ตอนที่แล้วบทที่ 90 หนี้บุญคุณในชาติก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 92 ความแข็งแกร่งของลู่หยาง

บทที่ 91 อัลเฟร็ดคลั่ง


บทที่ 91 อัลเฟร็ดคลั่ง

หลังจากสมาชิกภายในทีมมาหยุดอยู่ห่างจากอัลเฟร็ดประมาณ 50 เมตร ลู่หยางก็เริ่มออกคำสั่งจัดวางตำแหน่งให้ทุกคนยืนห่างกันประมาณ 5 เมตร โดยยืนในลักษณะเป็นสามเหลี่ยมรูปเล็ก ๆ ส่วนผู้เล่นระยะไกลทั้งหมดถูกจัดวางให้ยืนอยู่ในแนวโค้ง

ลู่หยางยืนตรงกลางของแนวโค้ง โดยด้านหน้าของเขาคือชิงเฟิงผู้ซึ่งเป็นตัวแทงค์หลักของทีม

“ชิงเฟิงวิ่งเข้าไปดึงบอสมา คนอื่น ๆ รออยู่ที่เดิมพอบอสวิ่งมาถึงให้ชิงเฟิงอ้อมไปอีกด้านเพื่อให้บอสหันหลังมาทางพวกเรา” ลู่หยางสั่ง

“ครับ” ชิงเฟิงรับคำสั่งก่อนที่เขาจะใช้สกิลชาร์จพร้อมกับวิ่งลากบอสมายังตำแหน่งที่เตรียมการเอาไว้ เมื่อบอสอยู่ห่างจากทุกคนในระยะ 30 เมตร เขาก็อ้อมไปทางด้านหลังเพื่อให้ผู้เล่นคนอื่นสามารถโจมตีได้อย่างสะดวก

“ทุกคนโจมตีเต็มกำลัง นักบวชให้โฟกัสไปที่ชิงเฟิงเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ที่ติดพิษฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง” ลู่หยางตะโกน

จากนั้นชายหนุ่มก็ใส่สกิลคอมบัสชันเข้าใส่บอส 5 ชั้นเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้กับนักเวทไฟ ทำให้ภายในเวลาไม่ถึง 1 นาทีพลังชีวิตของอัลเฟร็ดก็ลดเหลือเพียงแค่ 60,000 หน่วย

ระหว่างการต่อสู้อัลเฟร็ดพยายามฟื้นฟูเลือดตัวเอง 2 ครั้ง แต่เขาก็ได้ถูกลู่หยางใช้สกิลเคาน์เตอร์สเปลขัดจังหวะอย่างแม่นยำ จนทำให้บอสไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตของตัวเองกลับมาได้เลย

“ไอ้พวกชั่วช้า ข้าจะลงโทษพวกเจ้าเอง!!” ค้อนคู่ภายในมือของอัลเฟร็ดเปล่งแสงสีดำ ก่อนที่เขาจะฟาดค้อนลงมาใส่ชิงเฟิง

-574

“ฮีลเร็วเข้า!” ชิงเฟิงตะโกน

นักบวชทั้งห้าคนต่างก็ใช้สกิลฮีลใส่ชิงเฟิงพร้อม ๆ กัน แต่เนื่องมาจากประสิทธิภาพในการรักษาถูกลดลง 50% ชิงเฟิงจึงถูกฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมาเพียงแค่ 200 กว่าหน่วยเท่านั้น

ระหว่างที่นักบวชกำลังร่ายสกิลฮีล ร่างของอัลเฟร็ดก็เปล่งแสงสีเขียวก่อนที่นักเวท 3 คนข้าง ๆ ลู่หยางจะเกิดไอคอนติดพิษขึ้นมาพร้อมกัน

-100

“ชิบหายแล้ว! พิษโคตรแรงเลย!!” นักเวทคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นตระหนก เพราะเขามีพลังชีวิตเพียงแค่ 200 กว่าหน่วย หรือมันก็หมายความว่าอีกเพียงแค่ 2 วินาทีเขาจะถูกพิษกัดกินจนตายแน่ ๆ

นักเวทอีกสองคนก็เริ่มตะโกนอย่างตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน แต่ในทันใดนั้นลู่หยางก็ยกมือขึ้นใช้สกิลฮีลเข้าใส่พวกเขาทั้งสามอย่างต่อเนื่อง

นักเวททั้งสามมองดูหลอดพลังชีวิตที่กำลังเด้งขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างตื่นตระหนก ซึ่งหลังจากที่พิษหายไปแต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ นักเวททั้งสามจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“ขอบคุณครับอาจารย์” นักเวททั้งสามขอบคุณลู่หยางพร้อม ๆ กัน เพราะถ้าหากมันเกิดการเสียชีวิตในดันเจียน มันก็หมายถึงการสูญเสียค่าประสบการณ์ไปถึง 10% ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับทุกคน

“ตั้งใจตีบอสต่อเร็วเข้า เราต้องบังคับให้มันเข้าสู่เฟสที่ 2 ให้ได้” ลู่หยางสั่ง

“ครับ” นักเวททั้งสามพยักหน้าก่อนที่จะโจมตีอย่างสุดกำลังทำให้อีก 1 นาทีต่อมาอัลเฟร็ดก็เริ่มเข้าสู่เฟสที่ 2 แล้วจริง ๆ

“จงออกมาทาสทั้งหลายของข้า แล้วฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก” ร่างของอัลเฟร็ดเริ่มเปล่งแสงเป็นประกาย จากนั้นมันก็มีวิญญาณสีขาว 8 ดวงลอยลงมาบนพื้น

“สายตีไกลทั้งหมดเล็งไปที่วิญญาณ ให้คอยสังเกตไอคอนของสกิลคอมบัสชันเป็นหลักแล้วโฟกัสไปที่มอนสเตอร์ตัวนั้นก่อน ส่วนสายระยะประชิดให้โจมตีบอสต่อไป” ลู่หยางตะโกน

วิญญาณสีขาวแต่ละดวงมีพลังชีวิต 8,000 หน่วยและมีพลังโจมตีอยู่มากกว่า 80 หน่วย วิธีการโจมตีของพวกมันคือการปล่อยลำแสงสีขาวซีดเข้าใส่ผู้เล่น ยิ่งไปกว่านั้นลำแสงเหล่านี้ยังสามารถชิ่งได้ถึง 4 ครั้ง

นักรบที่มีพลังชีวิตสูงจะสามารถอดทนต่อการโจมตีของวิญญาณเหล่านี้ได้เป็นการชั่วคราว แต่สำหรับผู้เล่นสายโจมตีระยะไกลแล้ว การโจมตีเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็สามารถปลิดชีวิตพวกเขาลงได้เลย

เมื่อพวกชิงเฟิงเห็นวิญญาณที่ปรากฏตัวออกมาพวกเขาก็เริ่มรู้สึกปวดหัว เพราะในตอนลงดันเจี้ยวระดับเอ็กซ์เพิร์ทพวกเขาก็แทบจะไม่สามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ และการปรากฏตัวของวิญญาณพวกนี้นี่เองที่ทำให้สถานการณ์ของทีมเริ่มพบกับความยากลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ

ท้ายที่สุดวิญญาณแต่ละดวงก็มีพลังชีวิตสูงมากทำให้พวกเขาไม่สามารถจะฆ่าพวกมันได้ในทันที นอกจากนี้การโจมตีของวิญญาณยังสามารถชิ่งเข้าใส่ผู้เล่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ ซึ่งมันก็หมายความว่าพวกเขาต้องกระจายตัวกันออกไปเพื่อไม่ให้โดนชิ่ง และสิ่งนี้มันก็จะทำให้การโจมตีของผู้เล่นช้าลง

อัลเฟร็ดทำการปล่อยสกิลลดการฟื้นฟูและสกิลปล่อยพิษออกมาตลอดเวลา เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาถูกวิญญาณทำให้สูญเสียตำแหน่งการยืนไป ในเวลานั้นพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

แน่นอนว่าลู่หยางย่อมรู้ถึงปัญหาเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะท้ายที่สุดวิญญาณแต่ละดวงก็มีพลังชีวิตเพียงแค่ 8,000 หน่วยเท่านั้น เขาจึงใช้สกิลคอมบัสชันเข้าใส่วิญญาณอย่างรวดเร็ว

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาใช้สกิลคอมบัสชันใส่วิญญาณตัวหนึ่งครบ 5 ครั้ง เขาก็จะเล็งสกิลไปยังวิญญาณตัวต่อไป ขณะเดียวกันนักเวทไฟภายในทีมก็จะทำการโจมตีเข้าใส่วิญญาณที่ติดผลจากสกิลคอมบัสชันก่อน ซึ่งการโจมตีระลอกเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่า 2,500 หน่วยแล้ว ทำให้ในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีพวกเขาก็สามารถฆ่าวิญญาณร้ายได้หนึ่งดวง

ด้วยความช่วยเหลือจากสกิลคอมบัสชันนี่เอง มันจึงทำให้ภายในเวลาไม่ถึง 40 วินาทีวิญญาณร้ายทั้งแปดดวงก็ถูกกำจัดลงจนหมด ซึ่งในเวลานั้นอัลเฟร็ดก็กำลังยกค้อนของมันขึ้นอีกครั้งเพื่อทำการปล่อยสกิลลดอัตราการฟื้นฟูและสุ่มปล่อยพิษ

“ผมติดพิษ” นักบวชคนหนึ่งส่งเสียงตะโกน

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดว่าการสู้บอสในคราวนี้อาจจะไม่เป็นปัญหา แต่ในทันใดนั้นอัลเฟร็ดก็เลือกนักบวช 3 คนเป็นเป้าหมาย

นักบวชทั้งสามตื่นตกใจเป็นอย่างมากและพวกเขาก็เคยชินกับการใช้สกิลฮีลใส่ตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยเหตุนี้นักบวชจึงหลุดโฟกัสจากชิงเฟิงไปชั่วขณะ และถ้าหากว่าตัวแทงค์คนนี้ถูกโจมตีธรรมดาอีกครั้ง มันก็มากพอที่จะสังหารชิงเฟิงลงไปได้เลย

ชิงเฟิงมีพลังชีวิตทั้งหมดเพียงแค่ 700 กว่าหน่วย ซึ่งการโจมตีจากการใช้สกิลครั้งแรกก็สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่า 500 หน่วยแล้ว การโจมตีครั้งที่ 2 ย่อมมากพอจะทำให้เขาเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่ในวินาทีที่ขวานกำลังฟันลงมาร่างของลู่หยางก็กลายเป็นแสงสีขาวปรากฏตัวตรงหน้าของตัวแทงค์อย่างฉับพลัน

ชายหนุ่มเปลี่ยนโหมดการโจมตีไปเป็นการโจมตีทั้งหมด จากนั้นเขาก็ได้ใช้สกิลรีซิสท์ไฟร์ริงผลักชิงเฟิงออกไปจากตำแหน่งเดิม

ในทางกลับกันตอนที่ชิงเฟิงสังเกตเห็นว่ามันไม่มีสกิลฮีลมาที่ตัวเอง เขาก็เตรียมยอมรับชะตากรรมแล้ว แต่จู่ ๆ เขากลับรู้สึกถูกผลักอย่างรุนแรงก่อนที่จะกระเด็นออกไปมากกว่าสิบก้าวโดยไม่รู้ตัว และมันก็ทำให้เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีจากอัลเฟร็ดได้อย่างพอดิบพอดี

พลาด!

อัลเฟร็ดไม่คิดว่ามันจะโจมตีพลาดเป้า มันจึงวิ่งไล่ตามไปฟันชิงเฟิงอย่างต่อเนื่อง

ลู่หยางกลัวว่าค่าความเกลียดชังของบอสจะไม่มั่นคง เขาจึงเริ่มตะโกนดึงสติทุกคนกลับมาอีกครั้ง

“ทุกคนหยุดโจมตีก่อน นักบวชเข้าประจำตำแหน่งโฟกัสการฮีลไปที่ชิงเฟิงคนเดียว ชิงเฟิงใช้สกิลเจาะเกราะ 3 ครั้งเพื่อดึงความเกลียดชังเอาไว้”

ชิงเฟิงไม่คิดว่าลู่หยางจะช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด เขาจึงตะโกนออกไปด้วยความตื่นเต้น

“ไว้ใจผมได้เลย”

เมื่อได้เห็นบอสอยู่ห่างจากตัวเอง 8 เมตร ชิงเฟิงจึงได้ใช้สกิลอินเตอร์เซปพุ่งเข้าหาอัลเฟร็ดจนเกิดเป็นภาพเงาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

ขณะเดียวกันพวกฉือมู่ต่างก็คิดว่าการสู้กับบอสครั้งนี้จบสิ้นลงแล้ว แต่การลงมือของลู่หยางกลับทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นจนแทบคลั่ง

มันจะต้องมีความเร็วในการตอบสนองระดับไหนถึงสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงทีถึงขนาดนั้น

นอกจากนี้พวกเขายังไม่รู้ว่ารีซิสท์ไฟร์ริงที่ลู่หยางใช้เมื่อสักครู่เป็นความตั้งใจหรือเรื่องบังเอิญ เพราะไม่เพียงแต่มันจะผลักชิงฟิงออกไปเท่านั้น แต่มันยังดันผู้เล่นระยะประชิดคนอื่น ๆ ให้กระเด็นถอยหลังกลับไปด้วย ซึ่งการเคลื่อนไหวในครั้งนี้มันก็ทำให้ทุกคนสามารถหลบการโจมตีจากบอสจนทำให้ทีมรอดพ้นจากวิกฤตมาได้

“เมื่อกี้โคตรเท่เลย! ทุกคนตั้งใจหน่อยพวกเราจะต้องเอาชนะบอสตัวนี้ให้ได้” ลั่วซืออวี่ตะโกนให้กำลังใจ

ซิลเวอร์วูฟ, ลอร์ดเดสทรอยเยอร์และสมาชิกคนอื่น ๆ ต่างก็ชื่นชมลู่หยางด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดการได้มีหัวหน้าทีมดี ๆ แบบนี้มันก็ทำให้การเผชิญหน้ากับบอสกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม

ทันใดนั่นเองขวัญกำลังใจของทีมก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และใน 2 นาทีต่อมาพลังพลังชีวิตของอัลเฟร็ดก็ลดลงมาเหลือ 30%

“ไอ้พวกผู้บุกรุก พวกเจ้าจะบังอาจมากเกินไปแล้ว!” อัลเฟร็ดร้องตะโกนพร้อมกับร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

“บอสคลั่งแล้ว!”

“เป็นไปได้ยังไง? ตอนลงดันเจียนระดับเอ็กซ์เพิร์ทไม่เห็นมันจะคลั่งแบบนี้เลย”

ทุกคนต่างก็อุทานอย่างตื่นตระหนกจนทำให้สถานการณ์ภายในทีมเริ่มวุ่นวาย เพราะท้ายที่สุดเมื่อบอสอยู่ในสถานะคลั่งจะทำให้พลังโจมตีกับความเร็วในการโจมตีของบอสเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้ในตอนนี้ขวัญกำลังใจของพวกเขามันก็ถูกทำลายลงไปอย่างฉับพลันอีกครั้ง

“ทุกคนจงออกมาแล้วฆ่าศัตรูพวกนี้ซะ!” อัลเฟร็ดร้องคำรามก่อนที่เขาจะอัญเชิญวิญญาณสีขาวออกมา 24 ดวง

“ทำไมมันเยอะจังวะ? แบบนี้พวกเราจะสู้ยังไง” ลอร์ดเดสทรอยเยอร์ตะโกนอย่างตื่นตระหนก

โฟกัสหน้าที่ รอคำสั่งจากลู่พี่ลู่หยาง อย่าเพิ่งสติแตก! อ๊ากกกกก ตายแน่ ๆ ๆ ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด