉินโป้เซียวที่อยู่บนกำแพงเมือง กำลังมองดูสตรีชุดเขียวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันด้วยความเคารพ
ส่วนเหตุผลที่เขาเคารพเช่นนี้ ก็เพราะที่เอวของสตรีชุดเขียวผู้นั้นมีเหรียญตราสีดำ สลักตัวอักษร ‘เร้นลับ’ เอาไว้
เมื่อเห็นเหรียญตรานี้ เฉินโป้เซียวก็นึกถึงเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
เฉินโป้เซียวได้มองเห็นความเสื่อมโทรมของราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน
เช่นเดียวกับสวี่หยาเซิง ไม่สิ ต้องกล่าวว่าเขามองเห็นก่อนสวี่หยาเซิง
สิบกว่าวันก่อน เขาได้เข้าร่วมศาลาสังหารโลหิต
ส่วนเหตุผลที่สวี่หยาเซิงสามารถเข้าร่วมได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ ก็เพราะก่อนที่ซวนหลวนเทียนจะไปพบกับสวี่หยาเซิง
คนแรกที่ซวนหลวนเทียนไปพบ ก็คือเขา!
ผู้บัญชาการชายแดน ผู้บัญชาการกองทัพหนึ่งล้านนาย!
ตอนแรกที่เขาได้พบกับซวนหลวนเทียนที่ระดับเคลื่อนวิญญาณขั้นหก เขามีท่าทีดูถูก
แต่เมื่อเขาได้พบกับหวู่เจิน องค์รักษ์ดำ และองค์รักษ์ขาวที่อยู่เบื้องหลังซวนหลวนเทียน
เขาก็เริ่มหวาดกลัว
ภายในใจมีเพียงความคิดเดียว
ราชวงศ์มีขุมอำนาจที่น่ากลัวเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่หรือ?
เฉินโป้เซียวที่คิดก่อกบฏมานานแล้ว เมื่อได้รับคำเชิญจากซวนหลวนเทียน เขาก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล
ต้องบอกว่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นใด
ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตหกชั้นฟ้าหนึ่งคน ระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าสองคน การสังหารเขาที่ระดับเคลื่อนวิญญาณขั้นหนึ่งเป็นเรื่องง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เขาเข้าร่วมศาลาสังหารโลหิต เขาก็รู้สึกว่าตนเองช่างต่ำต้อย
จากที่เขารู้ การแบ่งระดับของมือสังหารศาลาสังหารโลหิต แบ่งออกเป็น สวรรค์ ปฐพี เร้นลับ และมนุษย์ สี่ระดับ และในแต่ละระดับยังคงแบ่งออกเป็นหนึ่งถึงสามขั้น
ตอนแรกเขาคิดว่าระดับหลอมกายขั้นกลาง ขั้นปลาย และขั้นสูงสุด ก็คือระดับมนุษย์ขั้นหนึ่งถึงสาม
แต่เมื่อเขาได้พบกับมือสังหารระดับเคลื่อนวิญญาณแห่งศาลาสังหารโลหิต ที่เป็นเพียงระดับมนุษย์ชั้นเอก
เขาก็รู้ทันทีว่าตนเองคิดผิด
ระดับมนุษย์แต่ละขั้น หมายถึงระดับตบะที่แตกต่างกัน!
เช่นนั้น ระดับเร้นลับชั้นตรีคือระดับบำรุงจิต ระดับเร้นลับชั้นโทคือ...
เฉินโป้เซียวไม่กล้าคิดต่อไป
ภายในใจเขาคิดว่าศาลาสังหารโลหิตคงจะพูดเกินจริง
แต่ตอนนี้...
“เหรียญตราสองขีด ระดับเร้นลับชั้นโท...หรือว่า...”
เฉินโป้เซียวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยรู้สึกตึงเครียดเช่นนี้
เบื้องล่างกำแพงเมือง
หลังจากมองดูเฟิงชิงจู๋ หลิวเจี้ยนกงขมวดคิ้ว มองไปยังผู้อาวุโสซุน “นี่คือยอดฝีมือที่เจ้ากล่าวถึง?”
ผู้อาวุโสซุนมีสีหน้าหวาดกลัว
ไม่ได้ตอบคำถามของหลิวเจี้ยนกง เพียงแต่กล่าวพึมพำกับตนเองว่า “แปลกยิ่งนัก เหตุใดกลิ่นอายจึงหายไป...”
“เฮอะ ข้ายังคิดว่าเป็นยอดฝีมือผู้ใด สตรีอ่อนแอผู้นี้ อุ้มผีผา(เครื่องดนตรีจีน)เอาไว้ในอ้อมแขน ท่านผู้อาวุโสซุน ท่านคงจะทำนายผิดพลาดกระมัง”
ได้ยินเช่นนั้น ชายร่างเล็กจึงกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ถูกต้อง ทำให้ข้าตกใจเสียเปล่า สตรีอ่อนแอผู้นี้จะแข็งแกร่งเพียงใด? หรือว่านางจะเล่นผีผาให้พวกเราฟัง?”
ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“สตรีผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก พวกเจ้าอย่าแย่งข้า นางเป็นของข้า!”
หูเจิ้งอี ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตสามชั้นฟ้าจากราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย
มองดูเฟิงชิงจู๋ที่สวมชุดเขียว สายตาเต็มไปด้วยความโล�
ไม่พูดพร่ำทำเพลง
เขากระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า มือขวาพุ่งเข้าหาเฟิงชิงจู๋ กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “สาวน้อย ตามข้ากลับไปเถิด”
เฟิงชิงจู๋ไม่ได้ต่อต้าน แต่เรื่องแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น
ในขณะที่มือขวาของหูเจิ้งอิกำลังจะสัมผัสกับเฟิงชิงจู๋
“ขยับ… ขยับไม่ได้…”
ใบหน้าของหูเจิ้งอีเต็มไปด้วยความตกใจ
ร่างกายของเขาหยุดนิ่งอยู่บนท้องฟ้า
ไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย
ความโลภในดวงตาของหูเจิ้งอีแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว “ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตสามชั้นฟ้า เหตุใดเจ้าจึงสามารถหยุดข้าได้ เจ้าเป็นใคร!”
เฟิงชิงจู๋ไม่ได้ตอบคำถาม
เพียงแต่นั่งลงอย่างช้า ๆ วางผีผาลงบนตัก “ตอนนี้ข้ารับใช้จะเล่นผีผาให้ทุกท่านฟัง โปรดตั้งใจฟัง”
เสียงผีผาดังขึ้น
“เติ๊ง”
ก่อนที่ทุกคนจะรู้สึกตัว
ดวงตาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสซุนเบิกกว้าง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออก