ช่างตีเหล็กสายบั๊ก ตอนที่ 3 ผู้มีอาจารย์เป็นถึงลอร์ดแห่งเอลฟ์!
ช่างตีเหล็กสายบั๊ก ตอนที่ 3 ผู้มีอาจารย์เป็นถึงลอร์ดแห่งเอลฟ์!
ถังซวง ผู้บัญชาการของมณฑลเทียนหนาน กำลังเจรจาเรื่องผลประโยชน์อย่างเอาจริงเอาจัง กลยุทธ์นี้ถือว่าเฉียบขาดมาก
แต่ชิวอวี่เวยผู้สุภาพอ่อนโยนก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
หากมองจากมุมของซูเฉิน แน่นอนว่าต้องเลือกฝ่ายที่ให้ผลประโยชน์มากกว่า
ศักยภาพและความแข็งแกร่งของอาชีพเอกลักษณ์นั้นไม่อาจปฏิเสธได้ หากสามารถรักษาและพัฒนาต่อไปได้ ทรัพยากรที่ลงทุนไปในช่วงแรกจะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล ชิวอวี่เวยและถังซวงเข้าใจในหลักการนี้เป็นอย่างดี ผลประโยชน์และสวัสดิการจึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นเสนอที่จะแนะนำหญิงสาวผู้ครอบครองอาชีพที่อายุใกล้เคียงกันให้กับซูเฉินด้วย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั่วไปอิจฉาจนแทบบ้า
แต่ซูเฉินกลับรู้สึกพูดไม่ออก
เปลี่ยนเรื่องเร็วไปไหม?
เขาเหมือนคนขาดความรักจากสาว ๆ ขนาดนั้นเลยหรือ?
เป็นไปไม่ได้สิ
พูดจริง ๆ ถึงเขาจะไม่ได้หล่อระดับพระเอกนิยายรัก แต่ก็ดูดีมีสง่าราศี พอตัวเลยนะ ช่วงหลายปีมานี้ แค่จดหมายรักจากนักเรียนต่างห้องก็ไม่รู้กี่ฉบับ ถ้าอยากมีแฟน คงทำได้ง่าย ๆ ...
“ผมว่าถ้าคุณเพิ่มผลประโยชน์และทรัพยากรอีกหน่อย ผมคงตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”
ซูเฉินอยากพูดประโยคนี้มาก แต่เขายังไม่ทันได้เอ่ย ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะมาจากนอกห้องเรียน “ผู้บัญชาการทั้งสองคนลงทุนมากจริง ๆ เพื่อแย่งชิงผู้ครอบครองอาชีพเอกลักษณ์”
หญิงสาวผู้สง่างามคนหนึ่งสะพายกระบี่และถือน้ำเต้าใส่เหล้า เดินเข้ามาเป็นคนแรก
“มู่เหมียน? สาขามณฑลเป่ยเสวียนของพวกเธอก็อยากเข้ามาแย่งด้วยเหรอ?”
ถังซวงมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที สายตาของชิวอวี่เวยก็ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย
มู่เหมียน ระดับ 85 ผู้บัญชาการสาขาสหพันธ์มณฑลเป่ยเสวียน อาชีพหายาก [เซียนกระบี่จันทรา]
พลังโจมตีสูงมาก ถ้าสู้กันจริง ๆ พวกเธอสองคนรวมกันก็สู้ไม่ได้...
“ฮ่า ฮ่า แน่นอนว่าไม่ ฉันแค่รับคำสั่งมา”
หญิงสาวที่ชื่อมู่เหมียนหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ มองไปที่ซูเฉิน แล้วพูดว่า “คุณซูเฉินใช่ไหมคะ ทางสำนักงานใหญ่สหพันธ์ฝากฉันมาบอกว่า ถ้าคุณตกลงไปที่สำนักงานใหญ่ จะมีคนรับคุณเป็นศิษย์ สวัสดิการและผลประโยชน์ทุกอย่างรับรองว่าสูงกว่าสาขาอื่น ๆ แน่นอน และต่อไปใครทำให้คุณไม่พอใจ อาจารย์คนนี้ก็จะจัดการให้ แถมยังจะช่วยคุณหาวัสดุระดับสูงอีกด้วย”
พูดจบ เธอก็หลีกทางให้หญิงสาวผู้ถือคทาเวทไม้โอ๊ก ที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตา เดินเข้ามา มองไปที่ซูเฉิน
สีหน้าของชิวอวี่เวยและถังซวงเปลี่ยนไปในทันที
“เธอชื่อจูหยวนเอ๋อร์ เป็นเอลฟ์ลอร์ดระดับ 100 เชียวนะ ตอนมาฉันได้ดูประวัติของคุณแล้ว เธอก็ค่อนข้างถูกใจคุณนะ” มู่เหมียนพูดไปเรื่อย ๆ น้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย
ซูเฉินมองไปที่หญิงสาวผู้ไร้สีหน้า ส่วนสูงราว ๆ 150 เซนติเมตร แล้วมองไปที่ชิวอวี่เวยและถังซวงอีกครั้ง
หญิงสาวทั้งสองคนหลบสายตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนจะเสียความมั่นใจไปแล้ว
ยอมแพ้แล้วสินะ...
ซูเฉินกระพริบตา
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะจบลงแล้ว
เขาขยี้หว่างคิ้ว ทันใดนั้นจูหยวนเอ๋อร์ก็เดินมาหาเขา ยื่นแหวนวงเล็ก ๆ ให้
“เมื่อเปิดใช้งาน จะได้รับวัสดุระดับเพชรสามร้อยชิ้น สามารถใช้ฝึกฝนความเชี่ยวชาญทักษะได้” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงรวบรวมได้แค่นี้”
“ถ้าไม่พอใจ รอไปถึงมณฑลเป่ยเสวียน ฉันจะช่วยหาเพิ่มให้”
เธอพูดพลางเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ใสราวกับน้ำฉายแววความหวัง “ตอนนี้ เธออยากเป็นศิษย์ของฉันไหม?”
รวบรวมได้แค่นี้?
นี่คือวัสดุระดับเพชรสามร้อยชิ้นเชียวนะ เป็นระดับที่รองจากตำนาน ทำไมพูดอย่างกับเป็นวัสดุระดับเคลือบขาวที่หาได้ทั่วไป...
แม้ว่าจะมีพรสวรรค์การหลอมสร้างไม่รู้จบและอาชีพเอกลักษณ์ติดตัวอยู่แล้ว ซูเฉินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความร่ำรวยที่ถาโถมเข้ามา
พูดตามตรง สิ่งนี้ไม่ได้ดึงดูดใจเขามากนัก แต่การมีที่พึ่งพิงในช่วงแรกก็ถือว่าดี
“อาจารย์ ต่อไปนี้ขอฝากตัวด้วยครับ”
ดังนั้น โดยแทบไม่ลังเล เขาจึงรับแหวนมาอย่างเด็ดขาด ข้อความแจ้งเตือนการเพิ่มพลังปรากฏขึ้นแวบหนึ่งต่อหน้าเขา
“อืม”
จูหยวนเอ๋อร์พยักหน้า รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเพียงเสี้ยววินาที เธอยืนเขย่งปลายเท้า เอื้อมมือมาลูบหัวเขา “เด็กดี”
——
“ไม่คิดว่าท่านผู้นั้นจะมาด้วย” ชิวอวี่เวยถอนหายใจ เมื่อเห็นซูเฉินและอีกสองคนหายไปในค่ายกลเวทเคลื่อนย้าย
จูหยวนเอ๋อร์
เอลฟ์ลอร์ด ระดับ 100
มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสหพันธ์ ยอดฝีมือผู้ปราบปรามประตูมิติหลายหมื่นแห่ง
ใครจะคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกติเก็บตัวเงียบเชียบ จะมาแย่งชิงคนกับผู้บัญชาการอย่างพวกเธอด้วยตัวเอง?
“ปวดหัวจริง ๆ ไม่คิดว่าจะมาเสียเที่ยว” ถังซวงบ่นพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะ “ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ไม่ได้ไปกับเธอ ฉันก็สบายใจขึ้นหน่อย”
“เธอก็ไม่ได้ตัวเขาไปเหมือนกันนี่”
ชิวอวี่เวยเหลือบมองเธอ ในขณะที่ยังคงยิ้มอยู่ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนพร้อมจะระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่ถังซวงไม่ได้กลัว เงามืดรอบตัวเธอพลุ่งพล่าน ร่างกายเริ่มเลือนราง “ฉันอาจจะแย่งไปไม่ได้ แต่น้องสาวฉันต้องทำได้แน่ ตอนนี้เธอก็อยู่ที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์เหมือนกัน”
“ฮ่า ฮ่า สาขามณฑลหนานโจวของพวกเธอคงไม่ได้อะไรหรอก”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้น พร้อมกับการหายตัวไปของถังซวง
ชิวอวี่เวยจ้องมองไปยังเงามืดที่สงบลงหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วแค่นเสียง
“ยัยนี่ ยังหลงตัวเองเหมือนเดิม...”
“พูดเหมือนมีแค่น้องสาวเธอคนเดียวที่อยู่สำนักงานใหญ่สหพันธ์”