ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 41 เริ่มต้นเก็บกวาด
ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 41 เริ่มต้นเก็บกวาด
“แม้ว่าจะปล่อยให้สารเลวซุ่ยกว่างนั่นหนีไปได้ แต่บาดแผลที่เขาได้รับตอนนี้หนักกว่าข้าหลายเท่า”
“ถึงเวลานั้น ค่อยส่งคนอื่นไปจัดการเขาก็ยังไม่สาย”
หลิวฟูหลานเหลือบมองไปยังตำหนักซุ่ยหยวน
ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับเสียงสรรเสริญที่ไพเราะ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทิศทางของตำหนักซุ่ยหยวน
“น้อมรับคำสั่งของเจ้าศาลา ผู้ใดที่เป็นคนของตระกูลหลิว สังหารอย่างไร้ความปราณี!”
ทันใดนั้น กลิ่นอายที่ราวกับคลื่นยักษ์ก็พุ่งออกมาจากตำหนักซุ่ยหยวน
“ระ… ระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้า! เป็นไปได้อย่างไร! ภายในราชวงศ์จะมีผู้ใดที่สามารถบรรลุระดับเดียวกับข้าได้!”
สีหน้าของหลิวฟูหลานซีดเผือด
ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หากเจ้าของกลิ่นอายนี้เป็นผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าจริง ๆ เขาก็คงต้องตายอย่างแน่นอน
ในขณะที่เขากำลังหวาดกลัว ทุกคนต่างก็เห็นแสงสว่างหนึ่งสายพุ่งออกมาจากตำหนักซุ่ยหยวน
จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหลิวฟูหลาน
ผู้มาใหม่สวมชุดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นชายวัยกลางคน
กลิ่นอายอันน่ากลัวแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของชายผู้นั้น
หลิวฟูหลานมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องเป็นผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้า!
“ขอบังอาจถามว่าท่านมาจากที่ใด”
หลิวฟูหลานป้องมือคารวะองค์รักษ์ดำ
ในสายตาของเขา องค์รักษ์ดำอาจจะเป็นผู้แข็งแกร่งจากราชวงศ์อื่น
ท้ายที่สุดแล้ว การต่อสู้เมื่อครู่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งจากราชวงศ์อื่นได้อย่างง่ายดาย
หากอีกฝ่ายเป็นคนของราชวงศ์อื่นจริง ๆ
จุดประสงค์ของพวกเขาก็ชัดเจน พวกเขาต้องการฉวยโอกาสที่ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนอ่อนแอลง แย่งชิงดินแดน!
ด้วยเหตุนี้ หลิวฟูหลานจึงคิดหาวิธีรับมือในเวลาอันสั้น
หากผู้มาใหม่เป็นคนของราชวงศ์อื่นจริง ๆ เขาก็ยอมที่จะยินยอมทุกอย่าง ถึงเวลานั้น เมื่อบาดแผลหายดีแล้ว ค่อยแย่งชิงกลับคืนมาก็ยังไม่สาย
ตอนนี้เขาไม่มีพลังที่จะต่อกรกับผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าได้ จำเป็นต้องถามที่มาและจุดประสงค์ของอีกฝ่ายเสียก่อน จึงจะสามารถวางแผนได้
ทว่าคำพูดขององค์รักษ์ดำในวินาทีถัดมา ทำให้เขาขมวดคิ้ว
“มือสังหารระดับเร้นลับชั้นตรีแห่งศาลาสังหารโลหิต องค์รักษ์ดำ น้อมรับคำสั่ง เดินทางมาเพื่อสังหารเจ้า!”
องค์รักษ์ดำกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไร้อารมณ์
หลิวฟูหลานตกตะลึง “ศาลาสังหารโลหิต?”
ในช่วงร้อยปีที่เขาปิดด่านบำเพ็ญเพียร รอบ ๆ ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนมีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ปรากฏขึ้นหรือ?
แต่เมื่อได้ยินประโยคหลัง สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป
หลิวฟูหลานรีบกล่าว “ท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งศาลาสังหารโลหิต ข้าคิดว่าพวกเราสามารถพูดคุยกันได้ หากศาลาสังหารโลหิตต้องการสิ่งใด ก็จงบอกกล่าวมา ข้าคือหลิวฟูหลาน ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ราชันหลิวหยวน ขอเพียง……”
วูบ!
เงาร่างขององค์รักษ์ดำหายวับไปในพริบตา ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหลิวฟูหลาน
ชักแมลงปอโลหิตออกมาจากเอว ฟาดฟันไปยังคอของหลิวฟูหลาน!
“เร็วยิ่งนัก!”
สีหน้าของหลิวฟูหลานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คิดในใจ “กระบี่เชิดสวรรค์”
กระบี่เชิดสวรรค์ในมือขวาของหลิวฟูหลานหลุดออกจากมือ บินไปขวางดาบขององค์รักษ์ดำ
สมบัติเวทสองชิ้นปะทะกัน
ตู้ม!!!
เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น
“พลังอำนาจของสมบัติเวทระดับนิลสองชิ้น ท่านผู้ยิ่งใหญ่คงจะรู้ดี หากไม่อยากตาย ข้าแนะนำให้ท่านยอมแพ้เสียดีกว่า”
สีหน้าของหลิวฟูหลานเคร่งขรึม
มองดูคลื่นพลังที่แผ่กระจายออกมาจากการปะทะกันของดาบและกระบี่
“ระดับนิล? ใครกันที่บอกเจ้าว่านี่คือระดับนิล?”
องค์รักษ์ดำยิ้มกว้าง “แมลงปอโลหิต ปลดผนึก!”
ทันใดนั้น พลังอำนาจอันน่ากลัวก็พุ่งออกมาจากดาบยาวสีดำ
“ประเดี๋ยวก่อน… พลังอำนาจนี้… หรือว่าจะเป็น… สมบัติเวทระดับปฐพี!”
ดวงตาของหลิวฟูหลานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่คิดเลยว่าสมบัติเวทที่แม้แต่สำนักใหญ่ก็ยังคงยากที่จะครอบครอง ผู้บำเพ็ญระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าผู้นี้จะมี!
“จง… มอบศีรษะให้ข้า!”
ดวงตาขององค์รักษ์ดำเต็มไปด้วยความเย็นชา
แมลงปอโลหิตในมือผ่ากระบี่เชิดสวรรค์ออกเป็นสองส่วน!
องค์รักษ์ดำเหวี่ยงแมลงปอโลหิตลงมา ฟาดฟันไปยังคอของหลิวฟูหลาน
ฉัวะ!
โลหิตพุ่งกระจาย ราวกับดอกไม้ไฟ
เบื้องล่างเมืองลัวลี่
เหล่าขุนนางผู้มีอำนาจต่างก็ตกตะลึง
“ฝ่า… ฝ่าบาท… เพียงเท่านี้หรือ?”
“ศา… ศาลาสังหารโลหิต! ศาลาสังหารโลหิตมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่หรือ”
“จบแล้ว จบสิ้นแล้ว ดูเหมือนว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ราชวงศ์ราชันซุ่ยหยวนจะตกอยู่ในกำมือขององค์กรมือสังหารแล้ว”
เหล่าขุนนางผู้มีอำนาจมากมายที่มองการณ์ไกล คาดการณ์ถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รีบวิ่งกลับไปยังจวนของตนเอง บอกกล่าวให้ทุกคนในตระกูลเก็บข้าวของและทรัพย์สมบัติ เตรียมตัวหลบหนีไปยังราชวงศ์อื่น
หลังจากจัดการหลิวฟูหลานแล้ว
องค์รักษ์ดำเหลือบมองเหล่าขุนนางที่กำลังหวาดกลัวเบื้องล่าง
จากนั้นจึงหันไปมองตำหนักซุ่ยหยวน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ข้าฝากเรื่องที่เหลือไว้กับเจ้า”
“ขอรับ”
สวี่หยาเซิงป้องมือคารวะ
หลังจากกล่าวจบ เงาร่างขององค์รักษ์ดำก็หายไป
ณ เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง
หลิวชิงเฟิงมีใบหน้าซีดเผือด ราวกับถูกป้ายด้วยแป้ง
ฟางซงป้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลิ่นอายอ่อนแอลงอย่างมาก กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “เจ้าตระกูลหลิว ดูเหมือนว่าความฝันในวสันตสารทของเจ้าจะสลายไปแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง อสูรร้ายที่พวกเรามองว่าเป็นเพียงมดปลวก กลับกลายเป็นพยัคฆ์ร้าย”
“เป็นไปได้อย่างไร ศาลาสังหารโลหิตเล็ก ๆ จะมีผู้แข็งแกร่งระดับบำรุงจิตแปดชั้นฟ้าได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้!”
หลิวชิงเฟิงกล่าวด้วยความโกรธ
ภาพเหตุการณ์ที่องค์รักษ์ดำสังหารหลิวฟูหลานด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาเห็นอย่างชัดเจน
แต่เขาไม่เข้าใจเหตุใดศาลาสังหารโลหิตจึงมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่
ทำให้แผนการร้อยปีของตระกูลหลิวต้องพังทลายลง!
“เจ้าตระกูลหลิว ตามที่ตกลงกันไว้ ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป พวกข้าขอตัวก่อน”
เดิมทีมีหัวหน้าขุมอำนาจใต้ดินหลายสิบคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงแปดคน
“ข้าก็เช่นกัน”
“ในเมื่อตระกูลหลิวไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ข้า อู๋เทียนกังผู้นี้ก็มิใช่คนโง่เขลาที่จะยอมสละชีวิตเพื่อพวกเจ้า”
อีกแปดคนกล่าว จากนั้นก็หลบหนีไปคนละทิศละทาง
สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งต่อสอง ยังคงมีศิษย์ระดับเคลื่อนวิญญาณของตระกูลฟางไม่กี่คน
“พวกเจ้า!”
หลิวชิงเฟิงเห็นเช่นนั้นก็โกรธแค้นอย่างยิ่ง
ตนเองไม่น่าจะเมตตาพวกเขา ปล่อยให้ขุมอำนาจใต้ดินเหล่านี้เติบโตขึ้น
“อ๊าก!”
“ประเดี๋ยวก่อน!”
“พวกเจ้าเป็นใคร!”
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!
เสียงร้องของปรมาจารย์ระดับเคลื่อนวิญญาณแปดคนดังขึ้น
เมื่อหลิวชิงเฟิงหันกลับไป ศพมากมายนอนอยู่บนพื้น
สิ่งที่ปรากฏในสายตา คือยอดฝีมือระดับเคลื่อนวิญญาณที่ร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหาร!