ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 45 ประชิดเมือง
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 45 ประชิดเมือง
“น่าเสียดาย คงต้องทำให้พวกเขาผิดหวังเสียแล้ว”
เยี่ยหมิงเผยรอยยิ้มมุมปาก
เบนสายตาไปยังมือสังหารผู้นั้น “ข้าทราบแล้ว เจ้าไปเถิด”
“ขอรับ”
หลังจากที่คนผู้นั้นจากไป
เยี่ยหมิงยังไม่ทันเอ่ยวาจา เฟิงชิงจู๋กลับกล่าวขึ้น “คุณชาย ท่านจะมอบหมายคนเหล่านี้ให้ข้ารับใช้จัดการหรือไม่เจ้าคะ”
“ในเมื่อเจ้าต้องการ เช่นนั้นก็มอบให้เจ้าเถิด”
เยี่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย บังเอิญว่าเขาก็อยากจะเห็นพลังอำนาจของระดับถ้ำพำนัก
“เช่นนั้น ข้ารับใช้ก็ขอขอบคุณคุณชาย”
เฟิงชิงจู๋กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
……
ณ ที่ไกลโพ้น กองทัพอันยิ่งใหญ่กำลังเดินทางข้ามดินแดนทะเลทราย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฝ่าบาทก็ช่างคิด การจัดการราชวงศ์ที่อ่อนแอเช่นนี้ การส่งยอดฝีมือระดับบำรุงจิตมากมายเช่นพวกเรามาก็เพียงพอแล้ว เหตุใดจึงต้องร่วมมือกับราชวงศ์อื่นอีก”
บุรุษร่างกำยำกล่าวจบ ก็เหลือบมองยอดฝีมือระดับบำรุงจิตหลายคนที่อยู่ไม่ไกล
ชายชราที่หลับตาลง ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น “ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน……มียอดฝีมือ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยอดฝีมือหรือ? ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนเป็นเพียงเปลือกกระมัง”
“ยอดฝีมือระดับบำรุงจิตที่แท้จริงมีเพียงผู้ตรวจการสวี่หยาเซิง และผู้บัญชาการชายแดนเฉินโป้เซียวที่มีเพียงระดับบำรุงจิตหนึ่งชั้นฟ้า รวมไปถึงยอดฝีมือจากศาลาสังหารโลหิต ที่คาดเดาว่ามีระดับตบะระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้า”
“กล่าวถึงตรงนี้ ข้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ถึงถูกองค์กรมือสังหารเล็ก ๆ ทำลายล้างได้”
ชายร่างเล็กที่มีความสูงเพียงหนึ่งเมตรสามสิบเซนติเมตร กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย
ได้ยินเช่นนั้นชายชรามิได้เอ่ยวาจาใด ๆ บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไป
รวมแล้วด้วย กองทัพนี้มียอดฝีมือระดับบำรุงจิตถึงเจ็ดคน
ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนที่บาดเจ็บสาหัส จะสามารถต้านทานพลังอำนาจเช่นนี้ได้หรือ?
“พี่น้องทั้งหลาย เร่งฝีเท้าเถิด ข้าได้ยินมาว่าราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนมีสตรีมากมาย เมื่อพวกเรายึดครองเมืองได้ พวกเจ้าก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ”
บุรุษร่างกำยำที่เคราปกคลุมทั่วใบหน้า ยกแก้วสุราขึ้น กล่าวกับเหล่าทหารโดยรอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“โอ้!”
“ดี!”
ในพริบตา ขวัญกำลังใจของทุกคนก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก พวกเขารีบเร่งฝีเท้า
พวกเขาคงไม่รู้ว่าการเดินทางมายังราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนครั้งนี้ จะเป็นจุดจบของพวกเขา!
……
เมื่อหายนะค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา
ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน
ด้วยการกระทำอย่างลับ ๆ ของสวี่หยาเซิงและศาลาสังหารโลหิต
ความวุ่นวายในเมืองใหญ่และเขตต่าง ๆ ก็สงบลง
สวี่หยาเซิงกล่าวว่า “เมื่อวานนี้ ข้าได้รับข่าวสารจากผู้บัญชาการเฉินว่า ที่ชายแดนมีกองทัพที่รวมตัวกันจากหลายราชวงศ์ราชันกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองลัวลี่ คาดว่าคงจะมาไม่ดี”
“อืม ตอนนี้ความวุ่นวายภายในราชวงศ์สงบลงแล้ว เหลือเพียงปัญหาภายนอกเท่านั้น”
ซวนหลวนเทียนกล่าวอย่างช้า ๆ
สวี่หยาเซิงเอ่ยถาม “ท่านซวนหลวนเทียน เอ่อ… ศาลาสังหารโลหิตมีวิธีการใดหรือไม่”
ซวนหลวนเทียนยิ้มเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยการเยาะเย้ย “ในเมื่อสามารถใช้วิธีการต่อสู้ได้ เหตุใดจึงต้องใช้วิธีการอื่น”
“ท่านหมายความว่า……ศาลาสังหารโลหิตต้องการที่จะต่อสู้กับกองทัพพันธมิตรราชวงศ์ราชันหรือ”
สีหน้าของสวี่หยาเซิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
กล่าวต่อ “ท่านซวนหลวนเทียน มิใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจศาลาสังหารโลหิต แต่……เท่าที่ข้ารู้ อีกฝ่ายมียอดฝีมือระดับบำรุงจิตเจ็ดคน”
“ในบรรดานั้น ยังคงมียอดฝีมือระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าสองคน นี่……”
ความกังวลของสวี่หยาเซิงเป็นเรื่องปกติ
ในความคิดของเขา ศาลาสังหารโลหิตนอกจากเจ้าศาลาที่ลึกลับแล้ว ก็มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือองค์รักษ์ดำที่เขาพบเจอในวันนั้น
แม้ว่าเจ้าศาลาผู้นั้นจะมีระดับตบะระดับบำรุงจิตเก้าชั้นฟ้า
แต่อีกฝ่ายมียอดฝีมือระดับบำรุงจิตถึงเจ็ดคน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามราชวงศ์ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
พลังอำนาจเช่นนี้ เทียบเท่าขุมอำนาจระดับหก
“โปรดวางใจ เจ้าเพียงแค่มองดูก็พอ เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็จะรู้ว่าเบื้องหน้าศาลาสังหารโลหิต กองทัพพันธมิตรราชวงศ์ราชันก็ไม่ต่างจากไก่รองบ่อน”
ซวนหลวนเทียนเผยท่าทางที่มั่นใจเป็นครั้งแรก
เพราะเขารู้ดีว่าพลังอำนาจโดยรวมของศาลาสังหารโลหิตในตอนนี้ เทียบเท่าขุมอำนาจระดับห้า!
……
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในพริบตา กองทัพพันธมิตรที่รวมตัวกันจากสามราชวงศ์ราชัน กองทัพหนึ่งแสนนาย ก็มาถึงเบื้องหน้าเมืองหลวง
“ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนของข้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับราชวงศ์ราชันเหยียนสุ่ย ราชวงศ์ราชันเทียนผิง และราชวงศ์ราชันพั่วซือ พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เฉินโป้เซียว ผู้บัญชาการชายแดนแห่งราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนขมวดคิ้ว กล่าว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผู้บัญชาการเฉินไม่ต้องกังวล พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อที่จะช่วยเหลือราชวงศ์ของท่านกำจัดศาลาสังหารโลหิต ขุมอำนาจชั่วร้ายเช่นนี้ พวกเราต้องร่วมมือกันกำจัด”
ยอดฝีมือระดับบำรุงจิตจากราชวงศ์ราชันโป้เซียวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
เฉินโป้เซียวที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินเช่นนั้น ภายในใจก็หนักอึ้ง
กำจัด?
คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนี้ แต่เขา เฉินโป้เซียว ย่อมต้องเข้าใจ
นี่เป็นเพียงข้ออ้าง พวกเขาต้องการเข้ามายังราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนอย่างเปิดเผย
ใครจะรู้ว่าหลังจากที่พวกเขาเข้ามาแล้ว จะทำเรื่องเลวร้ายใด ๆ
“ไม่จำเป็น ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนของข้าสามารถจัดการเรื่องภายในได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความวุ่นวายภายในราชวงศ์ก็สงบลงแล้ว ไม่ต้องรบกวนพวกเจ้า”
เฉินโป้เซียวกล่าว
“โอ้ ฮ่องเต้พระองค์ใหม่หรือ?”
“เท่าที่ข้ารู้ ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนคือผู้ตรวจการสวี่หยาเซิง เหตุใดผู้ตรวจการจึงกลายเป็นฮ่องเต้ได้”
บุรุษผู้นั้นมีแววตาเย็นชา กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ข้าสงสัยว่าสวี่หยาเซิง ผู้ตรวจการแห่งราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนคิดก่อกบฏ ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวน พวกเราต้องนำตัวเขากลับไปสอบสวน!”
“ส่วนราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนจะอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเราสามราชวงศ์ชั่วคราว”
ในที่สุดเฉินโป้เซียวก็อดทนไม่ได้ ตะโกนว่า “เจ้าบังอาจ!”
“หึ ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมเปิดประตูเมือง ก็แสดงว่าพวกเจ้าร่วมมือกับคนชั่วร้ายอย่างสวี่หยาเซิง เช่นนั้นก็อย่าได้โทษพวกเราที่ต้องบุกเข้าไป”
“ลงมือ!”
ในขณะที่ยอดฝีมือระดับบำรุงจิตสี่ชั้นฟ้าจากราชวงศ์ราชันโป้เซียวกำลังจะใช้พลังอำนาจทำลายประตูเมือง
“หยุด!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน
ผู้ที่เอ่ยวาจาคือชายชราชุดเขียวที่หลับตาลงตลอดทาง
“อย่าคิดว่าเจ้าเป็นถึงยอดฝีมือระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าแล้วจะทำสิ่งใดก็ได้ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
บุรุษผู้นั้นเห็นชายชราขัดจังหวะตนเอง จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร
ชายชรามองไปยังกำแพงเมืองด้วยสายตาที่จริงจัง กล่าวว่า “ที่นั่นมียอดฝีมือ และ……แข็งแกร่งยิ่งนัก!”