บทที่ 32 : จิ้งจอกเก้าหาง!
บทที่ 32 : จิ้งจอกเก้าหาง!
ในยามค่ำคืนที่มีเสียงฝนตกกระหน่ำ
ภูเขาหยินหนานที่ปกคลุมไปด้วยสายฝนได้แผ่รังสีอึมครึมน่าขนลุกไปทุกหนทุกแห่ง
ในความมืด มีแสงไฟส่องสว่างเป็นจุดๆ
ณ เวลานี้, ทีมกู้ภัยยังคงทำงานอย่างหนัก
“หัวหน้าครับ, ทางนี้ไม่พบอะไรเลยครับ”
“ทางนี้ก็หาแล้วครับ, ไม่พบผู้ประสบภัย”
“รายงานครับ! ฝนตกหนักมาก ทำให้การกู้ภัยยากลำบากขึ้นมาก เกรงว่า…”
…..
ตอนนี้ เวลาสี่ทุ่ม
ซูหรูหยานยืนอยู่ริมหน้าผา ใบหน้าของเธอเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เฉินฉีเหนียนยืนอยู่ข้างๆ คอยกางร่มให้ซูหรูหยาน
ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาของเซียวซิงหยู เฉินฉีเหนียนขมวดคิ้วเคร่งเครียดมาโดยตลอด
“ท่านผู้อำนวยการครับ, ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เซียวซิงหยูก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”
“อาจารย์เฉิน, ไปจ้างคนมาเพิ่มอีก”
“แต่ว่า งบประมาณกู้ภัยมันเกินไปแล้วนะครับ…”
“ส่วนที่เกิน ฉันจะออกเอง”
เพื่อช่วยเซียวซิงหยู ซูหรูหยานยอมควักกระเป๋าตัวเองทันที
“อ้อ…อาจารย์เฉิน ให้เด็กๆ กลับไปก่อนเถอะ”
ตอนนี้ที่ริมหน้าผา ยังมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ยืนตากฝนอยู่
พวกเขาเป็นนักเรียนห้องสาม เเละทุกคนกำลังรอให้เซียวซิงหยูกลับมา
อู๋เซิงโหย่วและซ่งหู่ยืนอยู่ด้วยกัน เเละทั้งสองกำลังอธิษฐานอย่างเงียบๆ
“คุณยายทวดของผมที่อยู่บนสวรรค์ครับ, โปรดคุ้มครองเซียวซิงหยู ให้เขากลับมาอย่างปลอดภัยด้วยเถิด!”
“พระเจ้าครับ, ขอแค่เซียวซิงหยูกลับมาได้ ผมยอมเสียสละความบริสุทธิ์ของผมก็ได้!”
ทันใดนั้น เฉินฉีเหนียนก็เดินเข้ามาหาทุกคน
"พวกเธอมัวทำอะไรที่นี่อีก?”
“รีบกลับวิทยาลัยชิงหลงไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องเรียนอีกนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อู๋เซิงโหย่วก็ทำหน้าดื้อรั้น เเล้วพูดเสียงหนักแน่นว่า
"อาจารย์เฉินครับ, ผมจะกลับก็ต่อเมื่อเซียวซิงหยูกลับมาแล้วเท่านั้น!"
"ผมก็จะรอเซียวซิงหยูเหมือนกัน" ซ่งหู่กล่าวเสริม
"ผมด้วย!"
"ถ้ายังไม่เห็นเซียวซิงหยูกลับมา ผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!"
"ผมจะอยู่รอเซียวซิวหยู!"
นักเรียนทุกคนมีความเห็นตรงกันอย่างมาก
เเละสิ่งนี้ แสดงให้เห็นว่าเซียวซิงหยูได้กลายเป็นศูนย์รวมใจของห้องนี้ไปแล้ว
เฉินฉีเหนียนจึงได้เเต่ส่ายหัวพลางถอนหายใจ
"พวกเธอนี่มันจริงๆ..."
เเละทันใดนั้น, เสียงของซูหรูหยานก็ดังขึ้น
"อาจารย์เฉิน, ไม่ต้องไปห้ามพวกเขาหรอก ถ้าพวกเขาอยากรอเซียวซิงหยู ก็ปล่อยให้รอเถอะ"
หลังจากนั้นในชั่วพริบตา เสียงฝนก็รวมตัวกันเป็นเสียงคำรามดังสนั่น
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มราวกับมีรอยแตกนับไม่ถ้วน, ทันใดนั้นสายฝนก็รวมตัวกันเป็นน้ำตก เเล้วเทลงมาสู่พื้นดิน
นักเรียนห้องสามทั้ง 59 คน, ถูกสายฝนสาดซัดเสื้อผ้าจนเปียกโชก
เด็กๆ ที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์เหล่านี้ เปียกปอนไปทั้งตัว ดูแล้วน่าสงสาร แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะเยาะพวกเขา
ฉากนี้ทำให้มุมปากของเฉินฉีเหนียนยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
"เซียวซิงหยู, นายนี่มันแน่จริงๆเลย”
“เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่กี่วัน กลับทำให้เพื่อนทั้งห้องเป็นห่วงได้ขนาดนี้...”
ศูนย์รวมจิตใจ ก็เป็นหนึ่งในมาตรฐานการตัดสินความแข็งแกร่งของคนๆ หนึ่ง
รอบตัวผู้ที่แข็งแกร่ง มักจะต้องมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อยู่ไม่น้อย
เซียวซิงหยูไม่เคยพยายามเอาใจเพื่อนร่วมชั้นคนไหน แต่พวกเขากลับทั้งหมดกลับติดตามเซียวซิงหยูโดยไม่รู้ตัว
นี่เเหละ…คือเสน่ห์ของอัจฉริยะผู้แข็งแกร่ง
…….
ณ คฤหาสน์มู่หรง
ในห้องน้ำ
หญิงสาวผมขาวยาวนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ
ส่วนสำคัญร่างกายของเธอถูกปกปิดด้วยฟองสบู่ เผยให้เห็นเพียงลำคอที่ขาวผ่องและไหล่ที่งดงาม
มู่หรงซินซินมองออกไปนอกหน้าต่าง
ซึ่งตอนนี้ฝนยังคงตกราวกับจะไม่มีวันหยุด
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องอย่างต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย
มู่หรงซินซินนั่งเหม่ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างอ่างแล้วเปิดดูข่าว
หลังจากอ่านข่าวร้อนแรงต่างๆ มู่หรงซินซินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตามรายงานข่าวล่าสุด เซียวซิงหยูยังคงสูญหาย และยังไม่รู้ชะตากรรม
"หมอนั่น...ตายไปแล้วจริงๆเหรอ?"
มู่หรงซินซินไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหน
แต่ในเวลานี้ ภาพลักษณ์และรอยยิ้มของเซียวซิงหยู กลับผุดขึ้นมาในหัวของเธออยู่เรื่อยๆ
…..
ใต้หน้าผา
ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง
เซียวซิงหยูที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังพยายามคลานเข้ามาในถ้ำ
เเละหลังจากเข้ามาในถ้ำได้แล้ว เซียวซิงหยูก็พิงกำแพงพร้อมหอบหายใจถี่
"น้ำฝนซึมเข้าแผลแล้ว, ปล่อยไว้คงจะอักเสบแน่ๆ"
"เเต่ในแหวนมิติไม่มียารักษาอาการอักเสบ, คงต้องทนเอาแล้วล่ะ"
ตอนนี้ หมาป่าวายุนรกบาดเจ็บสาหัส จนต้องพักฟื้นในตราอสูร ไม่สามารถเรียกออกมาได้ในตอนนี้
เเละข้างนอกถ้ำ ฝนยังคงตกไม่หยุดจนอาจเกิดดินโคลนถล่มได้ทุกเมื่อ
เซียวซิงหยูจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องค้างคืนในถ้ำนี้ แล้วค่อยหาทางขอความช่วยเหลือในตอนเช้า
หลังจากตั้งสติได้แล้ว เซียวซิงหยูก็ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
"ตามหลักแล้ว ไม่น่าจะมีอสูรระดับสมบูรณ์ปรากฏตัวที่ภูเขาหยินหนาน"
"คนที่สามารถใช้อำนาจโดยมิชอบ และแอบปล่อยอสูรระดับสมบูรณ์เข้ามาในภูเขาหยินหนานได้...ต้องเป็นผู้บริหารระดับสูงของวิทยาลัยชิงหลงแน่ๆ!"
ผู้บริหารระดับสูงสุดของวิทยาลัยชิงหลง ก็มีแค่อธิการบดีซูหรูหยานและรองอธิการบดีหวังตงเซิง
"ฉันไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับท่านอธิการบดีซู, แถมเธอยังดูจะเอ็นดูฉันด้วย"
"ดูท่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของตระกูลหวังอย่างไม่ต้องสงสัย!"
เซียวซิงหยูมั่นใจว่า ผู้อยู่เบื้องหลังที่ปล่อยอสูรระดับสมบูรณ์เข้ามาในภูเขาหยินหนานก็คือพ่อลูกตระกูลหวัง
ในเวลานี้ แววตาของเซียวซิงหยูเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
"หวังเยี่ยน, ในเมื่อครั้งนี้แกต้องการชีวิตฉัน ก็อย่าหาว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน..."
เซียวซิงหยูถือคติมีบุญคุณต้องทดแทนมีหนี้แค้นต้องชำระ
ดังนั้น ถ้าเขารอดชีวิตไปได้…หวังเยี่ยนต้องตาย!
อย่างไรก็ตาม, ทันใดนั้น ความหนาวเย็นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเซียวซิงหยู
"มีคนอื่นอยู่ในถ้ำด้วยงั้นเหรอ?!"
เซียวซิงหยูหันกลับไปโดยไม่รู้ตัว เเละทันใดนั้นกรงเล็บอันแหลมคมก็พุ่งมาที่ลำคอของเขาเเล้ว!
ในวินาทีนี้ เซียวซิงหยูรู้สึกราวกับความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
"แค่กๆๆ~"
ลำคอของเซียวซิงหยูถูกบีบรัดอย่างแรง จนใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง
แม้ว่าสายตาเริ่มจะพร่ามัว แต่เขาก็พอจะมองเห็นสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้าได้
จะว่าไป นี่ไม่เหมือนร่างของสัตว์อสูรปกติ…แต่เหมือนเป็นร่างของสาวสวยเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตาม, สาวสวยคนนี้มีร่างกายครึ่งคนครึ่งสัตว์
เธอมีรูปร่างและใบหน้าเหมือนมนุษย์ แต่ด้านหลังมีหางสีม่วงเก้าหาง และมีหูเหมือนหูจิ้งจอกตั้งอยู่บนศรีษะ
ในขณะที่ใกล้จะตาย ดวงตาเทพอสูรของเซียวซิงหยูก็เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ
เเละข้อมูลต่างๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเซียวซิงหยู
…..
[ชื่อ]: จิ้งจอกเก้าหาง
[ระดับ]: ระดับจักรพรรดิ (ขั้นที่ 1)
[สายเลือด]: ตระกูลสุนัขจิ้งจอกเก้าหาง (คุณภาพระดับเทพเจ้า)
[พรสวรรค์ 1]: ดวงตาเเห่งหายนะ (หลังจากเปิดดวงตา ตาข้างหนึ่งสามารถทําให้ศัตรูที่มีเลเวลต่ำกว่ากลายเป็นหินได้)
[พรสวรรค์ 2]: เพลิงจิ้งจอกเก้าหาง (เผาผลาญจิตวิญญาณของศัตรูโดยตรง พร้อมกับการโจมตีจิตวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว)
[คุณสมบัติ]: มนุษย์สัตว์, สายพลังจิต, ธาตุไฟ
[ความภักดี]: 0
[ทักษะ]:
1. กระสุนสัตว์หาง
2. ลูกศรดวงตาปีศาจกระหายเลือด
3. รูปปั้นเก้าหางเผาไหม้ท้องฟ้า
[เส้นทางวิวัฒนาการที่ซ่อนอยู่]: จิ้งจอกปีศาจเก้าหาง→ จิ้งจอกท้องฟ้าสิบหาง→ จิ้งจอกมังกรสิบหาง......
[นิสัยและความชอบ]: ......
……..
"จิ้งจอกเก้าหาง!"
"แย่แล้ว, นี่มันอสูรระดับจักรพรรดิ…ฉันไม่มีทางสู้ได้เลย!"
อสูรระดับจักรพรรดิอสูร มีพลังมากมายมหาศาล, ยิ่งไปกว่านั้น จิ้งจอกเก้าหางยังมีสายเลือดระดับเทพเจ้าอีกด้วย
การจะต่อกรกับอสูรระดับนี้ อย่างน้อยต้องเป็นปรมาจารย์อสูรระดับเจ็ดดาว…เเละถ้าอยากจะเอาชนะ ก็ต้องเป็นปรมาจารย์อสูรระดับแปดดาว
ตอนนี้เซียวซิงหยูเป็นแค่ปรมาจารย์อสูรระดับหนึ่งดาว เเถมหมาป่าวายุนรกก็บาดเจ็บสาหัสจึงไม่สามารถเรียกออกมาได้ชั่วคราว
ดังนั้น จะพูดให้ถูกก็คือตอนนี้เซียวซิงหยูยังอ่อนแอกว่าปรมาจารย์อสูรระดับหนึ่งดาวปกติเสียอีก
"มนุษย์, เจ้าเห็นหน้าข้าแล้ว ข้าจึงจำเป็นต้องฆ่าเจ้า!" เสียงของจิ้งจอกเก้าหางเย็นยะเยือก
เเต่ในช่วงเวลาคับขัน เซียวซิงหยูก็มองเห็นความหวังริบหรี่
เพราะตอนนี้ดวงตาเทพอสูรมองทะลุความลับของจิ้งจอกเก้าหางได้เเล้ว!
[สถานะอสูร]: บาดเจ็บสาหัสใกล้ตาย, เหลือเวลาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง
[อาการบาดเจ็บ]: เส้นชีพจรเสียหาย เลือดลมย้อนกลับ…
[การวิเคราะห์ขั้นสูง]: ถูกมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ทำร้าย, พลังมังกรไหลเข้าสู่ร่างกาย
"หืม…อสูรตัวนี้ก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน เเถมอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็จะตาย!"
"เดี๋ยวนะ!"
"ถูกมังกรสายเลือดบริสุทธิ์ทำร้าย..."
"แต่มังกรสายเลือดบริสุทธิ์ สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 100 ปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?"
เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่บันทึกไว้ในตำราเรียนเกี่ยวกับ "สงครามสังหารมังกร" เมื่อร้อยปีก่อน ยังคงมีเบื้องหลังบางอย่างซ่อนอยู่
"อุ๊บ!"
ทันใดนั้น จิ้งจอกเก้าหางก็กระอักเลือด จนเลือดสาดกระเซ็นใส่ใบหน้าของเซียวซิงหยู
โอกาสมาแล้ว!
"แค่กๆๆ~" เซียวซิงหยูพูดเสียงแหบพร่า
"คุณจิ้งจอก, ฉันรักษาคุณได้นะ!"
……………….