บทที่ 75 บีบบังคับให้สารภาพ! ฉินเยว่
“เอาตัวไป!”
หยางหงล่างสั่งเสียงกร้าว บรรดานักรบของตระกูลหยางรีบเข้าประกบตัวฉินเยว่ทันที
อู๋ซูซึ่งทนความเจ็บปวดไว้ ก้าวเดินไปข้างหน้าพยายามปกป้องฉินเยว่
“คุณหยาง พวกเราตระกูลฉินเป็นผู้รับผิดชอบการขายอุปกรณ์ของโลกใบนี้
การทำแบบนี้ คุณไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือ?”
หยางหงล่างหัวเราะเยาะ “เป็นแค่ผู้รับผิดชอบในเจียงโจว ยังจะนับว่าเป็นอะไรได้?” เขาสั่งการให้นักรบของตระกูลรีบพาตัวฉินเยว่ไป
“เดี๋ยวก่อน”
หยางจวิ้นเฟยที่ท่าทางไม่พอใจโบกมือสั่งให้หยุด เขาจับไม้เท้าทองคำยกขึ้นสูงแล้วหัวเราะเยาะ
“พวกท่านดูนี่เถอะ อาชีพแค่ต๊อกต๋อย แต่มีอุปกรณ์ระดับทองก่อนจะเลื่อนขั้นในครั้งที่สองซะอีก!”
“ไม่ใช่ขโมย แล้วไปเอามาจากไหน?”
ผู้คนหันมองอย่างสนใจ
อุปกรณ์ระดับทองนั้นถือเป็นของหายาก มีโอกาสตกแค่ในดันเจี้ยนระดับมาสเตอร์เท่านั้น และน้อยนักที่จะผ่านกันได้ แต่กลับมีผู้หญิงธรรมดาที่เลื่อนขั้นไปเพียงครั้งเดียวได้ครอบครองไว้
ผู้ที่เคยมองตระกูลหยางในแง่ร้าย พอได้เห็นก็เปลี่ยนท่าทีทันที
“เฮอะ ข้าล่ะเกือบโดนรูปร่างหน้าตาของนางหลอกเข้าแล้ว สุดท้ายกลับเป็นโจร”
“พวกพื้นที่เล็กๆ นี่แหละ ไม่ได้สนใจพัฒนาตัวเอง เอาแต่คอยหาช่องทางขโมยของไปทั่ว ขโมยของตระกูลหยางได้ อย่างนี้ใครจะไปรู้ว่าไปขโมยของใครมาอีกบ้าง?”
เสียงหัวเราะถากถางดังลั่น
แม้บางคนอาจสงสัยว่าเด็กสาวระดับแค่ A จะมีปัญญาขโมยอุปกรณ์จาก
ตระกูลหยางได้อย่างไร แต่ก็คงไม่มีใครอยากจะมีปัญหากับตระกูลใหญ่เพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
ฉินเยว่อยู่ในวงล้อมของนักรบตระกูลหยาง ใบหน้าเธอซีดขาวลงเรื่อยๆ
เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างบีบหัวใจของเธอ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอถูกปกป้องในตระกูลมาตลอด เพิ่งจะได้สัมผัสความร้ายกาจของโลกก็วันนี้
น้ำตาเธอไหลริน “ฉันไม่ได้ขโมย...”
“ยังกล้าปฏิเสธ? ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับอีก?”
หยางหงล่างหัวเราะเยาะพร้อมทั้งเตะเข้าที่ท้องของฉินเยว่
แม้พลังโจมตีจากเท้าจะเบาบาง แต่ความเจ็บปวดนั้นจริงแท้แน่นอน
ฉินเยว่ทรุดตัวกุมท้อง นั่งลงกับพื้น เธอเงยหน้าขึ้นมองหยางหงล่าง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด
“ฉันไม่ได้ขโมย!”
“เหอะ ใกล้จะตายแล้วปากก็ยังแข็งนัก” หยางหงล่างหัวเราะเหี้ยมย่ำยี สั่งสมความโกรธแค้นเข้ามาเรื่อยๆ
“เจ้าบอกมาเถอะว่าไปขโมยมาเมื่อไหร่ และทำได้ยังไง?”
“ไม่ได้...ขโมย!”
“ปากแข็งจริงๆ! ถ้าไม่ได้ขโมยก็บอกมาซิว่าได้อุปกรณ์ทองนี่มาจากไหน?”
ฉินเยว่กัดฟันเงยหน้ามองเขา พูดเสียงกร้าว “ฉันได้มาจากการลงดันเจี้ยน
ระดับฝันร้าย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หยางหงล่างหัวเราะลั่น ท่ามกลางสายตานักรบมากมาบที่มองอย่างหัวเราะเยาะ “ทุกคนได้ยินไหม? นางบอกว่านางผ่านดันเจี้ยนระดับฝันร้ายได้!”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังระงม บรรดานักรบรอบตัวต่างไม่เชื่อในคำพูดของเธอ
พวกเขาต่างเป็นนักรบระดับสูง สวมใส่ด้วยอุปกรณ์จากตระกูลใหญ่ พร้อมยาเสริมความแข็งแกร่งจำนวนมาก ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดในดันเจี้ยนระดับมาสเตอร์
นักรบระดับ S ทุกคนในที่นี้ต่างทราบดีว่า หากจะพิชิตดันเจี้ยนระดับนรก พวกเขาต้องพกพาอุปกรณ์ที่ดีที่สุด เสริมด้วยยากระตุ้นระดับสูง และการสนับสนุนจากตระกูลที่มั่นคง มีเพียงเท่านี้ถึงพอมีโอกาสผ่านได้
“แต่เธอบอกว่าคนระดับ A อย่างเธอเนี่ยนะ จะพิชิตดันเจี้ยนระดับฝันร้ายได้เอง… เรื่องนี้มันช่างไร้สาระสิ้นดี!”
ฉินเยว่เห็นท่าทีของคนรอบข้างที่กำลังหัวเราะเยาะ ทำให้เธอทั้งโกรธทั้งอับอาย
“ฉันทำเองไม่ได้หรอก แต่มี...”
เธอกำลังจะพูดชื่อของเขาออกมา แต่ก็นึกขึ้นได้ รีบปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว
หากคนพวกนี้รู้ว่าชายที่ช่วยเธอคือ หลี่เหยา ชายที่เคยหักแขนพี่ชายของพวกเขามาก่อน เรื่องมันจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม!
“ว่าไงล่ะ เธอพูดไม่ออกใช่ไหม?” หยางหงล่างหัวเราะเยาะ เตรียมจะเตะซ้ำ แต่แล้วเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หลี่เหยา! คุณหลี่เหยานำคุณหนูของเราลงดันเจี้ยนเอง” อู๋ซูพูดออกมาด้วยความกังวล เขารู้ว่าถ้าคุณหนูถูกพาตัวไปในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีขโมยอุปกรณ์
ชีวิตเธอคงไม่มีทางรอด
“หลี่เหยา?” หยางหงล่างอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มเยาะ “แค่ชื่อของคนทั่วไปก็จะทำให้เชื่อได้งั้นเหรอว่าเธอผ่านดันเจี้ยนระดับฝันร้ายมาได้?”
เขากำลังจะเตะฉินเยว่อีกครั้ง แต่ถูกหยางจวิ้นเฟยจับตัวไว้ ดวงตาของหยางจวิ้นเฟยเต็มไปด้วยความตกใจ เขาตะโกนถามอู๋ซูอย่างไม่อยากเชื่อ
“เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรอีกครั้งสิ!”
“เป็นหลี่เหยาจริงๆ ครับ! ท่านหลี่เหยาเขาสนิทสนมกับคุณหนูตั้งแต่เด็ก พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเล็ก!”
คราวนี้ หยางจวิ้นเฟยโกรธจนไม่อาจระงับได้ เขาตบหยางหงล่างอย่างแรง
“คิดจะหาเรื่องคนอื่น เจ้าไม่คิดถามก่อนหรือว่าคนที่เจ้าหาเรื่องน่ะเป็นใคร?”
“คนอื่นเขาต่อหน้าเผ่าหยางยังไม่กล้าพูดด้วยซ้ำ แต่เจ้ากล้าลากข้าไปมีปัญหากับเขา!”
“ตายแล้ว! พวกเราทั้งหมดคงจะจบสิ้นกัน!”
หยางจวิ้นเฟยหันไปมองฉินเยว่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ฉินเยว่เป็นเพื่อนสนิทของหลี่เหยา หากหลี่เหยาได้รู้ว่าพวกเขามาทำร้ายเธอแบบนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาแน่!
คนรอบข้างถึงกับอึ้งงันไป ทุกคนได้ยินชัดเจนว่าใครคือ “หลี่เหยา” แต่ไม่ทันไรเสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ทุกคนมองไปยังหน้าจอพร้อมกัน
ขอแสดงความยินดีกับทีม “.......” ที่พิชิต “รังก็อบลิน” ระดับนรกได้เป็นครั้งแรก!
เวลาพิชิต: 44 นาที 58 วินาที
หัวหน้าทีม: หลี่เหยา (นักรบหลัก)
สมาชิกทีม: ไม่มี
รางวัล: ระดับอาชีพเพิ่มขึ้น 1 ขั้น, แพ็กเกจพิชิตดันเจี้ยนครั้งแรก
(ระดับนรก), แต้มอิสระ 30 แต้ม
หมายเหตุ: บรรพบุรุษก็อบลินถูกสังหาร พรของก็อบลินถูกยกเลิก
นักรบก็อบลินอ่อนแอลงเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
ทั่วบริเวณเงียบสงัด ผู้คนในพื้นที่ต่างตะลึงกับการแจ้งเตือนนี้