บทที่ 92 ความแข็งแกร่งของลู่หยาง
บทที่ 92 ความแข็งแกร่งของลู่หยาง
เมื่อลู่หยางเห็นวิญญาณปรากฏออกมาเป็นจำนวนมาก เขาก็รีบตะโกนสั่งการออกไปว่า
“ทุกคนโจมตีบอสต่อไปไม่ต้องไปสนใจวิญญาณพวกนั้น”
หลังจากพูดจบร่างของลู่หยางก็กลายเป็นแสงสีขาว ก่อนที่เขาจะไปปรากฏตัวข้าง ๆ อัลเฟร็ด
รีซิสท์ไฟร์ริง!
วิญญาณทั้ง 24 ดวงที่พึ่งเคลื่อนที่ลงถึงพื้นถูกผลักให้กระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง เมื่อพวกมันตกลงบนพื้นอีกครั้งแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่พวกมันก็พุ่งเข้าหาลู่หยางอย่างรวดเร็ว
มอนสเตอร์ระดับอีปิคมีความเร็วในการเคลื่อนที่ 1.5 เท่าของผู้เล่น พวกมันจึงสามารถเข้ามาในระยะ 10 เมตรห่างจากลู่หยางได้ในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
ลู่หยางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อสถานการณ์นี้เลยแม้แต่น้อย และทันใดนั้นบริเวณใต้เท้าของเขาก็ปรากฏเปลวไฟขึ้นมาอย่างรุนแรง โดยเปลวไฟนี้เกิดขึ้นมาจากการเปิดใช้งานสกิล
สคอร์ชิ่งสปีดที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ให้กับผู้เล่น 125%
“ฉันจะล่อวิญญาณพวกนี้ออกไปก่อน ทุกคนโจมตีบอสอย่างสุดกำลัง อดทนเอาไว้ประมาณ 30 วินาทีแล้วฉันจะรีบกลับมา” ลู่หยางตะโกนออกคำสั่งก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปจากห้องโถง ซึ่งก่อนที่ชายหนุ่มจะวิ่งออกไปเขาก็ยังคงทิ้งสกิลคอมบัสชันเอาไว้กับบอสอีกห้าชั้น
ยิ่งซิลเวอร์วูฟเห็นว่าลู่หยางมีสกิลเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกนับถือและละอายใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เพราะถ้าหากลู่หยางใช้สกิลนี้ออกมาตั้งแต่แรกซิลเวอร์วูฟก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องอับอายขายขี้หน้าขนาดไหน
ขณะเดียวกันพวกลั่วซืออวี่ก็เคยคิดว่าพวกเธอไม่สามารถจะสู้กับบอสได้อีกต่อไปแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าลู่หยางยังคงซ่อนไพ่เด็ดของตัวเองเอาไว้ ขวัญกำลังใจของทุกคนจึงเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นทุกคนก็ทุ่มเทกำลังโจมตีบอสอย่างเต็มที่
ลู่หยางวิ่งลากวิญญาณร้ายจากห้องโถงในปราสาทไปจนถึงสวนบริเวณด้านนอก และเมื่อเขาได้วิ่งไปจนถึงกำแพงทางด้านขวาของสวนในที่สุดชายหนุ่มก็หยุดฝีเท้าลง
ปราสาทรัตติกาลนิรันดร์เคยผ่านสงครามในอดีตมาครั้งหนึ่งแล้วบนกำแพงจึงมีร่องรอยความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณที่ลู่หยางวิ่งผ่านที่แนวกำแพงบางส่วนถูกทำลายจนหายไปแล้ว
ลู่หยางหันกลับมามองวิญญาณที่ถูกเขาล่อให้รวมกันเป็นกลุ่มระหว่างวิ่งหลบหนีมาที่นี่ และเนื่องมาจากพวกมันไม่มีร่างกาย พวกมันจึงสามารถซ้อนทับกันได้อย่างสมบูรณ์
วิญญาณเหล่านี้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์และปัจจุบันพวกมันก็กำลังวิ่งขึ้นบันไดของกำแพง เมื่อวิญญาณเหล่านี้มองเห็นลู่หยางอยู่ข้างหน้าพวกมันต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกมันวิ่งมาถึงพื้นที่บริเวณที่ไม่มีกำแพง ร่างของลู่หยางก็กลายเป็นลำแสงก่อนจะมาปรากฏตัวบริเวณด้านข้างของพวกวิญญาณอย่างฉับพลัน
รีซิสท์ไฟร์ริง!
วิญญาณทั้ง 24 ดวงถูกผลของสกิลรีซิสท์ไฟร์ริงกระแทกอย่างกะทันหัน และเนื่องมาจากบริเวณด้านข้างไม่มีแนวกำแพงคอยป้องกันจึงทำให้ร่างของพวกมันตกลงไปในคูน้ำข้างปราสาท
นี่คือบัคที่เคยโด่งดังในชาติก่อน ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็อาจจะไม่ได้ถือว่าเป็นบัคเพียงแต่ผู้เล่นสามารถใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมของเกมได้อย่างสมเหตุสมผล ลู่หยางจึงจดจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะในอดีตมันเคยมีผู้เล่นออกมาถกเถียงกันถึงเรื่องนี้เป็นเวลานาน
พวกวิญญาณพยายามดิ้นรนขึ้นฝั่งจากคูน้ำและพวกมันต้องวิ่งอ้อมไปทางประตูหน้า ก่อนที่จะกลับเข้ามาในห้องโถงของปราสาทได้อีกครั้งหนึ่ง กระบวนการเหล่านี้จำเป็นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 นาที แล้วมันก็มีเวลามากพอให้ลู่หยางกลับไปเผชิญหน้ากับบอสอีกครั้ง
“ตอนนี้บอสเป็นยังไงบ้าง?” ลู่หยางส่งข้อความหาฉือมู่
“บอสเหลือเลือดแค่ 25% ชิงเฟิงตายไปแล้ว ตอนนี้มันกำลังไล่ฆ่าทุกคนอยู่ บอสโหมดคลั่งมันรับมือยากจนเกินไป นายรีบออกไปจากดันเจียนเถอะ รอบนี้พวกเราฆ่ามันไม่ได้หรอก” ฉือมู่ตอบ
ลู่หยางคาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เขาจึงรีบกลับไปในห้องโถงและได้เห็นว่าบอสสังหารนักเวทไปแล้วสองคน โดยในปัจจุบันมันกำลังเล็งเป้าหมายไปที่ลั่วซืออวี่
ลั่วซืออวี่รีบใช้สกิลแฟลชทำการหลบหนีอย่างตื่นตระหนก แต่เธอกลับลืมไปว่าพื้นที่ด้านหลังคือกำแพง ร่างเธอจึงสิ้นสุดตรงบริเวณกำแพงเท่านั้น หรือพูดง่าย ๆ ว่าเธอหนีออกไปจากตำแหน่งเดิมได้เพียงแค่ 10 เมตร
อัลเฟร็ดก้าวเท้าเพียงแค่สามก้าวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าลั่วซืออวี่แล้ว ในขณะที่หญิงสาวกำลังหลับตายอมรับชะตากรรมลู่หยางก็วิ่งเข้ามาในห้องโถง
ชายหนุ่มทำการถอดเสื้อคลุมสปอร์ออกในทันที จากนั้นเขาก็ยิงเบลซซิงเบิร์สเข้าใส่ศีรษะของบอสอย่างแม่นยำ
-500 (คริติคอล)
เมื่อไม่มีตัวแทงค์คอยชนบอสเอาไว้ ความเกลียดชังของบอสก็แทบที่จะลดลงเหลือศูนย์ การโจมตีติดคริตอคอลของลู่หยางจึงสร้างความเกลียดชังขึ้นมาอย่างฉับพลัน และมันก็ช่วยดึงความสนใจของอัลเฟร็ดไปที่เขา
อัลเฟร็ดหยุดชะงักค้างไปอย่างฉับพลันและมันก็ไม่ได้ฟาดค้อนลงใส่ลั่วซืออวี่อย่างที่ควรจะเป็น พ่อบ้านอันเดดหันไปมองลู่หยางด้วยความโกรธ ก่อนที่มันจะวิ่งเข้าหาชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“ไอ้พวกชั่วช้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” ค้อนภายในมือของอัลเฟร็ดเริ่มเปล่งประกายแสงสีดำขึ้นไปอีกครั้ง
ลู่หยางไม่เกรงกลัวสถานการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ซึ่งในระหว่างที่เขาใช้สกิลคอมบัสชันเข้าใส่อัลเฟร็ด เขาก็ร้องตะโกนบอกทุกคนว่า
“นักเวทรีบเข้าประจำตำแหน่งแล้วโจมตีบอสเดี๋ยวนี้ คนอื่นรีบตั้งสติและใช้การโจมตีระยะไกล นักบวชให้โฟกัสไปที่ผู้เล่นที่ติดพิษ”
ลั่วซืออวี่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและเมื่อเธอเห็นว่าลู่หยางช่วยชีวิตเธอเอาไว้ มันก็ทำให้ภายในใจเกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อผู้เล่นคนอื่น ๆ เห็นลู่หยางกลับมาแล้วทุกคนต่างก็พากันโล่งใจ เมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งของลู่หยาง ทุกคนก็รีบกลับไปประจำตำแหน่งอย่างรวดเร็วราวกับว่าชายคนนี้คือเสาหลักที่มั่นคงของทีม
พลังชีวิตของอัลเฟร็ดลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเพียงแค่พริบตาพลังชีวิตของมันก็เหลืออยู่เพียงแค่ 20% แต่ในเวลานี้มันก็ได้มาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าลู่หยางด้วยเช่นกัน
“ลู่หยางหนีเร็ว! นายรับมือมันไม่ไหวหรอก” ลั่วซืออวี่ตะโกนอย่างร้อนรน
“รีบใช้แฟลชเร็วเข้า” ซิลเวอร์ไลท์แดนซ์ตะโกนเสียงดัง
อย่างไรก็ตามลู่หยางก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เพราะเขารอจนกระทั่งอัลเฟร็ดเคลื่อนที่มาอยู่ตรงหน้าพร้อมกับฟาดค้อนทั้งสองลงมา แล้วในตอนนั้นร่างของชายหนุ่มก็กลายเป็นแสงสว่างหายไปอย่างฉับพลัน
พลาด!
อัลเฟร็ดจู่โจมพลาดเป้าพร้อม ๆ กับลู่หยางที่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งห่างจากบอสไป 30 เมตร ทันทีที่ชายหนุ่มปรากฏตัวเขาก็วางโมบายดัมมี่เอาไว้ที่พื้นพร้อมกับวิ่งออกไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ยิ่งอัลเฟร็ดจู่โจมพลาดมันก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังต่อลู่หยางมากยิ่งขึ้น ตอนนี้บอสไม่ได้สนใจผู้เล่นคนอื่นแล้วแต่มันกลับหันหลังพร้อมกับวิ่งไล่ตามลู่หยางไป
เมื่อทุกคนเห็นว่าลู่หยางยอมเผชิญหน้ากับอันตรายเพื่อดึงดูดความสนใจของบอส พวกเขาก็เข้าใจความตั้งใจของอีกฝ่ายได้ในทันที ทุกคนจึงทุ่มเทการโจมตีอย่างสุดกำลังทำให้ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาพลังชีวิตของบอสก็ลดลงมาเหลือ 15%
หลังจากวิ่งไล่ตามลู่หยางมานาน ในที่สุดชายหนุ่มก็ล่อบอสเข้ามาในระยะ 30 เมตรห่างจากโมบายดัมมี่
ตอนนี้ทุกคนคิดว่าลู่หยางคงจะต้องตายแน่ ๆ แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ออกคำสั่งให้โมบายดัมมี่ใช้สกิลยั่วยุออกมา
เมื่อโมบายดัมมี่ใช้สกิลยั่วยุมันก็ทำให้อัลเฟร็ดที่เกือบจะไล่ทันลู่หยางถูกเปลี่ยนเป้าหมายไปยังโมบายดัมมี่อย่างฉับพลัน
“ทุกคนโจมตีอย่างสุดกำลัง ซิลเวอร์วูฟยืนห่างจากหุ่นล่อทางขวา 30 เมตร ลอร์ดเดสทรอยเยอร์ยืนห่างไปทางขวาของซิลเวอร์วูฟอีก 30 เมตร” ลู่หยางตะโกนออกคำสั่ง
ทั้งซิลเวอร์วูฟและลอร์ดเดสทรอยเยอร์ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นระดับสูง พวกเขาจึงเข้าใจคำสั่งของลู่หยางได้ในทันที ทั้งคู่จึงรีบเคลื่อนที่เข้าหาตำแหน่งที่เหมาะสม โดยเว้นระยะห่างจากเป้าหมายที่ได้รับมอบหมายอยู่ที่ 30 เมตร
อัลเฟร็ดใช้เวลา 5 วินาทีเพื่อวิ่งมาจนถึงโมบายดัมมี่ ซึ่งทันทีที่บอสฟาดค้อนลงมาโมบายดัมมี่ที่มีพลังชีวิตเพียงแค่ 300 หน่วยก็แตกกระจายอย่างรวดเร็ว
เมื่อหุ่นล่อของลู่หยางถูกทำลาย อัลเฟร็ดก็มุ่งเป้าไปที่นักเวทหนุ่มอีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้ลู่หยางก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ดึงบอสไปเดี๋ยวนี้!”
ซิลเวอร์วูฟเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่ก่อนแล้วเมื่ออัลเฟร็ดทำลายหุ่นล่อของลู่หยาง เขาก็ใช้สกิลยั่วยุออกมาพร้อม ๆ กับคำสั่งของชายหนุ่ม
อัลเฟร็ดเปลี่ยนเป้าหมายวิ่งไปหาซิลเวอร์วูฟ ซึ่งในระหว่างนั้นลู่หยางก็ได้วางไฟร์วอลล์ 6 ชั้นติดต่อกันเพื่อกีดขวางเส้นทางระหว่างอัลเฟร็ดกับซิลเวอร์วูฟเอาไว้ ทำให้ตลอดเส้นทางการเคลื่อนไหวนี้บอสได้รับความเสียหายเข้าไปมากกว่า 3,000 หน่วย
เมื่อลู่หยางสร้างความเสียหายได้เป็นจำนวนมาก ค่าความเกลียดชังต่อบอสของเขาก็เพิ่มขึ้นเหนือกว่าซิลเวอร์วูฟทำให้บอสเปลี่ยนเป้าหมายวิ่งมาที่เขาอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างนี้มันก็ต้องวิ่งผ่านกำแพงไฟจนได้รับความเสียหายเข้าไปมากกว่า 3,000 หน่วยเช่นกัน
“เยี่ยม!” ทั้งฉือมู่และลั่วซืออวี่ต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันเมื่อได้เห็นการแก้ไขสถานการณ์ของลู่หยาง
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าอัลเฟร็ดกำลังจะวิ่งพ้นออกจากระยะไฟร์วอลล์ เขาก็ตะโกนบอกลอร์ดเดสทรอยเยอร์ที่อยู่ห่างออกไป
“ลอร์ดเดสทรอยเยอร์ใช้สกิลยั่วยุ”
ลอร์ดเดสทรอยเยอร์ใช้สกิลยั่วยุกับบอสในทันที ซึ่งเหตุการณ์มันก็ดำเนินไปเหมือนเดิมอีกครั้งโดยบอสวิ่งผ่านกำแพงไฟไป และเมื่อลู่หยางสร้างความเสียหายได้มากพอบอสก็หันกลับมามุ่งเป้าไปยังนักเวทหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง
ลู่หยางรู้ดีว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญแล้วเมื่อเขาได้เห็นว่าบอสเหลือพลังชีวิตอยู่แค่ 5% เขาก็รีบตะโกนสั่งการขึ้นมาเสียงดัง
“ทุกคนโจมตีอย่างสุดกำลัง อุปกรณ์จากบอสอยู่ใกล้กับเราแค่เอื้อมแล้ว!”
นักเวทคนอื่น ๆ ภายในทีมต่างก็อยากจะใช้ไฟร์บอลออกมาในทุก ๆ วินาที แต่พวกเขายังไม่รู้จักวิธีการย่อคาถา พวกเขาจึงทำได้แต่โจมตีตามความสามารถของตัวเองเท่านั้น ซึ่งในเวลานี้แม้แต่นักรบอย่างซิลเวอร์วูฟก็ยังเปลี่ยนอาวุธเป็นธนูมาโจมตีใส่บอส
7%
6%
5%
ร่างของอัลเฟร็ดเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ก่อนที่มันจะชูค้อนที่เปล่งประกายแสงสีดำวิ่งเข้าหาลู่หยางอย่างดุเดือด
4%
3%
2%
พลังชีวิตของอัลเฟรดลดลงอย่างรวดเร็วและในตอนนี้พ่อบ้านอันเดดก็มาถึงหน้าลู่หยางแล้ว แล้วในขณะที่บอสกำลังจะฟาดค้อนลงไปพลังชีวิตของมันก็เหลืออยู่เพียงแค่ 1% สุดท้าย
พลังชีวิต 1% หมายถึงพลังชีวิตเพียงแค่ 800 หน่วยเท่านั้น ทันใดนั่นเองเสียงหวีดร้องของนกเพลิงก็ปรากฏขึ้นจากมือของลู่หยาง
เฟลมเบิร์ด!
-1,084 (คริติคอล)
นกเพลิงบินเข้าปะทะศีรษะของอัลเฟร็ดอย่างแม่นยำทำให้ค้อนสีดำชะงักค้างกลางอากาศ ก่อนที่พ่อบ้านอันเดดจะล้มลงไปกับพื้นอย่างไม่เต็มใจ
“ท่านดยุก ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านผิดหวัง” อัลเฟร็ดส่งเสียงร้องขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย
ระบบ: คุณสังหารพ่อบ้านอัลเฟร็ดสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 4,533 หน่วย