บทที่ 49:ขยาย
บทที่ 49:ขยาย
ลู่หย่วนหมิงเดินตามเจ้าหน้าที่ไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็มาถึงด้านข้างรถบรรทุกขนาดใหญ่ของกองทัพ รถคันนี้มีตู้บรรทุกติดอยู่ เจ้าหน้าที่เอ่ยขึ้นว่า “ด้วยข้อจำกัดด้านเงื่อนไข เราจึงจัดเตรียมได้เพียงเท่านี้ ตู้บรรทุกนี้ถูกดัดแปลงแล้ว ด้านในสุดเป็นห้องขัง มีกระจกพิเศษทำเป็นผนัง กันกระสุนและระเบิด คุณเพียงแค่เปิดสวิตช์โทรศัพท์ในห้องสอบสวน คนที่อยู่ข้างในห้องขังก็จะได้ยินเสียง ตู้บรรทุกนี้ทำจากเหล็กพิเศษและมีอุปกรณ์กันเสียง ภายนอกจะไม่ได้ยินเสียงภายใน เพื่อความปลอดภัย เราเพิ่งตรวจสอบไปเมื่อครู่ ไม่มีอุปกรณ์ดักฟังในนั้นแน่นอน”
เจ้าหน้าที่พาลู่หย่วนหมิงมายังประตูตู้บรรทุก เปิดประตูให้เขาเดินเข้าไป
ภายในตู้บรรทุกถูกดัดแปลงเป็นสองห้อง ห้องด้านในคือห้องขัง ชายหนุ่มใบหน้าเคร่งขรึมนั่งอยู่บนเก้าอี้สอบสวน มือและเท้าถูกล่ามโซ่ไว้ ส่วนห้องด้านนอกมีผนังด้านหนึ่งที่สามารถมองเห็นห้องขังได้อย่างชัดเจน และมีแผงปุ่มควบคุมอยู่หน้าผนังกระจก
ลู่หย่วนหมิงตรวจสอบให้แน่ใจว่าประตูปิดสนิทแล้ว และไม่มีใครในห้องนี้ นอกจากนักโทษประหารชีวิต เขาก็เดินไปที่แผงปุ่มควบคุม ตรวจดูให้แน่ใจว่าทุกปุ่มมีป้ายภาษาจีนชัดเจน จากนั้นจึงกดปุ่มสื่อสาร แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินผมไหม?”
นักโทษประหารชีวิตในคุกนั้นได้ยินคำพูดของลู่หย่วนหมิงก็หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ลู่หย่วนหมิงไม่สนใจเสียงเยาะเย้ยนั้น เขาเพียงแค่พูดต่อว่า “ในปี 2028 โลกใบนี้จะตกสู่โลกแห่งสสารมืด กระบวนการนี้ไม่อาจย้อนกลับได้ ทุกชีวิตมนุษย์และอารยธรรมของมนุษย์จะลดมิติลงสู่โลกแห่งสสารมืด อันตรายที่สุดคือในโลกแห่งสสารมืดนั้น เต็มไปด้วยสิ่งน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจเอ่ยชื่อ สิ่งเหล่านั้นมองไม่เห็น ได้ยินไม่ชัด รู้จักไม่ได้ และสิ่งเหล่านั้นต่างก็จ้องมองมนุษย์และอารยธรรมของมนุษย์อย่างเลือดเย็น เมื่อใดที่มนุษย์และอารยธรรมทั้งหมดตกลงไป พวกมันจะเข้าโจมตีและฉีกกระชากพวกเราทันที……”
นักโทษประหารชีวิตหัวเราะลั่นขึ้น เขาร้องตะโกนเสียงดังว่า “จะมาเล่านิทานให้ฉันฟังเหรอ? นี่สนุกดีนี่ จะใช้เรื่องเล่าพวกนี้ให้ฉันเปิดปาก อย่ามา…”
ลู่หย่วนหมิงจ้องมองนักโทษประหารชีวิตอย่างไม่ละสายตา เขาเห็นนักโทษประหารชีวิตหัวเราะเยาะอย่างไม่สะทกสะท้านลู่หย่วนหมิงพึมพำขึ้นความดีใจวาบขึ้นมาในอก แต่ความสุขนั้นสลายหายไปในพริบตา ผิวหนังของนักโทษประหารชีวิตเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสยดสยอง เกล็ด หนวดและอวัยวะอื่น ปากที่น่าหวาดกลัวและอวัยวะภายในที่ดูน่าขยะแขยง ดวงตาจำนวนมากโผล่พ้นจากผิวหนังที่น่ากลัวที่สุดคือสิ่งที่กลายพันธุ์ออกมาเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตแยกต่างหาก พวกมันต่อสู้กันและพยายามดิ้นรนออกจากร่างกายของนักโทษประหารชีวิต
ชายผู้นั้นเหมือนกับไม่รู้ตัว เขายังคงพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่รู้ตัวว่าเขาพูดไม่ออกแล้ว ปากของเขาเปลี่ยนเป็นหนวดที่ประดับด้วยดวงตืและดวงตาของเขากลายเป็นอวัยวะภายในที่ขยับเขยื้อน ผิวหนังของเขาขดตัวขึ้นกลายเป็นผ้าเนื้อที่เต็มไปด้วยหนอนจำนวนมาก เพียงไม่กี่วินาทีนักโทษประหารชีวิตก็หายไปอย่างสิ้นเชิงในห้องขังเศษเนื้อขนาดเล็กและอวัยวะต่าง ๆ และสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักขนาดต่างคืบคลานดิ้นรนและกลืนกินกันสิ่งเหล่านี้ดำเนินไปราวสิบวินาที สิ่งเหล่านี้ก็หยุดนิ่ง และกลายเป็นเนื้อเน่าจริง ๆ
“ว่าแล้วเชียว……”
ลู่หย่วนหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย พร้อมกับเขาสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่า เขาจำหน้าตาของนักโทษประหารชีวิตคนนั้นไม่ได้แล้ว นอกจากความทรงจำที่ว่าเคยมีนักโทษประหารชีวิตคนนี้อยู่ และเขาเกิดการกลายพันธุ์เป็นอวัยวะเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่อย่างนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับหน้าตา อายุ เพศ ของนักโทษประหารชีวิตคนนั้น ล้วนหายไปหมดสิ้น
นี่ย่อมเป็นการรุกรานของสิ่งที่ไม่อาจกล่าวถึงได้
ถังเจ๋ออันเคยพูดคุยกับลู่หย่วนหมิงเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่อาจกล่าวถึงได้ ถังเจ๋ออันเชื่อว่าสิ่งที่ไม่อาจกล่าวถึงได้เหล่านี้ทรงอำนาจอย่างมาก เนื่องจากมีขนาดมหาศาล อำนาจนั้นจะสัมพันธ์กับความคิด จิตสำนึก และจิตวิญญาณเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า ความน่ากลัวที่ไม่อาจกล่าวถึงได้ล้วนมีปริมาณข้อมูลมากมายมหาศาล ปริมาณข้อมูลมหาศาลนี้เองที่ทำให้ผู้ใดก็ตามที่รู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกมันจะต้องเผชิญกับการกลายพันธุ์และการติดเชื้อ การจ้องมองพวกมันโดยตรงอาจทำให้คนธรรมดาตายทันที
ในเวลานั้น ลู่หย่วนหมิงยังถามว่า หากมนุษย์ในโลกแห่งสสารได้รู้ถึงการดำรงอยู่ของความน่ากลัวที่ไม่อาจกล่าวถึงได้ พวกเขาจะได้รับการคุ้มกันจากการพังทลาย เนื่องจากอยู่ในโลกแห่งสสารหรือไม่
คำตอบคือ ไม่!
โลกกำลังลดมิติสู่โลกแห่งสสารมืด บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยพลังอันตรายแฝงเร้น ซึ่งมนุษย์ในโลกแห่งสสารไม่เคยรับรู้เลย หากพวกเขารู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเหล่านี้ มันคงจะนำไปสู่การกลายพันธุ์ที่น่าสะพรึงกลัว
จากนั้น ร่างกายของพวกเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนถูกกลืนหายไปจากความทรงจำของคนทั่วไป ภาพถ่าย บันทึกข้อมูล และแม้กระทั่งหลักฐานการดำรงอยู่ของพวกเขาก็จะลบเลือนหายไป เหลือเพียงเบาะแสบางอย่างที่บ่งบอกว่าพวกเขาเคยมีตัวตนอยู่
นี่คือเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในปี 2028 ในเส้นเวลาหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ภัยพิบัติครั้งนี้ทำให้ประชากรในเมืองนิวยอร์กของโลกแห่งสสารมืดหายไปกว่าห้าหมื่นคน ในขณะเดียวกัน บนโลกแห่งสสารของสหรัฐอเมริกา ก็มีคนหายไปอีกหลายหมื่นคน ไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่นอน และแผนการของสหรัฐอเมริกาในการพัฒนาโลกแห่งสสารมืดก็ล้มเหลวไป
ลู่หย่วนหมิงยังคงหวังลึก ๆ ว่าปี 2024 นี้ อาจจะมีทางบ้าง ที่เขาจะเอ่ยถึงโลกแห่งสสารมืด และความน่ากลัวที่ไม่อาจเอ่ยถึงได้ แต่ความจริงกลับตบหน้าเขาอย่างแรง นักโทษประหารชีวิตผู้นี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากสายตาของลู่หย่วนหมิง เศษเนื้อ เลือด กระดูก อวัยวะ ภายในห้องขังเริ่มสลายหายไป กลายเป็นความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลืออยู่ เหมือนกับว่านักโทษประหารชีวิตผู้นี้ไม่เคยมีอยู่จริง ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเขาก็จะหายไปด้วย
จนถึงตอนนี้ มีเพียงอนุภาคแสงไร้สีของเขาเท่านั้น ที่สามารถต้านทานการพังทลายของข้อมูลจากความน่ากลัวที่ไม่อาจเอ่ยถึงได้ ทำให้ลู่หย่วนหมิงรอดพ้นจากความน่ากลัวนั้น แต่เขาก็ไม่รู้ว่าอนุภาคแสงไร้สีนี้จะช่วยคนอื่นได้หรือไม่และจะต้านทานได้ตลอดไป หรือเมื่ออนุภาคแสงไร้สีหมดลง คนเหล่านั้นก็จะถูกความน่ากลัวที่ไม่อาจเอ่ยถึงนั้นทำลายหรือเปล่า
ลู่หย่วนหมิงก้าวออกมาจากตรงนั้น ท่ามกลางความกังวลใจ เขาพบเจ้าหน้าที่ยืนรออยู่ตรงหน้า "เป็นยังไงบ้างครับ? " เจ้าหน้าที่ถามเสียงเร่งรีบ
ลู่หย่วนหมิงเพียงแต่ส่ายหน้าช้า ๆ เจ้าหน้าที่ไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปในตู้นั้น แต่เพียงถอนหายใจ "เราเข้าไปได้แล้วใช่ไหม? นอกจากนี้ ผมยังมีข้อสงสัยบางอย่างอยากจะถามคุณลู่ มีนักโทษประหารชีวิต... ผมจำได้แค่คำว่า นักโทษประหารชีวิต เท่านั้น ก่อนหน้านี้ ผมเป็นคนไปจับตัวเขามาจากเรือนจำแต่ผมจำเขาไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศหรือหน้าตา ก่อนคุณลู่ออกมา ผมพยายามตรวจสอบประวัติของนักโทษประหารชีวิตคนนี้แต่พวกเขาก็หาไม่พบ... นี่ก็เป็นเพราะข้อมูลที่ไม่ควรจะรู้ใช่หรือไม่? "
ลู่หย่วนหมิงพยักหน้าอย่างหนักอึ้ง "ใช่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่อธิบายทุกอย่างให้พวกคุณฟัง ตอนนี้ผมจะไปพบคุณหวางหล่าว ในตู้นั่นไม่มีใครอยู่แล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย พวกคุณรอสักวันก่อนค่อยเข้าไปก็ได้"
เจ้าหน้าที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลู่หย่วนหมิงมุ่งหน้าไปยังห้องพักหรู
เมื่อลู่หย่วนหมิงเดินเข้าไปในห้องพักหรู หวางหล่าวดูเหมือนจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว เขายกมืดขึ้นทักทายยอ่างเงียบ ๆ ให้ลู่หย่วนหมิง เมื่อลู่หย่วนหมิงเดินไปหาเขา หวางหล่าวก็คว้าแขนของลู่หย่วนหมิงไว้พร้อมกับพูดว่า "เหนื่อยมากแล้วนะ เธอต้องแบกภาระที่หนักหน่วงขนาดนี้..."
ลู่หย่วนหมิงยิ้มและตอบกลับไปว่า "ไม่เป็นไรหรอกคุณปู่หวาง ผมทนไหว... กลับกัน คุณต่างหากที่ต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน และยังต้องฟังข่าวร้ายจากปากของผม ผมกลัวว่าคุณจะทนไม่ไหว"
หวางหล่าวหัวเราะออกมาดัง ๆ พร้อมกับพูดว่า "เรื่องแค่นี้จะทนไม่ไหวได้ไงกัน ในอดีตเราก็ผ่านเรื่องหนัก ๆ มาเยอะแล้ว สบายใจได้ เราจะเป็นเสาหลักค้ำจุนทุกสิ่งเสมอ เราจะเป็นที่พึ่งพิงของทุกคนตลอดไป!"
ลู่หย่วนหมิงเหลือบมองโต๊ะอาหาร "ทานกันจนอิ่มแล้ว ผมขอไปดูคนที่ติดเชื้อในเขตแดนที่เหลืออยู่หน่อยนะ คุณปู่หวาง ผมอยากลองดูว่าผมจะรักษาพวกเขาได้รึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้น เขตแดนที่เหลืออยู่มันสำคัญมาก หากโชคดี เราอาจจะได้พลังบางอย่างจากที่นั่น อาจจะเป็นพลังเหนือธรรมชาติแบบที่ต่อกรกับสัตว์ประหลาดได้ หรือไม่ก็อาวุธหรือเกราะที่แข็งแกร่ง ผมไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร แต่ของที่อยู่ในนั้นต้องเป็นสิ่งดีแน่นอน!"
หวางหล่าวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนั้นยังไม่บ่ายสอง "ได้สิ เรื่องเขตแดนที่เหลืออยู่นี่สำคัญมาก จะจัดการเรื่องนั้นก่อน แล้วค่อยว่ากันเรื่องเราทีหลัง เขตแดนที่เหลืออยู่นี่อยู่ในย่านชุมชน เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน ควรจัดการให้เร็วที่สุด ไปกันเถอะ ผมจะไปดูเหล่าฮีโร่ด้วย"
หวางหล่าวเป็นคนใจร้อน เขาคว้าแขนลู่หย่วนหมิงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทันที มุ่งหน้าไปยังฐานทัพแห่งหนึ่งนอกเมือง เฮลิคอปเตอร์บินไปราวสิบนาที ก่อนจะลงจอดในฐานทัพ เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่พาหวางหล่าวกับลู่หย่วนหมิงไปยังอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในฐานทัพ
ลู่หย่วนหมิงตกใจเมื่อพบคนที่รู้จักในอาคารนี้ ปรากฏว่าเป็นหวังต้วน จากหน่วยเฉิงตู เขากำลังยืนหน้าเครียดที่ประตูอาคาร กำลังสูบบุหรี่ เมื่อหวางหล่าวเดินมาถึงพร้อมกับลู่หย่วนหมิงหวังต้วนรีบโยนก้นบุหรี่ลงพื้นทันที แล้วยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“ยังไม่รีบไปเหยียบก้นบุหรี่อีกเหรอ!” เจ้าหน้าที่ตะโกนใส่หวังต้วน
หวังต้วนรีบไปเหยียบก้นบุหรี่แล้ววิ่งเข้ามาหาหวางหล่าวและลู่หย่วนหมิง เจ้าหน้าที่รีบขวางเขาไว้ ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่ ทหารที่เดินตามมาด้วยต่างก็ล้วงมือไปที่เอวโดยไม่รู้ตัว หวังต้วนตกใจมาก “คุณลู่ คุณจำผมไม่ได้แล้วเหรอ?”
หวางหล่าวถอนหายใจแล้วบอกกับลู่หย่วนหมิง “ลูกทีมของเขามีหลายคนที่เกิดการกลายพันธุ์ บางคนมีการกลายพันธุ์ที่อวัยวะภายใน ร่างกายต่อต้านอย่างรุนแรงและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่าตัด…”
ลู่หย่วนหมิงรู้ดีว่าหวางหล่าวหมายถึงอะไร เขาจึงกล่าวกับหวังต้วนไปว่า “คุณหวังต้วนไปด้วยกันเถอะ ผมใช้พลังงานมากในเขตนอก ถ้าช่วยรักษาได้ก็จะช่วย ถือว่าเป็นการทดสอบว่าผมจะสามารถใช้พลังช่วยคนอื่นต่อต้านการกลายพันธุ์ได้รึเปล่า”
หวังต้วนดีใจมาก รีบวิ่งตามไป แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่และทหารขวางไว้
ทุกคนเดินลึกเข้าไปในตึกสูง แล้วนั่งลิฟต์ลงไปจนลู่หย่วนหมิงมาถึงห้องปลอดเชื้อแห่งหนึ่ง ผนังห้องใสราวกับกระจกใส กั้นเอาไว้โดยแผ่นฟิล์มโปร่งแสง ห้องปลอดเชื้อนี้เต็มไปด้วยแพทย์ พยาบาล และนักวิจัย ที่สวมชุดป้องกันทางชีวภาพ
"ทั้งหมดหกสิบสองคนที่มีการกลายพันธุ์ แบ่งเป็นเขตสัตว์ประหลาดCQสิบแปดคน เขตสัตว์ประหลาดCDสามสิบสี่คน และเขตอื่น ๆ อีกสิบคน อยู่ที่นี่หมดแล้ว" ผู้อำนวยการได้รับคำสั่งจากหวางหล่าวแล้วจึงรออยู่ข้างนอก เมื่อเขาพูดจบก็มีเจ้าหน้าที่นำชุดป้องกันทางชีวภาพมาให้
ลู่หย่วนหมิงปฏิเสธที่จะสวมใส่ เพราะเขาวางแผนที่จะปล่อยสิ่งลึกลับออกมา ซึ่งชุดป้องกันทางชีวภาพอาจจะแตกออกได้
นอกจากหวางหล่าว หวังต้วนและเจ้าหน้าที่แล้ว ทุกคนแสดงสีหน้าประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้ข้อมูลของลู่หย่วนหมิงอยู่แล้ว การไม่สวมชุดป้องกันทางชีวภาพเข้าไป เท่ากับละเมิดกฎความปลอดภัยอย่างสิ้นเชิง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการระดับสูงก็จริง แต่จะเทียบกับหวางหล่าวได้อย่างไร? แม้แต่เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ยังดูด้อยกว่ามาก ผู้อำนวยการจึงได้แต่คิดหนักว่าจะทำอย่างไร แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งรู้เรื่องทั้งหมดได้ออกคำสั่งไปโดยตรง นี่คือฐานทัพ ผู้ที่ทำงานในฐานะแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการศึกษา ต่างก็มีสถานะเป็นทหารแทบทั้งสิ้น เมื่อเจอคำสั่งของเจ้าหน้าที่ พวกเขาจึงได้แต่ยืนตรงเคารพคำสั่ง
ลู่หย่วนหมิงก้าวเข้าไปในห้องปลอดเชื้อ มองดูคนที่เกิดการกลายพันธุ์ บนใบหน้า ร่างกาย ผิวหนัง หรือแม้แต่ภายในอวัยวะ พวกเขาบางคนหมดสติ บางคนก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจากพวกเขา ลู่หย่วนหมิงสัมผัสได้ถึงรัศมีแห่งความโหดร้ายอย่างชัดเจน
หวางหล่าวหันมาบอกลู่หย่วนหมิง “อยากทำอะไรก็ทำไป เราจะรับผิดชอบเอง”
ความรู้สึกที่ได้รับความไว้วางใจนั้นทำให้ลู่หย่วนหมิงไม่ลังเล เขาสัมผัสถึงสิ่งที่ไม่รู้จัก แล้วใช้ความคิดจับสิ่งนั้นมาหนึ่งชิ้น จากนั้นเขาก็ “คลี่คลาย” สิ่งนั้น
ในทันใด นัยน์ตาของทุกคนในห้องสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามีแสงวาบขึ้นมาในสมอง ทุกคนรู้สึกราวกับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต แต่ไม่มีใครเห็นหรือสัมผัสได้ ลู่หย่วนหมิงเป็นศูนย์กลาง ลู่หย่วนหมิงยังคงยืนนิ่ง แต่รอบ ๆ ตัวของเขาราวกับมีพลังงานบางอย่างแผ่ซ่านออกไป พวกเขาทุกคนมองลู่หย่วนหมิงอย่างไม่กระพริบตาผิวหนังของพวกเขามีขนลุกชันอย่างเห็นได้ชัด บางคนรู้สึกถึงความสยดสยองและบางคนก็รู้สึกหวาดกลัว
ทันใดนั้น วิญญาณของลู่หย่วนหมิงก็โผล่พ้นหลังออกมา สูงเกือบสามเมตร สง่างามในชุดเกราะทองแดงเต็มตัว
(…ฉันยังสัมผัสไอ้ ‘สิ่งที่ไม่รู้จัก’ นี้ได้อยู่ สิ่งที่ไม่รู้จักนั้นสามารถขยายออกไปเป็นวงกลมกว้างถึงสิบห้าเมตร ในขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ ถูกโลกแห่งสสารละลาย ประมาณสิบถึงสิบห้านาที และฉันก็รู้สึกได้ว่า ถ้าในเวลานี้ฉันจะผสานมันกับพื้นที่โดยรอบ มันจะทำให้ความรู้สึกที่รุนแรงที่สุดของฉันเหมือนเร่งระดับขึ้น ถ้าฉันโกรธ ฉันก็จะโกรธมากกว่าเดิม...ขอบเขตของสิ่งที่ไม่รู้จักนี้จะสามารถยืดเวลาและขอบเขตออกไปได้อย่างมาก นี่คือสาเหตุที่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นฆ่าคนไม่หยุดสินะ พวกมันเลยใช้ความเจ็บปวดที่สุดในการทำให้มนุษย์ตาย เพื่อที่จะได้พลังมาจุนเจืออาณาเขต พวกมันได้ความรู้แบบนี้จากไหนกัน อารมณ์ หรือความคิด? หรือวิญญาณ? )
ลู่หย่วนหมิงคิดในใจ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้หยุดการกระทำของเขา ทันทีที่เขาใช้วิญญาณจับอนุภาคแสงไร้สีห้าเม็ด เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย เขามองเห็นอนุภาคแสงไร้สีลอยอยู่รอบ ๆ วิญญาณของเขา อย่างน้อยก็สองสามร้อยเม็ด บางเม็ดหนาแน่นจนชนกัน และมีบางเม็ดที่ผสานกันเป็นเม็ดใหญ่
‘อนุภาคแสงไร้สีมากมายขนาดนี้เชียว? จริงสิ! ทั้งคนที่อยู่ในเขตแดนสัตว์ประหลาดถูกช่วยมาสองครั้งรวมถึงหวังต้วน และทหารเหล่านั้น... หวางหล่าวก็รู้เรื่องฉันแล้ว... เดี๋ยวถามหวางหล่าวดูสิว่ามีวิธีโปรโมตเราบ้างไหม? อย่างเช่น...ผู้บรรเทาสาธารณภัย... ไม่สิ! เอาเป็น ผู้บุกเบิกการบรรเทาสาธารณภัย หรือฮีโร่แบบนี้คงจะดีกว่าไหม? ‘
ลู่หย่วนหมิงคิดไปอย่างนั้นพลางยื่นมือไปจับอนุภาคแสงไร้สีที่ลอยอยู่ในอากาศเบา ๆ ทันใดนั้น แสงขาววาบไปทั่วทั้งห้อง แม้แต่คนธรรมดาก็เห็นแสงขาวนี้ได้ชัด แสงขาวนี้ไม่ได้แสบตา แต่กลับทำให้รู้สึกอบอุ่น
เมื่อแสงขาวแผ่ขยายออกไป ร่างกายของผู้ป่วยที่อยู่ในห้องนี้ทุกคน เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แขนขาที่พิการ กลับมาสมบูรณ์ บาดแผลร้ายแรงเริ่มหายไปและที่น่าเหลือเชื่อคือบาดแผลหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เวลาผ่านไปเพียง 4-5 วินาที แสงขาวหายไป ทุกคนต่างหันไปมอง พบว่าผู้ป่วยทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ กลับมาอยู่ในสภาพปกติ บาดแผลและโรคภัยไข้เจ็บหายไปหมดและไม่ใช่แค่พวกเขา เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนั้น เอามือลูบหน้าอกของตัวเอง หวางหล่าวก็เอามือลูบไหล่และบริเวณหัวใจและทั้งสองคนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจและดีใจออกมา
บาดแผล โรคภัยไข้เจ็บ การกลายพันธุ์...
ทุกอย่างหายไป !