บทที่ 44 หลี่เหยาผู้ไม่มีใครหยุดยั้งได้!
หลี่เหยามองตรงไปยังที่มาของเสียง ข้างหลังของหยาน ซิงหงยังคงลุกโชนด้วยเพลิงร้อนแรง กระแสพลังโอบล้อมรอบตัวเขา ราวกับพร้อมจะพุ่งมาสังหารหลี่เหยาทุกเมื่อหากไม่ได้มีผู้เฒ่าสองคนยืนขวางอยู่
แต่หลี่เหยากลับมองหยาน ซิงหงอย่างสงบนิ่ง ราวกับไม่ได้เป็นผู้ลงมือสังหารหยาน เกาจี๋เอง และเพียงแต่พยักหน้าขอบคุณแก่ผู้เฒ่าทั้งสอง จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับเลย
ผู้คนต่างมองแผ่นหลังของหลี่เหยากับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของหยานซิงหง ทั้งหมดต่างเงียบสนิทไม่กล้ากระทั่งจะหายใจแรง
ชินเซียนโหว มองดูดาบในมือด้วยสีหน้าที่ขรึมลง ภาพการสังหารหยาน เกาจี๋นั้นชัดเจนในความทรงจำของเขา มันทำให้เขารู้สึกถึงความหนักหนาของหุบเขาที่ยากจะปีนข้าม ไม่คิดเลยว่าความต่างระดับนั้นจะมหาศาลขนาดนี้
ส่วนจางอี้เฉิง ได้ฉายา “จางอี้เฉิงที่” กำลังครุ่นคิดตามการต่อสู้ของหลี่เหยาอย่างจริงจัง หากใช้เพียงพลังและทักษะทั่วไปในสภาพที่เปิดใช้งาน (เกราะพิเศษ) ที่เพิ่มพลังของเขาไปจนถึงขั้นนี้ ถึงแม้จะสามารถรับมือหลี่เหยาได้ แต่ทักษะป้องกันขั้นสูงนั้นก็ยังเป็นปริศนา
ผู้คนที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ต่างก็ตกตะลึงกับความร้ายกาจของหลี่เหยา โดยเฉพาะ
โชโจ มิซากิผู้มีใบหน้าหมดจดนั้นเองก็ยืนอยู่ใต้เงาไม้ มองตามหลังหลี่เหยาไปอย่างเงียบ ๆ
“ยักษ์สีขาว” เธอเรียกหาองครักษ์ของเธอเบา ๆ
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
“ภายในสามวันนี้ หาหนังสือสกิลระดับ SS ที่เหมาะสำหรับผู้อัญเชิญมาให้ข้า”
“คุณหนู! หนังสือสกิลระดับ SS? แม้แต่ตระกูลโชโจของเรา…” ยักษ์สีขาวทำท่าทางตกใจ
“ไม่...ข้าต้องการระดับ SSS ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ ขอแค่เป็นสกิลผู้อัญเชิญระดับ SSS”
คำพูดนั้นถูกกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ยักษ์สีขาวไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความมุ่งมั่น
“หลี่เหยาคุง...ไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องได้ตัวเขามาอยู่ฝ่ายเดียวกับข้าให้ได้!”
เมื่อหลี่เหยาจากไป บรรยากาศที่ตึงเครียดค่อย ๆ ผ่อนคลายลง กลุ่มคนที่มุงดูเริ่มพากันกระซิบกระซาบ
“นั่นใช่ไหมที่เรียกว่า ‘ฆ่าได้ก็ฆ่าไป’ นั่นแหละ หยานเกาจี๋เชียวนะ! นั่นคนของตระกูลหยาน ไม่ใช่แค่อาชีพระดับ SS แต่เป็นลูกหลานหัวแก้วหัวแหวน!”
“เออ ถ้าเป็นคนแบบหยานเกาจี๋ก็ไม่ตายก็เสียของ ดีไม่ดีหลี่เหยาคงโดนไล่ล่าหนักกว่าเดิมเสียอีก!”
“เดี๋ยวนะทุกคน พวกนายไม่สังเกตเลยเหรอว่า การโจมตีที่เขาทำไปน่ะ มันมีค่าความเสียหายเกินหมื่นนะ! หรือว่าหลี่เหยาจะถึงเลเวล 40 ไปแล้ว?”
“บ้าหรือไง! สามวันก่อนเขาเพิ่งเปลี่ยนสายอาชีพไปเอง ต่อให้อสูรต่อแถวมาให้เขาฟัน ก็คงไม่ถึง 40 หรอกน่า!”
“ได้แต่บอกว่าหยาน เกาจี๋โชคร้ายจริง ๆ ถ้าปล่อยให้หลี่เหยาเติบโตไปอีกหน่อย คน ๆ นี้อาจจะยิ่งใหญ่ขึ้นไม่แพ้จางอี้เฉิง เป็นดาบลำดับต้น ๆ ของแผ่นดินก็เป็นได้”
“นายพูดถูก...ถ้าหลี่เหยาไม่ถูกกำจัดซะก่อนละก็ เขาต้องกลายเป็นยอดนักรบอีกคนของแผ่นดิน และอาจยิ่งใหญ่กว่าจางอี้เฉิงเสียด้วยซ้ำ!”
“แต่ปัญหาคือตอนนี้เขาฆ่าหยานเกาจี๋ไปแล้ว ตระกูลหยานจะปล่อยให้เขารอดเติบโตไปได้อย่างนั้นหรือ? แค่คิดว่าหลี่เหยาจะแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาคงจะนอนไม่หลับแล้วล่ะ”
“เขาก็ยังใจร้อนเกินไปนิด ถ้าเป็นฉัน อย่างมากก็แค่สั่งสอนหยานเกาจี๋ ไม่ถึงกับฆ่า เพราะอย่างนั้นตระกูลหยานก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้...สงสัยตระกูลหยานคงยอมไม่ได้แล้วล่ะสิ”
“ใจร้อนเหรอ? ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่ทัพอู่หยวนและ
ชินเซียนโหว ออกตัวแทน หลี่เหยาคงไม่คิดฆ่าใครเหมือนกันหรอก”
“แถมเมื่อเผชิญหน้ากับคำข่มขู่ของหยานซิงหง หลี่เหยาก็ไม่เสียเวลาตอบโต้อะไรเลย เขาแค่หันหลังเดินจากไป ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจกำลังมุ่งหน้าไปหาที่พึ่งกับฝ่ายพันธมิตรของเขาแล้วก็ได้”
ในมุมหนึ่งตระกูลหยานนั้นเป็นตระกูลชั้นสูงที่ทรงอิทธิพล อีกมุมหนึ่งหลี่เหยาก็เป็นแค่ผู้อัญเชิญที่เพิ่งเริ่มเส้นทาง ไม่เคยมีใครเปรียบทั้งสองฝ่ายมาก่อน แต่ตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยคิดแล้วว่าหลี่เหยากับตระกูลหยานนั้นมีโอกาสต่อสู้กันได้
ขณะที่คนทั้งหลายพากันคาดเดาว่าหลี่เหยาจะปลีกตัวออกไปหาทางซ่อนตัวนั้น
เสียงกังวานสดใสดังขึ้นจากในหมู่เมฆไม้
“ฉันมีกล่องรางวัลสามกล่อง หนึ่งในนั้นฉันจะยังไม่เปิดไว้เพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการ...หัวของคนตระกูลหยานน่ะ”
“ฉันเป็นแค่คนผ่านมา คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่หลี่เหยา ใครคิดว่าของตัวเองมากพอ หนักพอ ก็เข้ามาหาฉันได้ทุกเมื่อ”
บรรยากาศทั้งงานเงียบสนิท เหมือนถูกมือยักษ์กระแทกอย่างแรงจนผู้คนอึ้งกันไปชั่วขณะ
ไม่นานเสียงคำรามคลั่งแค้นของหยาน ซิงหงก็ดังขึ้น “แกมันอวดดีเกินไปแล้ว!
อู่หยวนฉวี่แกก็ได้ยินแล้วนี่ไง! นี่มันการประกาศตั้งค่าหัวกันจะ ๆ ต่อหน้าแกเลยนะ แล้วฝ่ายป้องกันกฎหมายนี่จะไม่เข้ามายุ่งเลยหรือ?!”
แม่ทัพอู่หยวนกล่าวอย่างหนักแน่นตอบกลับว่า “พี่หยาน ลองบอกชื่อคนที่แกพูดถึงมาสิ ฉันจะรีบแจ้งฝ่ายกฎหมายให้จับเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่เหยามาถึงศูนย์แลกเปลี่ยนสินค้าสตาร์เน็ต ณ เขตเมืองใต้
ซึ่งเป็นสถานที่ที่แม้แต่ตระกูลหยานยังไม่กล้าก่อเหตุวุ่นวายได้
ทันทีที่ถึงหลี่เหยาก็โทรหาครอบครัว บอกให้เตรียมคนจากกิลด์หมาป่าสีเงินที่เชื่อใจได้ให้เข้าไปพักในเขตสตาร์เน็ตทั้งหมด ห้ามออกไปไหนนอกจากลงดันเจี้ยนเท่านั้น หลี่หยางพอจะเดาสถานการณ์ออกจึงรีบเตรียมการตามที่หลี่เหยาบอกทันที
ถึงแม้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเช่าเขตสตาร์เน็ต แต่ในตอนนี้รายได้ของหลี่เหยาถือว่าเพียงพออยู่แล้ว
หลี่เหยารู้ว่าสถานการณ์นี้จะไม่ยืดเยื้อ การที่เขาแสดงฝีมือออกมาเช่นนี้จะทำให้ระดับสูงของพันธมิตรต้องหันมามอง อย่างไรก็ดี เขายังต้องเพิ่มพลังให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่เหยาก็เริ่มจัดเรียงของทั้งหมดที่ได้มาในครั้งนี้ไว้ตรงหน้า
กล่องรางวัลจากการทำสำเร็จสามกล่อง กล่องสมบัติจากราชินีฉีกลิ้น อาวุธกำปั้นของหยาน เกาจี๋ และเหรียญทองที่แวววาวอีกนับสิบ