บทที่ 93 ค้างคาวดำ
บทที่ 93 ค้างคาวดำ
“สำเร็จ...สำเร็จแล้วเหรอ?!” ลั่วซืออวี่มองไปที่ศพของอัลเฟร็ดอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
หลังจากตั้งสติได้ทุกคนก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น เพราะในที่สุดพวกเขาก็สามารถเอาชนะบอสตัวที่ 2 ของดันเจียนนี้ได้แล้ว
ลู่หยางมองดูท่าทางของทุกคนด้วยรอยยิ้ม เพราะในชาติที่แล้วเขาก็เคยเอาชนะบอสกับเพื่อน ๆ ในลักษณะนี้ด้วยเหมือนกัน
ฉือมู่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่หยาง ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“น้องชาย ฉันต้องขอยอมรับเลยว่านายเก่งมากจริง ๆ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ตอนช่วงท้ายผมเองก็เกือบตายเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกไปเป็นเพียงแค่การถ่อมตัว เพราะถึงแม้บอสจะหยุดอยู่ตรงหน้าแต่การพยายามโจมตีเข้าใส่บอสก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคูลดาวน์ของสกิลแฟลชยังวนมาแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาสามารถที่จะหลบหนีออกไปได้ตลอดเวลา
ฉือมู่ไม่ได้เชื่อถือคำพูดของนักเวทหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อสักครู่เขายืนอยู่ข้าง ๆ ลู่หยางและในแววตาของชายหนุ่มมันก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของลู่หยางหมดแล้ว
“น้องชายสนใจจะมาเข้าร่วมกิลด์ฉันไหม? ฉันยินดีจะจ่ายค่าตอบแทนให้ปีละ 100,000 เครดิต” ฉือมู่เสนอค่าตอบแทนอย่างใจป้ำ
ลู่หยางเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าฉือมู่จะเสนอค่าตอบแทนให้สูงขนาดนี้ อย่างไรก็ตามถึงแม้เงินจำนวนนี้สำหรับคนทั่วไปจะเป็นเงินจำนวนที่สูงมาก แต่สำหรับเขาแล้วมันก็ยังคงเป็นจำนวนเงินที่ต่ำมากเกินไปอยู่ดี
“พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ตอนนี้มาช่วยคนของเราก่อนเถอะ” ลู่หยางกล่าวเพราะท้ายที่สุดมันยังมีผู้เล่นอีก 5-6 คนที่ยังนอนเสียชีวิตอยู่บนพื้น
เมื่อฉือมู่เห็นว่าลู่หยางไม่สนใจข้อเสนอเขาจึงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ก่อนที่ชายชราจะหันไปตะโกนบอกนักบวชภายในทีม
“ช่วยชุบชีวิตคนที่ตายขึ้นมาก่อน”
นักบวชภายในทีมยังคงตื่นเต้นกับการเอาชนะบอสตัวนี้ได้ หลังจากที่พวกเขาได้ยินคำสั่งทุกคนก็ได้รับสติกลับคืนมา พวกเขาจึงทำการชุบชีวิตสมาชิกที่เสียชีวิต
วิญญาณของชิงเฟิงยืนอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูดันเจียนและเขาก็คิดว่าในคราวนี้ทีมคงจะถูกกวาดล้างอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นสภาพของสมาชิกภายในทีมเริ่มกลายเป็นวิญญาณปรากฏขึ้นมาข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน และเขาก็ไม่คิดว่ามันจะมีใครสามารถต้านทานบอสที่กำลังเข้าสู่สภาวะคลั่งได้
แต่ในขณะที่เขากำลังคิดว่าพวกเขาจะเอาชนะบอสตัวนี้ได้ยังไง มันก็มีหน้าต่างแจ้งเตือนจากระบบเด้งขึ้นมาเสียก่อน
ระบบ: ผู้เล่นสุ่ยหยูอานใช้สกิลฟื้นคืนชีพกับคุณ คุณต้องการยอมรับหรือไม่?
ชิงเฟิงกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ และเขาก็จำไม่ได้ว่าภายในทีมมีใครที่มีสกิลฟื้นคืนชีพในระหว่างการต่อสู้ ดังนั้นความเป็นไปได้จึงเหลือเพียงแค่อย่างเดียว เขาจึงรีบกดปุ่มยอมรับเพื่อพิสูจน์ความคิดตัวเองในทันที
พริบตาต่อมาชิงเฟิงก็ปรากฏตัวในดันเจียนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะรีบถามฉือมู่ด้วยความประหลาดใจ
“พวกเราเอาชนะบอสได้จริง ๆ งั้นเหรอครับ? เราเอาชนะมันมาได้ยังไง?”
ลั่วซืออวี่เดินมาข้าง ๆ ชิงเฟิง ก่อนที่เธอจะชี้นิ้วไปที่ลู่หยางและพูดว่า
“ทุกอย่างต้องยกความดีความชอบไปให้กับอาจารย์ คน ๆ นี้เป็นผู้เล่นที่เก่งกาจมากจริง ๆ”
ผู้เล่นภายในทีมที่รอดชีวิตต่างก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“อาจารย์บอกพวกเราหน่อยได้ไหมว่าคุณใช้สกิลอะไรไปบ้าง? มันมีสกิลหลาย ๆ อย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ซิลเวอร์ไลท์แดนซ์ถาม
“ได้สิ” ลู่หยางตอบก่อนที่เขาจะอธิบายสกิลเบลซซิงเบิร์ส, สคอร์ชิ่งสปีด, รีซิสท์ไฟร์ริง, ำฟร์วอลล์และเฟลมเบิร์ดอย่างละเอียด
เมื่อทุกคนได้รู้ว่าลู่หยางเรียนรู้สกิลหมู่มาแล้วถึงสองสกิล มันก็ทำให้นักเวทภายในทีมต่างก็แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาออกมา
“ทั้งที่พวกเราอยู่ในกิลด์ใหญ่แต่ก็ยังไม่มีสกิลพวกนี้เลย เขาไปเอาสกิลพวกนี้มาจากไหนตั้งเยอะแยะ” ลั่วซืออวี่พูดอย่างหงุดหงิด
ซิลเวอร์ไลท์แดนซ์พยักหน้าเห็นด้วยอย่างน่ารัก
“เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับดวง ฉันแค่โชคดีกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“เอาล่ะทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันจะค่อย ๆ หาสกิลพวกนี้ให้กับทุกคนเอง วันนี้ทุกคนก็สังเกตเทคนิคจากลู่หยางไปก่อน แค่การได้เรียนรู้จากเขามันก็น่าจะช่วยให้ทุกคนพัฒนาไปได้มากแล้ว” ฉือมู่กล่าว
นักเวทภายในทีมต่างก็พยักหน้ารับพร้อมกัน ทุกคนต่างก็ยอมรับว่าสิ่งที่ลู่หยางได้แสดงให้เห็นในก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่พวกเขายังไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
ซิลเวอร์วูฟกับลอร์ดเดสทรอยเยอร์ต่างก็พยักหน้ารับอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน เพราะเทคนิคที่ลู่หยางใช้ทำให้พวกเขาเปิดหูเปิดตามากพอสมควร
“เอาล่ะผมจะไปเปิดของจากบอสแล้วนะ ดูซิว่าในคราวนี้พวกเราจะได้รับอุปกรณ์อะไรดี ๆ บ้าง” ลู่หยางกล่าว ซึ่งมันก็ทำให้แววตาของทุกคนเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“รีบเปิดเลย”
ลู่หยางเดินไปที่หน้าบอส ก่อนที่เขาจะหยิบเกราะระดับเงินเลเวล 5 ออกมาต่อหน้าของทุกคน
“ให้ใครดี?” ลู่หยางถาม
“ของผม ๆ” ชิงเฟิงตะโกนขึ้นมาอย่างดีใจและถึงแม้เมื่อสักครู่เขาจะเสียค่าประสบการณ์ไป แต่เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ชิ้นนี้แล้วค่าประสบการณ์พวกนั้นก็แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
ลู่หยางส่งอุปกรณ์ให้ชิงเฟิงด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“คุณโชคดีมากเลยนะ ชุดเกราะชิ้นนี้ให้ค่าสถานะที่ดีมาก”
ชิงเฟิงเปลี่ยนไปสวมเกราะชุดใหม่ในทันที ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งพลังป้องกันและพลังชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมไปสูงมากพอสมควร
“พวกเราออกเดินทางต่อกันเถอะ หลังจากนี้เราจะเอาชนะบอสที่เหลืออีกสองตัวให้หมด” ลู่หยางตะโกนปลุกใจ
“เฮ้!” สมาชิกภายในทีมร้องตะโกนด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม และเหตุการณ์นี้มันก็ยิ่งทำให้ฉือมู่อยากชวนลู่หยางมาเข้าร่วมกิลด์มากยิ่งขึ้น
จากห้องโถงของปราสาทไปยังพื้นที่ชั้นที่ 3 มีค้างคาวดำฝูงหนึ่งห้อยหัวอยู่บนเพดาน ชิงเฟิงจึงเงยหน้าพร้อมกับอุทานขึ้นมาว่า
“ทำไมพวกมันถึงมีเยอะขนาดนี้?”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ลู่หยางถาม
“ค้างคาวพวกนี้มีอัตราการหลบหลีกสูงมาก แม้แต่การโจมตีด้วยเวทมนตร์พวกมันก็หลบได้ ตอนที่พวกเราลงดันเจียนระดับเอ็กซ์เพิร์ทในก่อนหน้านี้ พวกมันไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเรามากนัก แต่พวกมันก็ไล่โจมตีพวกเรามาโดยตลอด จะเรียกว่าพวกมันเป็นตัวน่ารำคาญประจำดันเจียนก็น่าจะไม่ผิด” ชิงเฟิงอธิบาย
“คราวนี้เราควรต้องฆ่าค้างคาวให้หมดก่อนแล้วค่อยไปต่อ ฉันคงทนไม่ไหวแล้วถ้าหากจะต้องถูกพวกมันมาไล่กัดอีก” ลั่วซืออวี่พูดอย่างโมโห
“ใช่ คราวที่แล้วมีค้างคาวอยู่เยอะมาก เท่าที่ฉันนับ ๆ ดูน่าจะมีพวกมันอยู่มากกว่า 36 ตัว ตอนนี้พวกเราลงมาในดันเจียระดับอีปิค มันจะต้องมีค้างคาวเยอะกว่าตอนที่พวกเราอยู่ในระดับเอ็กซ์เพิร์ทแน่ ๆ ถ้าไม่ฆ่าพวกมันลงไปก่อน ฉันคิดว่าพวกเราคงจะรับความเสียหายจากพวกมันไม่ไหว” ซิลเวอร์ไลท์แดนซ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ทำยังไงได้ก็พวกเราโจมตีพวกมันไม่ได้นิ พวกมันเร็วซะขนาดนั้น แม้แต่นักเวทก็ยังยิงใส่พวกมันไม่ได้” ลอร์ดเดสทรอยเยอร์กล่าวพร้อมกับยักไหล่
“แล้วจะทำยังไงกันดี? พวกเราทนค้างคาวเยอะขนาดนี้ไม่ได้แน่ ๆ”
“หรือว่าพวกเราจะต้องติดอยู่ที่นี่”
ทุกคนต่างก็เริ่มพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวฉันขอลองดูก่อน” ลู่หยางกล่าว
“อาจารย์ ค้างคาวพวกนี้มันเร็วมากเลยนะ” ลั่วซืออวี่กล่าว
ลู่หยางทำได้เพียงเผยรอยยิ้มออกมาเบา ๆ เพราะใน 5 ปีสุดท้ายของชีวิตก่อน ไม่เคยมีเป้าหมายไหนยืนนิ่ง ๆ ให้เขายิงเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งประสบการณ์ที่สะสมมาในครั้งนั้นเขาก็มีความมั่นใจว่าในระยะ 50 เมตรเขาไม่มีทางยิงพลาดเป้าอย่างแน่นอน
“ขอลองดูหน่อยนะ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับไปหยุดยืนอยู่ห่างจากฝูงค้างคาวประมาณ 30 เมตร โดยค้างคาวเหล่านี้ห้อยหัวอยู่บนเพดานแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละประมาณ 4 ตัวไม่ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่
ค้างคาวดำ
เลเวล 8
พลังชีวิต 500/500
การที่พวกมันอยู่ในดันเจียนระดับอีปิคและมีพลังชีวิตเพียงเท่านี้ก็หมายความว่าพวกมันมีความสามารถในการหลบหลีกสูงมาก ลู่หยางจึงเริ่มท่องคาถาซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไป 5 วินาที เขาก็ได้ยิงเบลซซิงเบิร์สไปที่ค้างคาวตัวหนึ่ง
ฝูงค้างคาวรีบบินกระจัดกระจายหลบเบลซซิงเบิร์สของลู่หยาง จากนั้นพวกมันก็เริ่มบินวนไปมาในพื้นที่แคบ ๆ ของระเบียงทางเดิน
“เฮ้อ ไม่ได้ผลจริง ๆ สินะ” ชิงเฟิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ลั่วซืออวี่กับซิลเวอร์ไลท์แดนซ์ยังคงนิ่งเงียบและมองไปยังลู่หยางอย่างตั้งใจ เพราะด้วยสัญชาตญาณความเป็นผู้หญิง พวกเธอก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันยังไม่จบลงเพียงเท่านี้
ลู่หยางยืนอยู่กับที่มองดูค้างคาวที่บินวนไปวนมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มท่องคาถาเพื่อรวบรวมพลังเปลวไฟขึ้นมาอีกครั้ง
พวกค้างคาวสัมผัสถึงความร้อนจากเบลซซิงเบิร์สได้อย่างรวดเร็ว พวกมันจึงบินอย่างว่องไวมากขึ้นกว่าเดิม น่าเสียดายที่ค้างคาวเหล่านี้ไม่รู้ว่าไม่ว่าพวกมันจะบินได้เร็วแค่ไหน แต่เส้นทางการบินของพวกมันก็ยังคงอยู่ในการคาดเดาของลู่หยางอยู่ดี
ทันใดนั้นลู่หยางก็ยิงลูกไฟขนาดใหญ่ไปยังพื้นที่จุดที่ไม่มีค้างคาวอยู่ในอากาศ
ค้างค้าวตัวหนึ่งบินม้วนตัวอย่างฉับพลันและจู่ ๆ ทุกคนก็รู้สึกราวกับว่าค้างคาวตัวนี้ตั้งใจบินเข้าไปชนเบลซซิงเบิร์สของลู่หยางด้วยตัวเอง
ตูม!
เบลซซิงเบิร์สพุ่งชนเข้ากลางลำตัวของค้างคาว
-542
ระบบ: คุณได้สังหารค้างคาวดำ ได้รับค่าประสบการณ์ 114 หน่วย
“สวย!” ชิงเฟิงอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและการยิงเบลซซิงเบิร์สของลู่หยางในครั้งนี้มันก็ได้ปลุกขวัญกำลังใจของทุกคนกลับขึ้นมาอีกครั้ง