ตอนที่แล้วบทที่ 364 : อำนาจ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 366 : อำนาจ (3)

บทที่ 365 : อำนาจ (2)


【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】

【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】

【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】

บทที่ 365 : อำนาจ (2)

‘ปิเอโรต์’ คือ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ระดับ EX+ ซึ่งเหนือกว่าระดับ EX ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง คังวูจินจ้องมองด้วยความรู้สึกตื้อตัน เขาพยายามวาดภาพในหัว แต่มันก็เลือนรางเหลือเกิน

“โห ระดับ EX+ เชียวเหรอ? มันจะขนาดไหนกันเนี่ย?”

เขาประเมินความรุนแรงไม่ออกเลย สิ่งเดียวที่พอจะคาดเดาได้ก็คือ อย่างน้อยมันต้องเหนือกว่า ‘มารร้ายผู้แสนดี’ ระดับ SSS หรืออย่าง ‘ปลิง’ ที่เคยพลิกโฉมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ แถม ‘ปิเอโรต์’ ก็น่าจะยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก

“ไม่นะ ‘ปลิง’ ได้ทั้งปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ แล้วยังคว้ารางวัลนักแสดงนำชายอีก แถมยังทำรายได้ถล่มทลายตอนเข้าฉาย”

ความรู้ของเขามีเพียงเท่านี้ หากเป็นชเวซองกุนผู้รอบรู้ คงจะให้คำตอบเขาได้ แต่ตัวเขาเองยังห่างไกลจากจุดนั้น วูจินจึงได้แต่ยิ้มบาง ๆ

‘ช่างเถอะ แค่ฉันทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว’

ถึงอย่างไรการครุ่นคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ แค่ทุ่มเทให้กับการแสดง วันนั้นย่อมมาถึง สิ่งที่แน่นอนในตอนนี้คือ การถ่ายทำ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ และการแย่งชิงบทนำใน ‘ปิเอโรต์’ ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน

-กึก

วูจินละสายตาจากสี่เหลี่ยมสว่างสีขาวแล้วทิ้งตัวลงนอน เขามองความว่างเปล่าในมิติว่างเปล่าพลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

“การแย่งชิงบทนำงั้นเหรอ... ตอนนั้นเรื่องอะไรนะ อ้อ ‘ปิดบัญชีเลือด 3’ นี่เอง คงจะคล้าย ๆ กันล่ะมั้ง?”

ระบบน่าจะคล้ายคลึงกัน ‘ปิดบัญชีเลือด 3’ เพราะ ‘ปิเอโรต์’ ก็เป็นหนังฮอลลีวูดเหมือนกัน ต่างกันแค่บทบาท แถมขนาดของบริษัทก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว นั่นหมายความว่ามันคงไม่ง่ายเหมือน ‘ปิดบัญชีเลือด 3’

แม้จะนึกภาพไม่ออกอย่างแจ่มชัด แต่วูจินก็สัมผัสได้ด้วยสัญชาตญาณ ทว่าไม่นานนัก ความคิดเขาก็แปรเปลี่ยน

‘ฉันตั้งมั่นว่าจะคว้าบทนี้มาให้จงได้ แต่หากไม่ได้ก็อย่าได้เสียใจไปเลย หนังไม่ได้มีเพียงเรื่องเดียวเสียหน่อย’

ระดับ EX+ ก็น่าเสียดายอยู่หรอก แต่ตามที่วูจินครุ่นคิด โลกฮอลลีวูดนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ยังไงเสียต้องมีผลงานระดับเดียวกันนี้ออกมาอีกแน่ เขาจัดระเบียบความคิดของตนเอง ก่อนจะเอนกายพักผ่อนในห้วงมิติว่างเปล่า เมื่อได้หลับใหลเต็มอิ่ม เขาก็เอ่ยพึมพำ “ออกไป” ร่างของเขาก็กลับคืนสู่โลกแห่งความจริง

รถตู้วิ่งฉิวไปบนทางด่วน

วูจินที่ฟื้นฟูพลังเต็มเปี่ยมแล้ว กำลังจ้องมองบทภาพยนตร์ ‘ปิเอโรต์’ ที่วางอยู่บนตักด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาเปิดหน้าบท

-ฟึบ

เพื่ออ่านให้จบสิ้น ก่อนจะเข้าสู่การสัมผัส (ประสบการณ์) ในมิติว่างเปล่า

เวลาล่วงเลยไปราวสองชั่วโมง

วูจินมาถึงจังหวัดคย็องกีและกำลังถ่ายทำในบทบาท ‘จังยอนอู’

“แอคชั่น!!”

ทีมงานกว่าร้อยชีวิต นักแสดง และPDซงมันวู ต่างเคลื่อนไหวพร้อมเพรียงกัน ท่ามกลางความพลุกพล่าน ชายผมหางม้าผู้หนึ่งยืนกอดอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในจุดที่เหล่านักแสดงและทีมงานมุงดูอยู่ เขาคือชเวซองกุน เขากำลังจับจ้องมองวูจินที่กำลังทุ่มเทแสดงอย่างสุดฝีมือในบทบาท ‘จังยอนอู’ อย่างตั้งใจ

‘เรื่องนี้ต้องวางแผนให้รัดกุมเสียแล้ว’

ความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัว และแน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับ ‘ปิเอโรต์’ ไม่นานนัก ชเวซองกุนก็นึกย้อนไปถึงบทสนทนาระหว่างผู้กำกับอันกาบกและวูจินเมื่อเช้านี้

เริ่มต้นจากผู้กำกับอันกาบก ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวูจิน เป็นฝ่ายเริ่มอธิบายสถานการณ์

“เรื่องผลงาน ‘ปิเอโรต์’ นี้ ยังคงเป็นความลับอยู่นะ”

ชเวซองกุน ผู้เฉลียวฉลาด ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ครับ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นโปรเจกต์ใหญ่ ผมกับวูจินจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างแน่นอน”

“คงอีกไม่นาน วูจินตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจกต์นี้แล้ว ฉันจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเมื่อถึงเวลาประกาศอย่างเป็นทางการ”

“...ครับ ผู้กำกับ”

“หืม?”

“คือ...ที่ผู้กำกับนำผลงานชิ้นนี้มา...มันมีที่มาที่ไปยังไงเหรอครับ”

ทำไมจู่ ๆ ผู้กำกับถึงได้ไปฮอลลีวูด และพอกลับมาเกาหลีก็ยื่น ‘ปิเอโรต์’ ให้กับคังวูจิน แถมยังเร่งรีบนัดพบกันถึงเพียงนี้ ความสงสัยของชเวซองกุนพลันมลายหายไปในพริบตาด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของผู้กำกับอันกาบก

“เพราะฉันจะได้เป็นผู้กำกับของผลงานชิ้นนี้น่ะสิ”

ชเวซองกุนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขณะที่คังวูจินยังคงนิ่งเฉย

“เอ๋?!! จริงเหรอครับ?? ยินดีด้วยนะครับ ผู้กำกับ!!”

ทันทีที่ได้ยิน ชเวซองกุนก็ตระหนักได้ในฉับพลันว่า ผู้กำกับอันกาบก ได้รับเลือกให้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดเป็นครั้งแรก ถึงจะเคยคว้ารางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์มาแล้ว แต่ชเวซองกุนก็ไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเร็วถึงเพียงนี้ ในทางกลับกัน ผู้กำกับอันกาบก กลับดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด

“ขอบคุณนะ อืม...ฉันควรจะบอกในสิ่งที่บอกได้นะ”

“······”

“ฉันรับหน้าที่กำกับ ‘ปิเอโรต์’ และสตูดิโอฮอลลีวูดที่ร่วมผลิตคือ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’”

“!!!”

ดวงตาของชเวซองกุนเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ คือหนึ่งในบริษัทจัดจำหน่ายและสร้างภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ระดับแนวหน้าของฮอลลีวูด ซึ่งหมายความว่า ‘ปิเอโรต์’ ต้องเป็นบทภาพยนตร์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ริมฝีปากของชเวซองกุนเผยอออกเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคังวูจินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งวูจินยังคงนั่งฟังอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

ดูเหมือนความตกตะลึงจะปรากฏอยู่บนใบหน้าของชเวซองกุนเพียงผู้เดียว

ในที่สุด ชเวซองกุนก็พยายามสะกดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ แล้วพึมพำกับผู้กำกับอันกาบกว่า

“ขออภัยครับ เชิญคุณพูดต่อได้เลย”

“ขอโทษที แต่ตอนนี้ฉันให้ข้อมูลได้แค่สองอย่างนี้เท่านั้น อ้อ อันนี้ ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ อนุญาตให้บอกได้แล้ว ฉันก็เลยบอกได้”

สายตาของผู้กำกับอันกาบกจับจ้องไปที่คังวูจิน

“‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ มีชื่อวูจินอยู่ในบอร์ดคัดเลือกนักแสดงแล้ว ถึงฉันจะไม่ยื่นบทให้ วูจินก็คงได้รับการติดต่อไปอยู่ดี เพียงแต่ฉันอยากจะยื่นบทภาพยนตร์ให้วูจินด้วยตัวเอง”

“วู... วูจินเหรอครับ?” เสียงนั้นเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก

“อืม คงเป็นเพราะรางวัลนักแสดงนำชายจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์นั่นแหละ ที่ส่งอิทธิพลมากที่สุด”

วูจินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“แน่นอนว่า นอกจากวูจินแล้ว ในบอร์ดคัดเลือกนักแสดงของพวกเขาก็คับคั่งไปด้วยเหล่าซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดมากมาย” ผู้กำกับอันกาบกภาพยนตร์ อธิบายเพิ่มเติม

“แต่ฉันก็ไม่ได้ให้บท ‘ปิเอโรต์’ กับวูจินก่อนใครเป็นพิเศษหรอกนะ ทาง ‘โคลัมเบียสตูดิโอ’ ก็กำลังดำเนินการอยู่เหมือนกัน พวกเขากำลังส่งบทภาพยนตร์ให้กับนักแสดงฮอลลีวูดหลายคนในบอร์ดคัดเลือกนักแสดง พวกเขาย้ำเรื่องความเท่าเทียมกันในเรื่องเวลา”

“···เวลาที่เท่าเทียมกันเหรอครับ?” วูจินทวนคำนั้นอย่างครุ่นคิด

“ใช่ พวกเขาจะให้บทภาพยนตร์เกือบจะพร้อม ๆ กัน และเรียกมาทดสอบบทในเวลาที่ใกล้เคียงกัน จากนั้นก็จะเลือกนักแสดงที่เหมาะสมกับบท ‘ปิเอโรต์’ มากที่สุด”

“อ้อ” วูจินพยักหน้ารับ

“ถึงเวลาจะเท่ากัน แต่พวกเขาก็อยากจะดูว่าการแสดงของใครจะลุ่มลึกกว่ากัน หรือ-” ผู้กำกับอันกาบก หยุดพูดชั่วครู่ พร้อมกับจ้องมองคังวูจินอย่างพินิจ

“-ว่าใครจะถ่ายทอดตัวตลกที่น่าสะพรึงกลัวออกมาได้สมจริงที่สุด”

ชเวซองกุนสะดุ้งเล็กน้อย ราวกับเพิ่งดึงสติกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง กลับมายังกองถ่ายภาพยนตร์ ‘มารร้ายผู้แสนดี’ เขามองคังวูจินที่กำลังถ่ายทำอยู่ สายตาจับจ้องไปที่การแสดงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ก่อนจะพึมพำเบา ๆ

“ตัวตลกที่น่าสะพรึงกลัวงั้นเหรอ-”

แล้วทันใดนั้น

‘ภาพยนตร์ของโคลัมเบียสตูดิโอ กำกับโดยผู้กำกับอันกาบก ตำนานแห่งวงการภาพยนตร์เกาหลี ร่วมงานกับวูจินอีก’

เขาใตอนนี้ก็กำลังได้กลายเป็นตัวแทนของบริษัทบันเทิงอันแสนสุดยอดไปเสียแล้ว

‘ทั้งรางวัลปาล์มทองคำ และรางวัลนักแสดงนำชาย ครั้งแรกของเกาหลี แถมยังกำลังมุ่งฮอลลีวูดอย่างต่อเนื่องอีก’

ช่างเป็นข่าวที่สะเทือนวงการ

วันที่ 8 หลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านพ้นไป ที่ลอสแอนเจลิส

ยามเช้าในเกาหลี ตรงกับยามบ่ายในลอสแอนเจลิส ศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอเมริกาและของโลก ด้วยเหตุนี้ บริษัทที่เกี่ยวข้องมากมายจึงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ตั้งแต่บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ บริษัทเอเจนซี ไปจนถึงบริษัทผู้ผลิต

กล่าวคือ มีภาพยนตร์มากมายที่กำลังถูกสร้างขึ้นในเวลาเดียวกัน

และในหลากหลายแนว ณ ห้องประชุมขนาดใหญ่ของบริษัทภาพยนตร์แห่งหนึ่งในลอสแอนเจลิส การประชุมเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์กำลังดำเนินไปอย่างขะมักเขม้น ชาวต่างชาติหลายคนนั่งเรียงรายรอบโต๊ะรูปตัว D อย่างแออัด โน้ตบุ๊กวางอยู่ตรงหน้าทุกคน แสงไฟในห้องประชุมสลัวราง บนจอภาพด้านหน้าฉายภาพวิดีโออยู่

-♬♪

มิวสิควิดีโอเพลงไตเติลจากอัลบั้มใหม่ของไมลีย์ คาร่า ที่มียอดวิวหลายร้อยล้านครั้งและกำลังครองชาร์ตบิลบอร์ดอยู่ในขณะนี้

-【โรคติดสุรา (ร่วมร้องโดย วูจิน)】|ไมลีย์ คาร่า

ชาวต่างชาติในห้องประชุมต่างจ้องมองมิวสิควิดีโอที่ฉายอยู่เบื้องหน้า แต่ละคนมีสีหน้าท่าทางแตกต่างกันไป สิ่งที่น่าแปลกคือ พวกเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับไมลีย์ คาร่า แต่กลับจดจ่ออยู่กับบุคคลอื่น หรือจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือ มิวสิควิดีโอถูกเล่นซ้ำเฉพาะส่วนของนักแสดงชาวเกาหลีคนนั้นเท่านั้น

คังวูจินในมิวสิควิดีโอนั่นเอง

หญิงสาวชาวต่างชาติผู้นำเสนอที่นั่งอยู่ด้านหน้าขยับเมาส์เบา ๆ ทำนองเพลงในวิดีโอที่บรรเลงอยู่พลันเงียบหายไป ทว่าการนำเสนอยังไม่สิ้นสุด เธอเปิดวิดีโออื่นที่เตรียมไว้ขึ้นมาแทนที่

-♬♪

คราวนี้เป็นเสียงเพลงภาษาญี่ปุ่นเคล้าคลอไปกับภาพอนิเมะที่ปรากฏขึ้นบนจอ เพลงเปิดของ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ อันโด่งดังที่เคยผงาดขึ้นสู่อันดับหนึ่งบนชาร์ต Oricon ของญี่ปุ่น คำถามที่ผุดขึ้นในใจคือ เหตุใดชาวต่างชาติเหล่านี้จึงกำลังฟังเพลงและดื่มด่ำกับเสียงร้องของคังวูจินกันอยู่นะ?

ยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าของพวกเขายังดูจริงจังอย่างน่าประหลาด

ทันทีที่เพลงเปิดของอนิเมะ ‘เพื่อนชาย: รีเมค’ จบลง บทเพลงอื่นก็เริ่มบรรเลงขึ้นแทนที่ เสียงเพลงประกอบละคร Netflix เรื่อง ‘เพื่อนชาย’ ดังแว่วมา เพลงทั้งหมดล้วนแต่เคยกวาดชาร์ตเพลงเกาหลีมาแล้วทั้งสิ้น ชาวต่างชาติกว่าสิบคนที่นั่งล้อมรอบโต๊ะรูปตัวดีต่างนั่งฟังอย่างสงบนิ่ง

“······”

“······”

บางคนหลับตาพริ้มเพลิดเพลินไปกับท่วงทำนองอันไพเราะ บางคนจดบันทึกบางสิ่งบางอย่างลงในสมุดด้วยความตั้งใจ แต่ละคนแสดงออกถึงความจดจ่อที่แตกต่างกันไป แม้ภาพวิดีโอและบทเพลงจะสับเปลี่ยนหมุนเวียน แต่กิริยาท่าทางของชาวต่างชาติในห้องประชุมกว้างกลับแทบไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เหมือนกันคือทุกคนต่างกำลังตั้งใจฟังเสียงร้องของวูจินอย่างสุดหัวใจ

แล้วในวินาทีต่อมา...

“ต่อไปเป็นของ Youtube ค่ะ”

หญิงสาวชาวต่างชาติที่นั่งประจำตำแหน่งด้านหน้า ผู้ควบคุมวิดีโอและเสียงเพลงต่าง ๆ คลิกเมาส์ ภาพร้านอาหารแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาพของคังวูจินที่นั่งอยู่หน้าเปียโน เขาวางนิ้วลงบนแป้นและเริ่มบรรเลง วิดีโอนี้บันทึกภาพขณะที่วูจินกำลังเล่นเพลง ‘ม้าหมุนแห่งชีวิต’

-♬♪

เสียงเปียโนกังวานก้องไปทั่วห้องประชุม สีหน้าของชาวต่างชาติที่มารวมตัวกันต่างก็แปรเปลี่ยนไป บางคนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง บางคนเผยอปากเล็กน้อยอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“······ฝีมือสุดยอดเลยนี่”

'แบบนี้เรียกว่าได้รับการศึกษาอบรมมาอย่างดีตั้งแต่เยาว์วัยเลยล่ะมั้ง?'

“ฝีมือเปียโนของเขานี่เทียบชั้นมืออาชีพได้สบายเลยนะครับ ทั้งเอ็มวีของไมลีย์ คาร่าและวิดีโอนี้”

“จริงค่ะ บางทีเขาอาจจะเคยใฝ่ฝันอยากเป็นนักดนตรีมาก่อนก็ได้นะคะ”

“ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ในฮอลลีวูดก็มีนักแสดงแบบนี้อยู่บ้างเหมือนกัน”

เสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา ราวกับเสียงลมพัดผ่านใบไม้ ดังเล็ดลอดออกมาจากกลุ่มคน ความตื่นตะลึงยังคงปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง และดูเหมือนว่าเรื่องราวจะยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หญิงสาวชาวต่างชาติที่นั่งอยู่แถวหน้า ขยับเมาส์อีกครั้ง คราวนี้ภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอขนาดใหญ่ คือหน้าต่าง Youtube ที่คุ้นตา

-[ชื่อช่อง: ตัวตนอีกด้านของคังวูจิน]

ช่อง Youtube ส่วนตัวของคังวูจิน

วิดีโอและบทเพลงต่าง ๆ จาก ‘ตัวตนอีกด้านของคังวูจิน’ เริ่มบรรเลง แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพลงคัฟเวอร์ที่วูจินขับร้อง ทั้งเพลงญี่ปุ่น เพลงป๊อปภาษาเกาหลี เพลงเกาหลีที่ร้องเป็นภาษาอังกฤษ และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงเพลงฮิตของไมลีย์ คาร่าที่เขานำมาเรียบเรียงใหม่ในสไตล์ของตัวเอง เพลงที่มีผู้ชมมากที่สุดถูกเปิดต่อเนื่องกันไป ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด

ช่อง ‘ตัวตนอีกด้านของคังวูจิน’ เปรียบเสมือนคลังสมบัติทางดนตรี ที่อัดแน่นไปด้วยบทเพลงมากมาย ซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงพรสวรรค์ในการร้องเพลงของวูจิน พรสวรรค์ที่ทำให้ผู้ติดตามหลายสิบล้านคน ต่างหลงใหลในน้ำเสียงของเขา แม้กระทั่งไมลีย์ คาร่าเองก็ยังแสดงความชื่นชม

-♬♪

ในที่สุด...

“เท่านี้ค่ะ”

แสงไฟในห้องประชุมที่เคยสลัว กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง ราวกับสัญญาณที่บอกว่าช่วงเวลาแห่งมนต์เสน่ห์ทางดนตรีได้จบลงแล้ว เหล่าชาวต่างชาติที่มาร่วมประชุม เริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

“คังวูจิน...ไม่ใช่แค่ความสามารถในการร้องเพลงเท่านั้น แต่โทนเสียงของเขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หาตัวจับยากจริง ๆ”

“แบบนี้ต่อให้บอกว่าเขาเป็นนักร้องอาชีพ ก็คงไม่มีใครเถียงเลยใช่ไหม?”

“แน่นอน ถ้าไม่บอกว่าเขาเป็นนักแสดง ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะเป็นนักแสดง”

"แต่เขาก็เป็นนักแสดงนะ แถมยังเป็นนักแสดงเกาหลีคนแรกที่คว้า 'รางวัลนักแสดงนำชาย' จากเทศกาลหนังเมืองคานมาได้ด้วย"

"จริงเหรอที่เขาเดบิวต์ได้แค่สองปี?"

บนโต๊ะของชาวต่างชาติแต่ละคนมีแฟ้มใสแปะรูปของคังวูจินวางอยู่ บ่งบอกชัดเจนว่าการประชุมครั้งนี้มีคังวูจินเป็นหัวข้อสนทนาหลัก ซึ่งวิดีโอและเพลงที่เปิดคลอมาก่อนหน้านี้ก็ยิ่งตอกย้ำความจริงข้อนั้น

"ไม่ต้องพูดถึงเสียงร้อง โดยเฉพาะความสามารถในการเล่นเปียโนที่โดดเด่นสะดุดตาอย่างแท้จริง"

"เพราะเป็นความสามารถที่เราต้องการ มันเลยยิ่งดึงดูดใจเรามากขึ้นล่ะมั้ง"

"แต่ว่าอาชีพหลักของเขาน่ะ...เป็นนักแสดงนะ ฉันคนเดียวหรือที่รู้สึกแปลก ๆ กับเรื่องนี้?"

"จริง ๆ แล้วงานหลักของเขาก็คือนักแสดงนี่ แถมยังมีฝีมือการแสดงที่ทำให้เมืองคานต้องสั่นสะเทือนมาแล้วด้วย"

"ในช่อง Youtube ของเขาก็บอกไว้อย่างชัดเจน ในส่วนของคำแนะนำตัว เขาเขียนไว้ว่านอกจากการแสดงแล้ว อย่างอื่นเป็นแค่ 'งานอดิเรก' "

ท่ามกลางเสียงฮือฮาที่ดังขึ้น ข้อสรุปก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

"ยังไงซะ ฝีมือของเขาก็ได้รับการยืนยันแล้ว ถึงแม้การได้พบตัวจริงอาจจะต่างออกไป แต่ถ้าดูจากข้อมูลมากมายขนาดนี้ ก็ถือว่าหลักฐานแน่นหนาเกินพอ"

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น

"แล้วเรื่องภาษาล่ะ?"

คำตอบก็มาอย่างรวดเร็ว

"จากการตรวจสอบ เขาพูดภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส แถมยังใช้ภาษามือได้ด้วย ทั้งหมดอยู่ในระดับเจ้าของภาษา"

"ได้ฟังเพลงป๊อปที่คังวูจินคัฟเวอร์กันแล้วใช่ไหม? ถ้าหลับตาฟัง แทบจะไม่เชื่อเลยว่าเขาเป็นคนเกาหลี"

ในระหว่างการประชุมที่ยังคงดำเนินต่อไป ชายร่างสูงโปร่งผู้มีออร่าของผู้มีอำนาจตัดสินใจเอ่ยขึ้น

"เสียงร้อง ภาษา การแสดง ภาพลักษณ์ รวมถึงเปียโน แถมยังเป็นที่พูดถึงในช่วงนี้ด้วย ถือว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลยสักอย่าง"

ไม่นาน ชาวต่างชาติทั้งหมดกว่าสิบคนก็เห็นพ้องต้องกัน

"ต้องเอาชื่อเขาขึ้นบอร์ดแคสติ้งแล้วล่ะ"

“หัวใจสำคัญของผลงานชิ้นนี้คือความสามารถในการแสดง ร้องเพลง และเล่นเปียโน ซึ่งเขาคนนี้มีครบถ้วน แม้จะขาดเรื่องภาษา เราก็พร้อมจะเสนอบทให้เขาอยู่แล้ว แต่คังวูจินกลับมีความสามารถทางด้านภาษาที่ยอดเยี่ยมเกินคาดอีกด้วย”

บทสนทนาของพวกเขามีคำว่า ‘ร้องเพลง’ และ ‘เปียโน’ ถูกเน้นย้ำเป็นพิเศษ

“เอาคังวูจิน ตกลงตามนั้น”

จากนั้น ชายชาวต่างชาติร่างท้วมที่นั่งอยู่กลางโต๊ะรูปตัวดีก็ลุกขึ้นอย่างเงียบกริบ ราวกับมีสายโทรศัพท์เข้ามา เขาจึงพยายามออกไปที่ทางเดินอย่างระมัดระวังที่สุด เพื่อไม่ให้รบกวนการประชุม

“ใช่ ผมเอง กำลังประชุมเรื่องงานสร้างอยู่ บอกมาสั้น ๆ ก็พอ”

บนกระจกประตูห้องประชุมด้านหลังของเขาระหว่างคุยโทรศัพท์ ปรากฏโลโก้และชื่อของบริษัทภาพยนตร์ที่คุ้นตาอย่างยิ่ง

- ‘เวิลด์ดิสนีย์พิคเจอร์ส’

-จบ-

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด