บทที่ 369 : อำนาจ (6)
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 369 : อำนาจ (6)
ชเวซองกุนผู้ไว้ผมหางม้าเบิกตากว้าง กระพริบตาปริบ ๆ ราวกับต้องมนตร์ ความเงียบเข้าครอบงำชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะดึงสติกลับมาได้ แล้วเอ่ยถามหัวหน้าทีมต่างประเทศด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ที่ไหนนะ?”
หัวหน้าทีมผู้มีสีหน้าเคร่งขรึมตอบกลับทันควัน
“‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ ครับ”
“···แน่ใจเหรอว่า ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ ?? ไม่ใช่ ดิสนีย์ หรือ ดิจูนีย์?” ชเวซองกุนถามย้ำ ยังคงไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่ใช่ครับ ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ ถูกต้องแล้วครับ” หัวหน้าทีมยืนยันหนักแน่น
“ที่นั่นส่งบทภาพยนตร์มาเหรอ?” ชเวซองกุนถามต่อ เสียงยังคงแฝงความประหลาดใจ
“ใช่ครับ ท่านประธาน”
‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ อย่างนั้นเหรอ? ทันใดนั้น ภาพยนตร์และอนิเมชั่นมากมายก็พรั่งพรูเข้ามาในความคิดของชเวซองกุน ราวกับคลื่นความทรงจำที่ถาโถมเข้าใส่ อดีตของเขา หรือควรเรียกว่าความทรงจำในวัยเยาว์ ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวของ ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ ซึ่งคงไม่ต่างจากผู้คนทั่วโลก เพราะ ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ คือผู้สร้างสรรค์เทพนิยายและความฝันในวัยเด็กให้กับทุกคน
ด้วยเหตุนี้ ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ จึงเป็นบริษัทภาพยนตร์ผู้ทรงอิทธิพลในฮอลลีวูด เป็นหนึ่งในห้าบริษัทยักษ์ใหญ่ หรือ ‘บิ๊กไฟว์’ เช่นเดียวกับ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ ของ ‘ปิเอโรต์’ และยังเป็นบริษัทที่ครองใจผู้ชมทั่วโลกอย่างเหนียวแน่น
แล้วเหล่าตัวละครดัง ๆ ของพวกเขาล่ะ? ตัวละครยอดนิยมที่ยังคงขายดิบขายดีและเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนาน ทั้งในเกาหลี ญี่ปุ่น และทั่วทุกมุมโลก แทบจะกล่าวได้ว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’
‘ดิสนีย์ส่งบทภาพยนตร์มาให้วูจินงั้นเหรอ?!’ ชเวซองกุนครุ่นคิด ความตกตะลึงฉายชัดในแววตา
จากที่นั่น มีการติดต่อทาบทามคังวูจิน ชเวซองกุนตื่นเต้นจนแทบคลั่ง ก็เป็นธรรมดา เพราะนี่เป็นครั้งแรก
หลังจากเทศกาลหนังเมืองคาน สตูดิโอภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ 5 แห่งแห่งฮอลลีวูด ถึงสองแห่งติดต่อทาบทามวูจิน
“แบบนี้มัน…เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่านะ?” ชเวซองกุนพึมพำราวกับต้องมนตร์ หัวหน้าทีมก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงคล้ายกัน
“ไม่ครับ…อย่างน้อยเท่าที่ผมจำได้ นี่เป็นครั้งแรกครับ”
“ฉันก็เหมือนกัน ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แม้แต่เรื่องที่ใกล้เคียงก็ไม่มี”
“‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ ไม่เคยสนใจนักแสดงเกาหลีมาก่อน”
“ใช่ วูจินเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เกาหลี”
แค่ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ ก็สร้างความฮือฮาในประเทศได้แล้ว นี่ยังมี ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ เพิ่มมาอีก แค่นี้คงไม่จบแค่ฮือฮาแน่ ไม่ว่าคังวูจินจะรับเล่นทั้งสองเรื่องหรือไม่ แค่ได้รับการติดต่อจากสตูดิโอภาพยนตร์ ‘บิ๊กไฟว์’ ของฮอลลีวูดสองแห่งก็…
“ได้ร่วมงานกับวูจิน สิ่งที่เคยไกลเกินฝันกลับกลายเป็นความจริงเสียแล้ว” ชเวซองกุนรำพึงเบา ๆ ความรู้สึกปลาบปลื้มเอ่อล้นในอก
บารมีของวูจินในฐานะนักแสดงต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน
“รอปีหน้าไม่ไหวแล้ว” รอยยิ้มปรากฏเต็มใบหน้าของชเวซองกุน เขาจินตนาการถึงอนาคตของคังวูจินที่จะก้าวไกลไปทั่วโลก สายตาหันไปมองหัวหน้าทีมที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วสั่งการในฐานะตัวแทน
“โอเค เงื่อนไขของ ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’ กับ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ รวบรวมมาให้ฉันด้วย เดี๋ยวฉันจะแจ้งวูจินเอง”
“รับทราบครับ”
“อย่างที่ทราบกันดี ทั้งสองโครงการนี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างลับที่สุด ห้ามให้ข้อมูลใด ๆ รั่วไหลออกไปโดยเด็ดขาด ณ เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมในการเปิดเผย และทางสตูดิโอก็น่าจะเห็นพ้องเช่นเดียวกัน”
“ครับ”
ชเวซองกุนที่กำลังสั่งงานอยู่พลันนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาจึงหันไปถามหัวหน้าทีม
“จริงสิ บทภาพยนตร์ที่เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์สส่งมามีชื่อเรื่องว่าอะไรนะ?”
ดูเหมือนเขาเพียงต้องการตรวจสอบชื่อเรื่องเท่านั้น หัวหน้าทีมจึงกดแท็บเล็ตในมือสองสามครั้ง ก่อนจะเปิดข้อมูลที่เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์สส่งมาให้ชเวซองกุนดู เขาไล่อ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษจนกระทั่งพบชื่อเรื่อง แล้วก็อุทานออกมาเบา ๆ
“หือ...นี่พวกเขาจะสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดงจริง ๆ เหรอเนี่ย?”
เขาพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าที่ปนเประหว่างความตกตะลึงและความตื่นเต้น
“มันเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์สเลยนะครับ แอนิเมชั่นเรื่องนี้”
ในอีกฟากหนึ่ง
รถตู้สีดำคันหนึ่งกำลังแล่นอยู่บนทางด่วน แน่นอนว่าเป็นรถตู้ของคังวูจิน และจุดหมายปลายทางก็คือกองถ่ายภาพยนตร์ขนาดใหญ่ของ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคย็องกี ภายในรถตู้มีทีมงานที่กำลังขะมักเขม้นกับงานของตน และคังวูจินที่นั่งไขว่ห้างก้มมองโทรศัพท์มือถืออย่างไม่แยแส
ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ราวกับตุ๊กตา หรือบางทีอาจเป็นเพียงการแสดงก็เป็นได้
“…”
แต่ทว่า
‘โอ้โห!’
ภายในใจเขากลับเปี่ยมไปด้วยความยินดี
‘กระแสตอบรับดีเกินคาด!’
เขากำลังแอบติดตามข่าวสารต่าง ๆ อยู่ ในขณะนี้สื่อกำลังสนุกสนานกับประเด็นร้อนแรงมากมาย
ทั้ง ‘บุปผาเร้น’ และ ‘ปลิง’ รวมถึง ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ที่กำลังสั่นสะเทือนวงการภาพยนตร์ และไมลีย์ คาร่า
กระแสข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นข่าวฉาวพลิกผันของไมลีย์ คาร่า จากภาพยนตร์ 'มารร้ายผู้แสนดี' ที่เพิ่งปะทุขึ้นมาไม่นาน สื่อในประเทศต่างให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม แม้แต่ฮอลลีวูดเองก็ยังพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างครึกโครม บัดนี้ ข่าวคราวดังกล่าวได้แพร่สะพัดไปไกลถึงญี่ปุ่นแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อของไมลีย์ คาร่า 'มารร้ายผู้แสนดี' และคังวูจิน จึงถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากประกาศว่า 'มารร้ายผู้แสนดี' จะแบ่งเป็นหลายพาร์ทและเปิดตัวเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระแสความคาดหวังจากแฟน ๆ ทั้งในประเทศ ญี่ปุ่น และทั่วโลกก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น คอมเมนต์มากมายหลั่งไหลเข้ามาในโซเชียลมีเดียของคังวูจินและคาร่า ช่อง Youtube บทความข่าว และคอมมูนิตี้ออนไลน์ต่าง ๆ อย่างล้นหลาม
แม้จะใช้ภาษาแตกต่างกัน แต่ใจความสำคัญก็ล้วนเหมือนกัน
นั่นคือ เมื่อไหร่จะได้ชม 'มารร้ายผู้แสนดี' ?
แน่นอนว่า
-ดูใน Netflix ได้ไหม?
-ใช่ เขาบอกว่าจะฉายทั่วโลกทาง Netflix!
ข้อมูลที่ว่า 'มารร้ายผู้แสนดี' จะสามารถรับชมได้จากทุกมุมโลกกระจายไปอย่างรวดเร็ว ทว่า ขณะที่คังวูจินกำลังเลื่อนดูข่าวสารทั้งในและต่างประเทศผ่านโทรศัพท์มือถือ สายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับบทความหนึ่ง
『[คุยข่าวดารา] ‘นักแสดงอสูร’ คังวูจิน มีข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน แต่ไร้วี่แววการเข้าสู่ฮอลลีวูด··· หรือว่าเขาไปไม่รอดในฮอลลีวูด? 』
ด้วยความที่วูจินเป็นบุคคลที่อยู่ในความสนใจ จึงมักมีข่าวลือไร้สาระถูกปล่อยออกมาโดยไม่สนใจว่าจริงเหรอเท็จ
คอมเมนต์ที่ปรากฏอยู่ด้านล่างก็มีเนื้อหาในทำนองเดียวกัน
-คังวูจินเหมาะกับตลาดในประเทศมากกว่า 555
-มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนมีอิทธิพลแผ่ขยายไปไกล แต่ฮอลลีวูดนั้น ยากที่จะแทรกตัวเข้าไปได้มากกว่าที่คิดนะ
-เอาจริง ๆ ได้รางวัลนักแสดงนำชายจากเมืองคานแล้ว บริษัทหนังฮอลลีวูดระดับกลาง ๆ ก็น่าจะให้ความสนใจบ้างสิ?
-อาจจะเคยลองไปฮอลลีวูดแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เลยเงียบ ๆ อยู่ก็ได้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
-แต่การที่โด่งดังเป็นพลุแตกในเกาหลีกับญี่ปุ่นก็นับว่าสุดยอดแล้วล่ะ ฮ่า ๆ แต่ฮอลลีวูดมันคนละชั้นกันเลย
คอมเมนต์แย่ ๆ พรั่งพรูเข้ามา แต่คังวูจินกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ
‘พูดจาเลอะเทอะอะไรกัน ไร้สาระสิ้นดี’
นั่นคือปฏิกิริยาทั้งหมดของเขา ความจริงแล้ว เขาเข้าใจความคิดของนักข่าวและคอมเมนต์เหล่านั้นดี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คังวูจินสั่งสมชื่อเสียงในต่างประเทศมาพอสมควร และปัจจุบันก็กำลังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามร่วมกับไมลีย์ คาร่า แต่กลับไร้ซึ่งข่าวคราวใด ๆ เกี่ยวกับฮอลลีวูด
ถ้าเป็นคนอื่นคงปากคัน อยากจะอธิบายแทบขาดใจ
แต่แท้จริงแล้ว คังวูจินมีโปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ ในฮอลลีวูดรออยู่มากมาย ด้วยประสบการณ์ในวงการบันเทิง เขาเรียนรู้ถึงความล้ำค่าของการรอคอย ดอกไม้ไฟควรจุดตอนกลางคืนถึงจะงดงามที่สุด เปรียบได้กับการปล่อยของตอนที่ทุกอย่างสุกงอมได้ที่นั่นเอง
คังวูจินแอบยิ้มน้อย ๆ ในใจ
‘น่าสนุกดีนี่ อยากเห็นสีหน้าของคนอื่นตอนที่รู้ความจริงจัง’
บ่ายวันเดียวกัน ที่ปูซาน
เวลาล่วงเลยมาเกินบ่าย 5 โมงเย็นแล้ว ณ เวลานี้ อาคารขนาดใหญ่ในปูซานที่ชื่อว่า ‘ศูนย์ภาพยนตร์ปูซาน’ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งนักข่าวหลายร้อยคน และผู้ชมที่มากกว่านั้น
เหตุผลนั้นก็เรียบง่าย...
ศูนย์ภาพยนตร์ปูซานแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซานอันยิ่งใหญ่ ซึ่งคังวูจินเองก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วม แต่ด้วยตารางงานที่แน่นขนัดทำให้เขาต้องพลาดโอกาสอันน่าเสียดายนี้ไป ยิ่งใกล้วันงานเท่าไหร่ กระแสผู้คนที่หลั่งไหลมาร่วมงานก็ยิ่งทวีคูณ กองทัพสื่อมวลชนหลายร้อยชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เช่นเดียวกับจำนวนผู้ชมที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานนี้
งานเทศกาลระดับนานาชาติเช่นนี้ย่อมเต็มไปด้วยผู้สื่อข่าวจากนานาประเทศ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้กำกับและนักแสดงต่างชาติที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานอีกด้วย สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นพรมแดงผืนยาวที่ทอดยาวตั้งแต่ปากทางเข้าอาคาร เหล่าดาราเริ่มทยอยเยื้องย่างบนพรมแดงที่ขนาบข้างด้วยรั้วเหล็ก
เสียงแฟลชดังแชะไปทั่ว! ปะทะกับแสงสว่างวาบที่สาดส่องไปทั่วทุกทิศทุกทาง
เสียงกรีดร้องของแฟนคลับดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทุกครั้งที่ดาราปรากฏตัว เหล่าแฟน ๆ ก็พร้อมใจกันยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพความประทับใจ
บรรยากาศของงานเทศกาลภาพยนตร์เริ่มคึกคักขึ้นเป็นลำดับ
ทันใดนั้น เสียงตะโกนของเหล่าผู้สื่อข่าวก็ดังขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"เอ๊ะ! นั่นไง ๆ !"
"มาแล้ว!! ทางนี้! ผู้กำกับอัน มองทางนี้หน่อย!!"
"ผู้กำกับอันกาบกครับ!! ผู้กำกับ!!"
ร่างของชายชราในชุดสูทปรากฏตัวขึ้นบนพรมแดง เขาคือผู้กำกับอันกาบก ทว่าเขามาไม่ใช่เพียงลำพัง
"โอ้! ผู้กำกับควอนกีแท็กมาด้วย!!"
"ถ่ายรูปคู่กันได้สวยมาก!"
ควอนกีแท็กผู้ใบหน้าเป็นคุณลุงมีเมตตาปรากฏกายเคียงข้างอันกาบก สองปรมาจารย์แห่งวงการภาพยนตร์เกาหลีก้าวเดินเคียงคู่กัน ควอนกีแท็กโด่งดังจากผลงาน 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ส่วนอันกาบกก็เฉิดฉายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันใน 'ปลิง' ส่องประกายเจิดจรัสแก่วงการภาพยนตร์เกาหลีปีนี้ โดยเฉพาะอันกาบก ความนิยมในยามนี้พุ่งทะยานราวกับจะทะลุฟ้า
“สวัสดีครับคุณผู้กำกับ!! โบกมือให้หน่อยครับ!”
อันกาบกโบกมือทักทายนักข่าวอย่างสุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับผู้ใหญ่ใจดี
แม้แสงแฟลชจะยังคงวาบวับไม่หยุด ในสายตานักข่าว ผู้กำกับทั้งสองอาจเป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันบนตารางอันดับภาพยนตร์ แต่ในความเป็นจริง อันกาบกและควอนกีแท็กกำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ แฝงไปด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ
ผู้กำกับทั้งสองเดินไปตามพรมแดง
-กึก
จนกระทั่งมาถึงจุดถ่ายภาพ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้าอาคาร 'ศูนย์ภาพยนตร์ปูซาน' อันกาบกและควอนกีแท็กยืนเคียงข้างกัน ณ จุดถ่ายภาพ ประดับประดาด้วยโลโก้ของเหล่าผู้สนับสนุน ‘เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน’ ทีมงานถ่ายทอดสดและนักข่าวต่างมุ่งหน้ามายังจุดนี้ เพื่อถ่ายทอดสดเหตุการณ์สำคัญไปทั่วประเทศ
ทันใดนั้นเอง
“สวัสดีค่ะ คุณผู้กำกับอันกาบกและคุณผู้กำกับควอนกีแท็ก!”
พิธีกรหญิง ผู้รับหน้าที่สัมภาษณ์เหล่าดาราและแขกผู้มีเกียรติก่อนเข้างาน เดินเข้ามาหาผู้กำกับทั้งสอง พร้อมกับบัตรคำถามในมือ เธอเอ่ยถามว่า
‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ และ ‘ปลิง’ ได้รับความนิยมล้นหลาม! ทั้งสองเรื่องต่างก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม รู้สึกอย่างไรบ้างคะ?” พิธีกรเอ่ยถาม
ผู้กำกับอันกาบกใบหน้าเหี่ยวย่นเป็นคนแรกที่เอ่ยตอบ “ฉันดีใจที่ได้รับความสนใจเกินคาดนะ มันเหนือความคาดหมายจนอดรู้สึกประหม่าไม่ได้เลย”
“จริงเหรอคะ! แต่ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ คุณดูใจเย็นมากเลยนะคะ!” พิธีกรสาวทักท้วง
“ฮ่า ๆ งั้นเหรอ?” อันกาบกหัวเราะเบา ๆ
คราวนี้เป็นตาของควอนกีแท็ก “ผมเทียบกับอาจารย์อันกาบกไม่ได้หรอกครับ”
“กำลังยกยออวยฉันอยู่หรือไง?”
“เปล่าครับ ผมพูดจริง” ควอนกีแท็กยืนยัน
ภาพความสนิทสนมของผู้กำกับทั้งสองถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องของนักข่าวหลายร้อยคน พิธีกรหญิงเบนเข็มไปที่อันกาบกอีกครั้ง “ถึงแม้ว่า ‘ปลิง’ จะยังฉายอยู่และทำรายได้มหาศาล ซึ่งอาจจะดูเร็วไปหน่อย แต่ไม่ทราบว่าคุณคิดถึงผลงานชิ้นต่อไปไว้บ้างหรือยังคะ? แฟน ๆ อยากรู้มากเลยค่ะ!”
-แชะ แชะ แชะ!
เสียงชัตเตอร์ดังระรัวราวกับเสียงฝน ใบหน้าของเหล่านักข่าวฉายแววตื่นเต้น นี่ไม่ใช่คำถามที่แฟน ๆ อยากรู้เพียงอย่างเดียว แต่นักข่าวเองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน แม้แต่ควอนกีแท็กผู้ใจดียังหันมองอันกาบกด้วยความสนใจ ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา แต่ความใจเย็นของอันกาบกยังคงมั่นคง
“ผลงานเรื่องต่อไปเหรอครับ... อันที่จริงมันกำลังดำเนินการอยู่แล้ว” อันกาบกเอ่ยอย่างสุขุม
ดวงตาของพิธีกรหญิงเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “เอ๋? กำลังดำเนินการอยู่ หมายถึง... ผลงานเรื่องต่อไปจริง ๆ เหรอคะ?”
“ใช่” อันกาบกยืนยัน
ท่ามกลางเสียงชัตเตอร์รัวเร็วของเหล่าผู้สื่อข่าวหลายร้อยชีวิต เสียงฮือฮาดังขึ้นพร้อม ๆ กับทีมงานฝ่ายถ่ายทอดสด ใบหน้าของผู้กำกับควอนกีแท็กฉายแววสงสัย ในขณะที่ภาพยนตร์ 'ปลิง' กำลังกวาดรายได้อย่างถล่มทลายในเทศกาลหนังเมืองคานและกำลังเข้าฉายในประเทศ ถึงแม้เขาจะกำลังครุ่นคิดถึงผลงานชิ้นต่อไปอยู่ก็จริง แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะเร็วเกินไป
แล้วมันกำลังดำเนินการอยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ?
พิธีกรหญิงรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเคลือบแคลง
“ผลงานชิ้นต่อไปกำลังดำเนินการอยู่? หมายความว่าเริ่มถ่ายทำแล้วอย่างนั้นใช่ไหมคะ?”
ผู้กำกับอันกาบกพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
“ก็น่าจะใช่นะ”
“······เอ๋?”
ผู้กำกับรุ่นใหญ่สบตากับเหล่าผู้สื่อข่าวด้านหน้า ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ฉันได้รับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ของ 'โคลัมเบียสตูดิโอ' ที่ฮอลลีวูด”
ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมบรรยากาศในชั่วขณะ
ณ เวลาเดียวกัน ที่ยอนชอน
กองถ่ายมหึมาของภาพยนตร์ 'มารร้ายผู้แสนดี' กำลังคึกคักไปด้วยผู้คน เสียงตะโกนของPDซงมันวูดังขึ้น ท่ามกลางทีมงานกว่าร้อยชีวิต
“คัท!! โอเค!!”
ทันทีที่สิ้นเสียง นักแสดงที่กล้องหลายตัวจับจ้องอยู่ก็ก้าวออกมาจากบริเวณถ่ายทำ ร่างสูงของคังวูจินปรากฏขึ้น ใบหน้าคมคายแต่งแต้มด้วยเลือดปลอม ราวกับเพิ่งผ่านฉากต่อสู้ดุเดือด PDซงมันวูผู้มีหนวดเคราเข้มก้าวเข้ามาหาวูจิน
“คุณวูจิน! คัทเมื่อกี๊เยี่ยมมาก! ทำไมแอ็คชั่นถึงได้ดูทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้นะ? พัก 10 นาทีแล้วมาถ่ายมุมกว้างกันต่อนะครับ”
“ครับคุณ PD”
คังวูจินพยักหน้า ใบหน้าที่ครุ่นคิดกับคอนเซปต์อันหนักอึ้งที่สุดของวันนี้ขยับอีกครั้ง เป้าหมายคือเก้าอี้ประจำตัว ทันทีที่ไปถึงเหล่าสไตลิสต์รวมถึงฮันเยจองก็เข้ามารุมล้อม ส่วนจางซูฮวานร่างยักษ์ก็ยื่นขวดน้ำให้เขา
และแล้ว...
“วูจิน”
เสียงทุ้มเรียกคังวูจินขึ้นอย่างกะทันหัน เป็นชเวซองกุนที่มัดผมหางม้าต่ำกำลังยิ้มบาง ๆ วูจินครุ่นคิด
‘เมื่อครู่นี้ยังไม่เห็นอยู่เลย เพิ่งมางั้นเหรอ?’
เขาเอ่ยกับชเวซองกุนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“มาแล้วเหรอครับ? ท่านประธาน”
“เออ วุ่นวายนิดหน่อย เพิ่งมาถึงนี่แหละ ว่าแต่...”
ชเวซองกุนกระซิบข้างหูคังวูจินอย่างรวดเร็ว
“พักกี่นาที?”
“ประมาณ 10 นาทีครับ”
“งั้นมาหาหน่อย ตรงนี้พูดไม่ได้”
ชเวซองกุนพาคังวูจินออกไปโดยไล่ทีมงานคนอื่น ๆ ออกไปด้วย ฝีเท้าค่อนข้างเร็ว เขาพาวูจินไปยังลานจอดรถนอกโกดังเก็บอุปกรณ์กองถ่าย ณ ที่นั่นมีรถตู้จอดรออยู่
-ครืด
ชเวซองกุนที่ขึ้นรถไปก่อนส่งสัญญาณมือให้วูจินตามขึ้นมา แม้จะเอียงคอสงสัยเล็กน้อย แต่คังวูจินก็ขึ้นรถตู้ไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทันทีที่ประตูรถปิดลง ชเวซองกุนก็ยื่นกองกระดาษหนาเตอะมาให้
“ลองดูหน่อยสิ”
กองกระดาษ หรือที่จริงคือบทภาพยนตร์ ปกบทที่มีชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษสะดุดตาคังวูจินเป็นอย่างแรก
- ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ (Beauty and the Beast)
มันเป็นชื่อเรื่องที่คุ้นเคยสำหรับวูจินเป็นอย่างมาก
-จบ-
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_