ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 210 สะท้อนมรรค
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 210 สะท้อนมรรค
พระสูตรชีวิตเกรียงไกร ตอนนี้ยังคงบำเพ็ญไม่ได้ ต้องอาศัยพลังแห่งกฎเกณฑ์แห่งชีวิตมาช่วย
กู้ฉางเซิงจึงวางมันลงชั่วคราว
แต่ในใจเขากลับมีความรู้สึกบางอย่าง หากนำมันไปบำเพ็ญในโลกใบเล็กของเขา จะมีความเป็นไปได้อื่น ๆ หรือไม่
เพราะในโลกใบเล็ก เขาคือผู้สร้าง
สิ่งของที่เหลืออยู่ ก็คือเขาของมังกรแท้ และเศษเสี้ยววิญญาณเหยียนจุน
พูดตามตรง สำหรับเศษเสี้ยววิญญาณเหยียนจุน กู้ฉางเซิงยังคงปวดหัวเล็กน้อย
เพราะเขายังไม่ได้คิดหาวิธีจัดการกับมัน
ผู้ทรงอิทธิพลผู้นี้ คอยชี้แนะบุตรแห่งโชคชะตาที่ไร้ค่าผู้นั้น ทำให้เขาเติบโตอย่างรวดเร็ว
แต่เขาพบว่าตนเองไม่ต้องการสิ่งนี้
ความรู้และประสบการณ์ของเหยียนจุนหรือ?
ในตระกูลกู้ มีผู้ที่อายุยืนยาวกว่าเขามากมาย เพียงแค่เดินเข้าไปในสุสาน ใช้จอบขุดลงไป ก็สามารถขุดพบคนเก่าแก่ที่อายุหลายยุคสมัย
แน่นอน นี่เป็นเพียงคำพูดติดตลก
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้
ส่วนความสามารถอื่น ๆ ของเหยียนจุน นอกจากวิชาหลอมโอสถและหลอมอาวุธ เขาก็ไม่มีสิ่งใดที่น่าสนใจ
แต่……กู้ฉางเซิงก็มีมรดกตกทอดเกี่ยวกับวิชาหลอมโอสถและหลอมอาวุธ ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาต้องการโอสถและอาวุธใด ๆ ตระกูลก็จะหามาให้เขา
ดังนั้น ตอนนี้เหยียนจุนจึงอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
หากสังหารเขาทิ้ง ก็รู้สึกว่าน่าเสียดาย
หากเก็บเขาเอาไว้ ก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์
เหยียนจุนถูกกู้ฉางเซิงปล่อยตัวออกมาจากตำราสวรรค์ บนใบหน้าที่แก่ชรามีสีหน้าที่เคารพอย่างยิ่ง แต่ก็ยังคงมีความหวาดกลัวแฝงอยู่
ในดินแดนของตระกูลกู้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลในอดีต ตอนนี้ก็ยังคงสงบนิ่งราวกับเปลวไฟเล็ก ๆ ไม่กล้าปลดปล่อยกลิ่นอายจอมสรรพสิ่งออกมา
กลัวว่าจะทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งในตระกูลกู้ไม่พอใจ ถูกตบฝ่ามือเดียวจนวิญญาณแตกดับ
ส่วนการแก้แค้นให้เย่ห่าว เขาไม่กล้าคิด ตอนนี้เพียงแค่หวังว่าตนเองจะสามารถรอดชีวิต
“คุณชาย หากท่านมีสิ่งใดจะถาม ข้าจะบอกเล่าทุกอย่าง ไม่กล้าปกปิด” เหยียนจุนกล่าว เขาตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง สำหรับกู้ฉางเซิงแล้ว เขาไม่มีความสำคัญ
ดังนั้น เขาจึงต้องการแสดงคุณค่าของตนเอง
เขายังไม่อยากตาย มิเช่นนั้นคงไม่สามารถมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ เพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณ
“ตอนนี้ข้ากำลังคิดว่าจะจัดการกับท่านเช่นไร ท่านเหยียนจุนในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดจากไฟสวรรค์ที่เก่าแก่ที่สุด หากสังหารท่านทิ้ง ก็รู้สึกว่าน่าเสียดาย”
กู้ฉางเซิงยิ้มเล็กน้อย มองดูเงาร่างเบื้องหน้าที่ไม่เหลือเค้าโครงของจอมสรรพสิ่ง ราวกับว่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สีหน้าของเขากลับไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะในดินแดนเซียน ไม่มีผู้ใดกล้าแสดงความโอหังในดินแดนของตระกูลกู้
นี่คือกฎเกณฑ์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล
ตอนนี้ ได้กลายเป็นความจริงที่ทุกคนในดินแดนเซียนรู้ดี
ในเวลานั้น ที่ไหล่ของเขาทันใดนั้นก็สั่นสะเทือน
เปลวเพลิงที่ถูกปกคลุมด้วยอักขระลึกลับมากมายพุ่งออกมา ปราณปฐมโกลาหลไหลเวียนอยู่โดยรอบ ดูราวกับสิ่งลี้ลับ เปล่งประกายเจิดจรัส สามารถส่องสว่างไปทั่วจักรวาล
มันมีกลิ่นอายเดียวกับกู้ฉางเซิง
นั่นก็คือไฟแท้ปฐมโกลาหล
กู้ฉางเซิงสัมผัสได้ว่ามันต้องการเหยียนจุน จึงปล่อยมันออกมา
หากเหยียนจุนมีประโยชน์ต่อมัน ก็มอบเหยียนจุนให้มันไป ก็ถือว่าช่วยเขาจัดการปัญหา เพราะไฟแท้ปฐมโกลาหลและเหยียนจุน ต่างก็เป็นไฟที่ถือกำเนิดจากฟ้าดิน
เมื่อเหยียนจุนเห็นไฟแท้ปฐมโกลาหล สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เสียงของเขาสั่นสะเทือน “เป็นเปลวไฟในตำนาน…… สิ่งนี้ไม่ควรปรากฏตัวขึ้นในโลก”
ก่อนหน้านี้ เขาก็เคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้จากกู้ฉางเซิง ลึกลับยิ่งนัก แต่กลับทำให้เขารู้สึกถูกกดทับ หวาดกลัวเล็กน้อย
เพราะมันเหมือนกับสายเลือดของเขา เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ไม่เกี่ยวข้องกับพลังอำนาจ
ตอนนี้ เมื่อเห็นไฟแท้ปฐมโกลาหล เขารู้สึกว่าหนังศีรษะชา ร่างกายเย็นยะเยือก
“ไม่แปลกใจเลย……” เหยียนจุนพึมพำ นึกถึงความลับโบราณบางอย่าง
“ดูเหมือนว่าท่านจะรู้เรื่องราวมากมาย” กู้ฉางเซิงยังคงยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาของเหยียนจุน
การถือกำเนิดของไฟแท้ปฐมโกลาหลเป็นเรื่องบังเอิญ แม้แต่เจ้าแห่งเผ่างูสวรรค์ที่ลึกลับยิ่งนักก็ยังคงไม่คาดคิด ผลลัพธ์ก็คือเผ่าพันธุ์ทั้งหมดต้องพบเจอกับหายนะ
แต่หลังจากที่ไฟแท้ปฐมโกลาหลปรากฏตัวขึ้น มันกลับไม่ทำร้ายเหยียนจุน
อักขระลึกลับมากมายไหลเวียนบนร่างกายของมัน ราวกับกระจกมากมาย สามารถสะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล
ทันใดนั้น เหยียนจุนก็เปล่งประกายเจิดจรัส ร่างกายของเขาที่แปรเปลี่ยนมาจากเปลวไฟ เริ่มต้นลุกไหม้
มรรคของเขา กฎเกณฑ์ของเขา พลังอิทธิฤทธิ์ของเขา ตอนนี้ถูกไฟแท้ปฐมโกลาหลสะท้อนออกมา
จากนั้น ก็แปรเปลี่ยนเป็นอักขระลึกลับและเส้นสายมากมาย ปรากฏขึ้นบนร่างกายของมัน แปรเปลี่ยนเป็นอักขระลึกลับมากมาย หายตัวไป
ในกระบวนการนี้ แม้ว่าเหยียนจุนจะรู้สึกแปลกประหลาด
แต่เขากลับไม่กล้าขยับตัว ปล่อยให้ไฟแท้ปฐมโกลาหลแสดงพลังอำนาจ
เขารู้สึกราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างถูกดึงออกไปจากร่างกาย จิตใจว่างเปล่า
ราวกับว่ากลายเป็นคนโง่งม
และในเวลานั้น
ไฟแท้ปฐมโกลาหลเปล่งประกายเจิดจรัส ยิ่งสว่างไสวยิ่งขึ้น ปราณปฐมโกลาหลมากมายไหลรินลงมา ปกคลุมกู้ฉางเซิง
พร้อมกันนั้น กระจกเล็ก ๆ ที่มีพลังอำนาจของเหยียนจุนก็พุ่งเข้าไปในห้วงสมุทรแห่งปัญญาและร่างกายของกู้ฉางเซิง มีเสียงที่ดูเก่าแก่ดังขึ้น เบา ๆ
ไม่นานนัก!
เปลวไฟมากมายปรากฏขึ้นรอบกายกู้ฉางเซิง เขาราวกับเทพเจ้าแห่งไฟ แม้แต่ในดวงตาก็ยังคงมีทะเลเพลิงปรากฏขึ้น เปลวไฟที่ส่องประกายราวกับสามารถเผาผลาญเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า และทุกสิ่งทุกอย่าง
“นี่คือพลังแห่งกฎเกณฑ์มรรคอัคคี”
“นี่คือความเข้าใจทั้งหมดของเหยียนจุน รวมไปถึงมรรคของเขาด้วย”
ในเวลานี้ กู้ฉางเซิงทันใดนั้นก็เกิดความเข้าใจ ไฟแท้ปฐมโกลาหลกำลังเลียนแบบมรรคของผู้อื่นใหัเขามองดู
ในดวงตาของเขา มีภาพเหตุการณ์ปรากฏขึ้น
ภายในทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล!
สายฟ้ามากมายตกลงมา เปลวไฟเล็ก ๆ ปรากฏตัวขึ้นบนทะเลทราย
“วิชาปฐมโกลาหล คือการผสานหมื่นวิชา หลอมรวมหมื่นวิชา สรรค์สร้างหมื่นวิชา และแปรเปลี่ยนหมื่นวิชา”
“เช่นนั้นก็ไม่ผิด มรรคของเหยียนจุน คือมรรคแห่งอีคคีระดับสูงสุด”
กู้ฉางเซิงกล่าวเบา ๆ เปลวไฟรอบกายหายไป แต่เขากลับรู้สึกว่าตนเองมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในกฎเกณฑ์แห่งอัคคี
แน่นอน ความเข้าใจนี้มาจากเหยียนจุน มิใช่เส้นทางของเขา
แต่ความเข้าใจนี้ สำหรับเขาก็ยังคงมีประโยชน์ เทียบเท่ากับการที่เหยียนจุนมอบความเข้าใจในกฎเกณฑ์ให้เขา เขาจะสามารถหลอมรวมได้มากเพียงใด ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังคงสามารถใช้สิ่งนี้มาพัฒนาตนเอง
ส่วนเหยียนจุนจะได้รับผลกระทบหรือไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่กู้ฉางเซิงจะต้องสนใจ
“วิถีแรก บางทีอาจจะต้องเป็นเช่นนี้ ใช้พลังอิทธิฤทธิ์นี้ ทำนายและแปรเปลี่ยน” กู้ฉางเซิงมองไฟแท้ปฐมโกลาหล พบว่าพลังอิทธิฤทธิ์นี้สามารถช่วยให้เขาสร้างวิถีแรกขึ้นมาได้
“เส้นทางอยู่เบื้องหน้า เดินต่อไปก็จะพบ”
วิถีแรก เหมาะสมกับกายาปฐมโกลาหลเท่านั้น
ใช้ “วิถีแรก” เป็นชื่อ ก็ต้องคู่ควรกับคำว่า “แรก”
จากนั้น เหยียนจุนถูกกู้ฉางเซิงส่งไปยังขุนเขาหลอมโลหะ ให้เขารับผิดชอบการหลอมอาวุธ ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากเขา
ส่วนเขาเอง ก็ให้เหลียนซิงไปตามธิดาหงส์สวรรค์ ต้องการทดสอบพลังอำนาจของไฟแท้ปฐมโกลาหลอีกครั้ง ดูว่าจะสามารถสะท้อนมรรคของหงส์แท้มาหรือไม่
ใต้เกาะเทพใจกลาง มีเทือกเขาลูกหนึ่งที่ทอดยาวออกไปจนมองไม่เห็นขอบเขต
ที่แห่งนี้มีอาคารมากมาย ผู้บำเพ็ญเดินทางไปมา
มีสระวิญญาณแห่งหนึ่ง เป็นสระน้ำพุวิญญาณ ปราณวิญญาณมากมายพวยพุ่ง หมอกควันปกคลุม
ข้างสระน้ำพุวิญญาณ มีสมุนไพรเก่าแก่หลายต้น อายุหลายแสนปี บางต้นเป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่งอกงามอย่างยิ่ง กลิ่นหอมอบอวล ทำให้จิตใจสงบ
ที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่คนรับใช้และผู้ติดตามของตระกูลกู้อาศัยและบำเพ็ญเพียร
ภายในลานบ้านที่เงียบสงบ ธิดาหงส์สวรรค์บำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่
กู้ฉางเซิงไม่ได้พานางไปด้วย ไม่ได้สนใจนางเช่นเดียวกับเหลียนซิงและกู่เฉินมู่
ธิดาหงส์สวรรค์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติ
ต่อมา ข่าวสารเกี่ยวกับกู้ฉางเซิงก็แพร่กระจายเข้ามา เรื่องราวแต่ละเรื่องล้วนทำให้นางตกใจ รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น พลาดเรื่องราวมากมาย
ตอนนี้ เมื่อได้ยินว่ากู้ฉางเซิงต้องการพบนาง ธิดาหงส์สวรรค์ก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกดีใจ เอ่ยถามว่า “คุณชายบอกว่ามีเรื่องอันใดหรือไม่”
เหลียนซิงมองนาง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่มี”
“ไปกันเถอะ อย่าให้คุณชายต้องรอนาน”
“ทราบแล้ว”
ธิดาหงส์สวรรค์ติดตามนางไปด้วยความกังวลใจ ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับเรื่องราวใด