ตอนที่แล้วบทที่ 375: ครอบงำ (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 377: ครอบงำ (6)

บทที่ 376: ครอบงำ (5)


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 376: ครอบงำ (5)

คังวูจินกุมมือของนักแสดงฮอลลีวูดชื่อก้องโลก ผู้โด่งดังไม่แพ้ไมลีย์ คาร่า หรือจะกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น คังวูจินต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือ ก่อนเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ครับ ว่าแต่ชื่ออะไรนะครับ?”

คำถามเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความนิ่งสงบนี้ สร้างความฮือฮาให้กับชาวต่างชาติที่อยู่รายล้อม ทั้งพนักงานของ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ แขกเหรื่อที่มาร่วมงาน และทีมงานของนักแสดงฮอลลีวูดคนดัง รวมแล้วหลายสิบชีวิตต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

“ม… เมื่อกี้ คังวูจินพูดว่าอะไรนะ”

“ถามชื่อเหรอ?”

“ไม่น่าเชื่อ เขาไม่รู้จักคนระดับนี้จริง ๆ เหรอ?”

“ไม่หรอก… คงแค่หยอกเล่นมั้ง”

“หรือว่า… กำลังวัดใจกันอยู่?”

แน่นอนว่าชเวซองกุนที่ยืนเคียงข้างคังวูจินก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันก็แอบสะใจอยู่ลึก ๆ เขาไม่ได้ยินถ้อยคำที่นักแสดงฮอลลีวูดกระซิบกับวูจินอย่างชัดเจนนัก แต่ตั้งแต่แรกพบที่อีกฝ่ายยื่นมือมาทักทายพร้อมเอ่ยถ้อยคำบางอย่าง ชเวซองกุนก็รู้สึกขุ่นเคืองแทนวูจินขึ้นมาเล็กน้อย

‘ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่วูจินจะไม่แยแสรางวัลออสการ์? แล้วนั่นอะไรนะ? ความมั่นใจน่ะเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามากเกินไปก็จะอวดดีจนเกินงามเหรอ? ตลกแล้ว’

ด้วยเหตุนี้ ชเวซองกุนจึงไม่ได้ขัดขวางการกระทำของคังวูจิน นี่คือความองอาจที่คังวูจินเท่านั้นจะแสดงออกได้ และเป็นสถานการณ์ที่เขาเท่านั้นที่จะสร้างขึ้น ถึงแม้สถานการณ์จะดูแปลกประหลาด แต่ชเวซองกุนก็คิดว่าปล่อยเลยตามเลยไปก็ไม่เสียหายอะไร

‘······ควรจะเข้าไปไกล่เกลี่ยดีไหมนะ- ไม่สิ ที่ฮอลลีวูด เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ให้เขาได้ลิ้มรสประสบการณ์บ้างก็ไม่เลว ยิ่งเป็นนักแสดงระดับนี้ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นประสบการณ์ล้ำค่า’

เนื่องจากคังวูจินยังเป็นหน้าใหม่ในฮอลลีวูด เหตุการณ์ทำนองนี้จึงเกิดขึ้นได้ ชเวซองกุนจึงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ทว่า สีหน้าทีมงานของซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดคนนั้นดูจะไม่สบอารมณ์นัก ทันทีที่ได้ยินคำพูดของวูจิน ใบหน้าของพวกเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ ชายร่างท้วมซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวหลักที่ยืนอยู่ด้านหลังซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูด ก้าวออกมาข้างหน้า

“นี่ นาย พูดว่าอะไรนะ”

แต่ทว่า…

-กึก

ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดยังคงจับมือวูจินอยู่ เขาเหลือบมองผู้จัดการส่วนตัวเพียงแวบหนึ่ง เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าอย่าเข้ามายุ่ง ผู้จัดการจึงจำต้องหุบปากลง ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดหันกลับมาหาวูจิน แล้วเอ่ยถาม น้ำเสียงที่เคยผ่อนคลายแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“...เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ?”

น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยคำเตือน แต่วูจินหาได้ใส่ใจไม่ เขาปล่อยมือออกจากซุปเปอร์สตาร์ แล้วตอบกลับทันที เสียงเรียบนิ่งและหนักแน่น

“ผมถามชื่อของคุณ”

“...”

เสียงฮือฮาของชาวต่างชาติรอบข้างดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่วูจินยังคงพูดภาษาอังกฤษด้วยท่าทีเคร่งขรึมต่อไป

“ดูเหมือนคุณจะรู้จักชื่อผม แต่ผมกลับไม่รู้จักชื่อของคุณ ผมคิดว่ามันไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่นัก”

เอาคืนอย่างสาสม ใครไม่ให้เกียรติก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติกลับ นี่คือความจริงใจปนความไม่แยแส

‘ก็ฉันไม่รู้จักชื่อหนุ่มหล่อคนนี้จริง ๆ นี่นา’

คังวูจินไม่รู้จักชื่อเขาจริง ๆ หรือจะพูดให้ถูกคือจำไม่ได้ต่างหาก ซึ่งมันก็น่าเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย เพราะเขาเป็นถึงซุปเปอร์สตาร์ระดับตำนานที่โด่งดังไปทั่วฮอลลีวูด ทั่วอเมริกา ไปจนถึงเกาหลีและทั่วโลก แต่เขากลับบอกว่าไม่รู้จัก

คังวูจินแสดงความเฉยชา ปกปิดความรู้สึกแท้จริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังท่าทีไร้เยื่อใยนั้นยังแฝง ‘พลังอสูร’ ไว้อย่างแนบเนียน

จะมีผู้ใดล่วงรู้ความคิดในใจของคังวูจินได้เล่า? คำตอบคือไม่มี แม้แต่นักแสดงฮอลลีวูดผู้ยืนเผชิญหน้ากับเขาก็ไม่อาจหยั่งถึงได้ เขาเพียงแต่เข้าใจว่าคังวูจินกำลังโจมตีตน เพราะคำพูดที่ตนเอ่ยออกไปก่อนหน้านี้เท่านั้น

“คุณวูจิน สิ่งที่ผมพูดไปทำให้คุณไม่พอใจเหรอครับ?”

วูจินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ไม่เลยครับ ผมคิดว่ามันเป็นคำแนะนำ ถึงแม้ว่าผมจะไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรมากนัก”

“······แต่ทำไมคุณถึงทำแบบนั้นล่ะครับ”

“การถามชื่อนี่มันแปลกตรงไหนเหรอครับ?”

นักแสดงระดับท็อปของฮอลลีวูดสับสน แม้วูจินจะแสดงท่าทีคุกคาม แต่แววตากลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ มันดูไม่เหมือนการเสแสร้งเลยสักนิด แต่เป็นไปได้ยังไงที่อีกฝ่ายจะไม่รู้จักตัวเขา? เขามองคังวูจินผู้มีสีหน้าเรียบเฉยอยู่นาน

‘ยากที่จะอ่านความคิด······ที่ซ่อนอยู่ในแววตานั้น แต่แววตานั่นกลับราวกับคมมีดที่พร้อมจะเฉือนลงมาได้ทุกเมื่อ’

แม้จะไม่รู้อะไรอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจคือ แววตาของวูจินนั้นน่าหวั่นเกรงยิ่งกว่าคำข่มขู่ใด ๆ ทันใดนั้น ผู้จัดการร่างท้วมที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กระซิบ

“ดูท่าทางไม่ดีเลยครับ เราควรจะไปจากที่นี่ได้แล้วนะครับ”

แท้จริงแล้วตอนนี้มีคนมามุงดูเหตุการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งในฮอลลีวูดแล้ว ข่าวลือยิ่งแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง นักแสดงฮอลลีวูดถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะก้าวลงบันไดไปหนึ่งขั้นพลางเอ่ยกับคังวูจิน

“ผม คริส ฮาร์ทเน็ต ครับ”

ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น วูจินก็ร้องในใจ

‘อ่า! ใช่แล้ว คริส ฮาร์ทเน็ต!’

ดาราฮอลลีวูดระดับท็อปที่เคยเห็นแต่ในภาพยนตร์ บัดนี้ปรากฏกายอยู่ตรงหน้า แต่คังวูจินก็ยังคงสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง

“คังวูจินครับ”

คริส ฮาร์ทเน็ตจ้องมองวูจินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแย้มยิ้มบาง ๆ

“แล้วพบกันใหม่”

เขารีบเดินลงบันไดไป ทีมงานของเขาก็เช่นกัน แน่นอนว่าพวกเขามองคังวูจินด้วยสายตาไม่พอใจ แต่วูจินก็ยังคงนิ่งเฉย ไร้อารมณ์ จนกระทั่งชเวซองกุนเข้ามาสะกิดไหล่

“ไปกันเถอะ อยู่นานกว่านี้เดี๋ยวเรื่องยาว”

เป็นเพราะฝูงชนที่มามุงดู หลังจากนั้นวูจินและชเวซองกุนก็เดินขึ้นบันไดไป พอถึงทางเข้า

“ว่าแต่วูจิน”

ชเวซองกุนถามเสียงเบา

“นายไม่รู้จักคริส ฮาร์ทเน็ตจริง ๆ เหรอ? ไม่ใช่หรอกมั้ง?”

วูจินผู้มีสีหน้าเรียบเฉยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังแฝงความโอ้อวดเล็กน้อย

“ไม่รู้จักครับ ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอก็คงไม่รู้จักต่อไป”

ผ่านไปหลายสิบนาที ภายในรถตู้คันใหญ่

รถตู้ที่บรรทุกชาวต่างชาติหลายคนกำลังแล่นไปตามตัวเมือง LA ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชาวต่างชาติในรถตู้ดูตื่นเต้นกันมาก

“คังวูจิน? เหลือเชื่อจริง ๆ อวดดีเกินไปแล้ว”

“นั่นสิ ได้รางวัลนักแสดงนำชายจากเมืองคานมา เลยได้ใจสินะ”

“ช่างหัวมันเถอะ แค่รางวัลเดียวทำเป็นอวดตัวแบบนี้ อยู่ในฮอลลีวูดนี้ไม่ได้หรอก”

“แต่ตอนที่มันถามชื่อคริส ฉันแทบจะระเบิดลงจริง ๆ”

ชายร่างอ้วนหันไปหาชายผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ปล่อยผมปรกหน้าผากอย่างเป็นธรรมชาติ

“คริส ลืมเรื่องคนบ้า ๆ นั่นไปซะเถอะ”

คริส ฮาร์ทเน็ต นักแสดงระดับท็อปของฮอลลีวูดที่เพิ่งเผชิญหน้ากับคังวูจินเมื่อครู่ นั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

“ก็นะ ตัวฉันก็คงไม่ได้จืดจางจนลืมกันง่ายหรอกใช่ไหม?”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า แค่หมอนั่นมันหลงตัวเองน่ะ”

“หืม… โดนเข้าไปเต็ม ๆ เลย”

“อะไรนะ?”

“นานแล้วนะ ที่รู้สึกแบบนี้… น่าสนุกดีนี่”

“······สนุก?”

คริส ฮาร์ทเน็ตที่โลดแล่นอยู่ในวงการฮอลลีวูดมานานกว่าสิบปี หันไปสบตากับผู้จัดการร่างท้วม แววตาฉายแววสนใจอย่างแท้จริง

“ใช่ สนุก บอกตรง ๆ ว่าไม่คิดว่าจะโดนสวนกลับมาแรงขนาดนี้ ได้ยินมาว่าเพิ่งเดบิวต์ คิดว่าน่าจะเกรง ๆ อยู่บ้าง… ฮ่าฮ่า แต่ที่ไหนได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ไม่สน พร้อมง้างเขี้ยวใส่ทันทีเลย”

“มะ… ไม่รู้สึกแย่เหรอ?”

“แปลก ๆ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง… แต่รู้สึกตื่นเต้น ถึงจะไม่ได้ดู ‘ปลิง’ แต่ถ้าใจกล้าขนาดนี้ ฝีมือการแสดงก็น่าจะไม่ธรรมดาแหละ ก็นะ ต้องมีดีขั้นนี้สิถึงได้ถูกคัดเลือกให้ไปเมืองคานส์”

ผู้จัดการร่างท้วมส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“คงแค่โชคดี เห็นวันนี้แล้ว ภายนอกก็ดูเย็นชา แสดงอารมณ์ไม่เก่ง งั้นการแสดงก็คงจืดชืด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้เป็นตัวเต็งพระเอก ‘ปิเอโรต์’”

คริส ฮาร์ทเน็ตเสยผมสีน้ำตาลพลางหัวเราะในลำคอ ภาพของคังวูจินที่เพิ่งพบเจอเมื่อครู่แวบเข้ามาในความคิด

“ไม่มีใครเห็นเหรอ?”

“หือ? เห็นอะไร?”

“คังอูจินน่ะ ตอนแรกก็ดูนิ่ง ๆ อยู่หรอก แต่พอลองพูดดูเท่านั้นแหละ ตาเขาก็เปลี่ยนไปเลย ราวกับ...สัตว์ร้าย? ไม่ว่าจะแบบไหนก็เถอะ มันรวดเร็วมาก ฉันว่าเขาน่าจะจงใจนะ ตั้งใจแสดงอารมณ์ที่ควบคุมได้ดั่งใจให้ฉันเห็น”

“ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นจากเขาเลยสักนิด”

คริสยักไหล่เบา ๆ

“มันเป็นการเตือนที่ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นอารมณ์ล้วน ๆ ที่ได้รางวัลมาเพราะโชค? ไม่หรอก ไม่ว่านิสัยเขาจะเป็นยังไง แต่เขาเป็นนักแสดงที่ดีมากคนหนึ่ง นักแสดงที่เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ แม้แต่ในฮอลลีวูดก็ยังหาตัวจับได้ยาก”

คริสพึมพำพลางหยิบก้อนกระดาษที่เสียบไว้ข้างกายออกมา บนปกมีชื่อเรื่อง ‘ปิเอโรต์’ เป็นภาษาอังกฤษประทับตราอยู่ คริส ฮาร์ทเน็ตเปิดบทภาพยนตร์พลางพึมพำเบา ๆ

“ถ้าเผลอเมื่อไหร่ ฉันคงเจ็บตัวแน่ รอคอยการออดิชั่นแทบไม่ไหวแล้วสิ”

ในห้องประชุมขนาดกลางของ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’

ภายในห้องประชุมที่ประดับประดาด้วยโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่เคยสร้างชื่อเสียงโด่งดัง คังวูจินนั่งอยู่ที่โต๊ะทรงตัวยู ข้างกายวูจินคือชเวซองกุนที่นั่งเคียงข้าง

และแล้ว

“ดิฉันอยากพบคุณวูจินมานานแล้วค่ะ”

ฝั่งตรงข้ามกับคังวูจิน ด้านที่แสงส่องผ่านหน้าต่างสาดส่องเข้ามา มีชาวต่างชาติหกคนและคนเกาหลีหนึ่งคนนั่งอยู่ ผู้บริหารของ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ ทีมผู้สร้างของ ‘ปิเอโรต์’ รวมถึงผู้กำกับอันกาบกด้วย

คังวูจินกล่าวทักทายไปก่อนหน้าแล้วจึงตอบกลับอย่างสุภาพอ่อนโยน

“ผมก็ยินดีที่ได้พบเช่นกันครับ”

PDหญิงแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยตอบ

“ดิฉันได้ยินมาว่าคุณได้พบกับคริสด้านนอก เขาก็มาพูดคุยกับเราก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน ได้ยินว่าก่อนจะมาที่นี่ คุณมีเรื่องขัดแย้งกันด้วย? จริงเหรอเปล่าคะ?”

ดูเหมือนข่าวคราวจะแพร่สะพัดมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว วูจินรู้สึกตกใจอยู่ภายใน'

‘โอ้โห ข่าวที่นี่รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง’

เขารับคำด้วยการพยักหน้าอย่างสงบนิ่ง

“คงเรียกว่าขัดแย้งไม่ได้หรอกครับ แค่ทักทายพอเป็นพิธี”

“แค่ทักทายอย่างนั้นเหรอ? แต่คุณไม่รู้จักชื่อ ‘คริส’ จริง ๆ น่ะเหรอคะ?”

“ครับ ผมก็เลยถามไป”

“แปลกคนจริง ๆ”

PDสาวยิ้มละไม ริมฝีปากแย้มเล็กน้อย เธอดูพึงพอใจคังวูจินอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ผู้บริหารของ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ กลับขมวดคิ้วแน่น ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ความประทับใจแรกพบย่อมแตกต่างกันไป ครู่ใหญ่ ผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดง ชายหนุ่มจาก ‘ปิเอโรต์’ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผู้บริหารก็เอ่ยขึ้น

“คุณวูจิน นี่เป็นครั้งแรกของคุณกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ดูเหมือนคุณจะไม่ตื่นเต้นเลยนะครับ”

คังวูจินปรายตามองผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดงแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบเป็นภาษาอังกฤษโดยพลัน

“ผมต้องตื่นเต้นด้วยเหรอ?”

“เอ่อ ไม่เชิงครับ คือผมแค่สงสัยว่าคุณแวะไปที่สตูดิโอฮอลลีวูดอื่นก่อนมาที่นี่เหรอเปล่า”

“ที่นี่เป็นที่แรกครับ”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”

“ก็รู้สึกปกติดีครับ”

คังวูจินตอบกลับอย่างฉับพลันโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แท้จริงแล้วเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะวางตัวเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนมา ถึงแม้ชเวซองกุนจะบอกว่าการพูดคุยเบื้องต้นนี้จะมีผลต่อการทดสอบหน้ากล้องในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ก็ตาม

‘ยังไงก็ไม่เคยมีประสบการณ์กับการพูดคุยเบื้องต้นที่ฮอลลีวูด ถ้าทำตัวตะกุกตะกักคงจะยิ่งแย่ เอาเถอะ ทำแบบที่เคยทำนั่นแหละ แต่โอ้โห ใจเต้นรัวแทบหลุดออกมา’

เพราะไร้ซึ่งประสบการณ์ในฮอลลีวูด เขาจึงเลือกที่จะทำความคิดของตัวเองให้ง่ายเข้าไว้

ในทางกลับกัน ผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดงที่เป็นฝ่ายถามกลับรู้สึกฉงนเล็กน้อย

‘อะไรกัน ทำไมดูนิ่งเฉยแบบนี้ล่ะ?’

เพราะไร้ซึ่งเค้าลางแห่งความตื่นเต้น ผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดงชายของ ‘ปิเอโรต์’ เพียงเอ่ยคำถามที่เตรียมไว้ คริส ฮาร์ทเน็ตที่เข้าพบก่อนคังวูจินก็ได้รับคำถามเดียวกันนี้ คำถามแสนธรรมดา แต่กลับสามารถสะท้อนความนึกคิดของผู้ตอบได้อย่างลึกซึ้ง

แต่สำหรับคังวูจิน...

‘คริสดูกระวนกระวายปนผ่อนคลาย... แต่ชายคนนี้ ฉันมองไม่ออกเลย’

ไร้วี่แววของความตื่นเต้น ความกระวนกระวาย หรือแม้แต่ประกายแห่งความยินดี ผู้ดูแลฝ่ายคัดตัวนักแสดงชายจึงเหลือบมองไปยังผู้บริหารของ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ และPDหญิง ต่างก็จับจ้องคังวูจินอยู่เช่นกัน

แต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าของผู้บริหาร ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ ช่างน่าสนใจ พวกเขาดูประหลาดใจและตั้งตัวไม่ติดกับบุคลิกที่ไม่คุ้นเคย

‘ความมั่นใจงั้นหรือ? ไม่ใช่... ความอวดดดีมากกว่ามั้ง? ถึงจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่เมืองคานส์ แต่...จะนิ่งเกินไปแล้วไหม?’

ในสายตาของพวกเขา คังวูจิน นักแสดงชาวเกาหลีคนนี้ ไม่ต่างอะไรจากคนเสียสติ แม้จะเป็นหนึ่งในตัวเต็งพระเอก ‘ปิเอโรต์’ แต่หากไม่ผ่านการสัมภาษณ์เบื้องต้นนี้ ก็จะหมดสิทธิ์เข้าสู่รอบออดิชั่นหรือทดสอบหน้ากล้อง ซึ่งถือเป็นการสัมภาษณ์ขั้นสุดท้ายก่อนการออดิชั่นจริง

ทว่าคังวูจินกลับสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ

ใช่ รู้กันดีว่าคังวูจินได้สร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการ คว้ารางวัลนักแสดงนำชาย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเกาหลี และบัดนี้เขาก็กำลังทะยานสู่ฟ้าเบื้องสูงในฐานะนักแสดงระดับแนวหน้า ทว่าในฮอลลีวูด วูจินยังคงเป็นเพียงคนไร้ชื่อ แม้กระทั่งในยามนี้ ที่เขากำลังนั่งอยู่ใน ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ หนึ่งในค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวูด สถานที่ที่เหล่าดาราระดับ A-List ต่างต่อคิวรอคอยโอกาสร่วมงาน แล้วเหตุใดนักแสดงเกาหลีคนนี้จึงดูนิ่งเฉยได้ถึงเพียงนี้?

‘ราวกับว่าต่อให้ไม่ได้ร่วมงานกับเราก็ไม่เห็นจะเป็นไร’

แน่นอน พวกเขาไม่รู้เรื่องข้อเสนอมากมายจากฮอลลีวูดที่วูจินได้รับ ทั้งจากโจเซฟ เฟลตัน หรือแม้แต่ ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ แต่แม้จะรู้ พวกเขาก็คงไม่อาจหยั่งถึงความคิดของวูจินอยู่ดี ไม่นานนัก สีหน้าของเหล่าผู้บริหารก็เริ่มบิดเบี้ยว คิ้วขมวดมุ่น ความคิดคำนึงพรั่งพรูขึ้นในใจ

‘ตื่นเต้นบ้างไหมเนี่ย? อย่าว่าแต่ตื่นเต้นเลย แม้แต่แววตาสนใจเขายังไม่มี’

‘······ไร้ซึ่งความกดดันโดยสิ้นเชิง ตรงกันข้าม เขากลับดูสบายอกสบายใจเสียอย่างนั้น’

เหล่าผู้บริหารหันไปมองผู้กำกับอันกาบกที่นั่งนิ่งเงียบมาโดยตลอด พวกเขานึกถึงคำวิจารณ์ที่เขาเคยพูดถึงวูจิน

‘ประหลาด คังวูจินเป็นคนประหลาดครับ’

ประหลาด ใช่ เขาเป็นคนประหลาด แต่นี่มันกวนประสาทเกินไปแล้วหรือเปล่า? ความขุ่นเคืองเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของบรรดาผู้บริหาร พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความปรารถนาใด ๆ จากท่าทีที่เรียบเฉยของเขา

‘หรือว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยาน? หรือมีข้อเสนอจากค่ายอื่นที่ดีกว่า? หรือว่า… เขากำลังดูแคลนเรากันแน่’

ในวินาทีนั้น

“คุณคังวูจิน”

PDหญิงผู้มีท่วงท่าสง่างามในชุดกระโปรงที่นั่งไขว่ห้างเอ่ยถามขึ้น

“หลังจากที่ผู้กำกับอันกาบกส่งบทภาพยนตร์ ‘ปิเอโรต์’ ให้ คุณก็ตอบตกลงในทันที อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจได้รวดเร็วเช่นนั้นคะ?”

วูจินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“ผมแค่รู้สึกได้ครับ”

“...เอ๋? รู้สึกเหรอคะ?”

“ครับ”

ทันใดนั้น ผู้กำกับอันกาบกก็กระแอมไอ ก้มหน้าพยายามข่มเสียงหัวเราะเอาไว้

‘เหมือนตอนที่พูดกับฉันตรง ๆ ตอบจากใจไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลยสินะ’

PDสาวที่ไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีนั้นได้แต่ยืนนิ่งอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง

“ดูเหมือนคุณจะไม่กังวลอะไรเลยนะคะ อย่างที่ทราบกันดีว่าการประชุมล่วงหน้านี้ คุณวูจินอาจจะถูกตัดออกจากตัวเลือกได้นะคะ จะไม่รู้สึก...เสียใจบ้างเหรอคะ?”

วูจินจ้องมองPDสาวอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ ‘ปิเอโรต์’ นั่นแหละที่จะเสียใจ”

นั่นหมายความว่า ถ้าเขาถูกคัดออกจากการออดิชั่น ไม่ใช่ตัวฉันที่จะต้องเศร้า แต่พวกเธอนั่นแหละที่จะต้องเสียใจ

-จบ-

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด