บทที่ 36 คำเชิญจากโชโจ มิซากิ!
ณ ตอนนั้นเอง หลี่เหยาและพวกก็ได้มาถึงขอบเขตของพื้นที่เพาะเลี้ยง พื้นที่รอบด้านเต็มไปด้วยก้อนเนื้อก็อบลินที่สกปรกจนส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวคละคลุ้งผสมกับกลิ่นซากศพตลบอบอวลทั่วทั้งถ้ำ พวกเขาทำได้เพียงใช้ชิกิงามิของโชโจ มิซากิเพื่อดึงดูดอสูรออกมาทีละน้อยให้มาติดกับดักที่ทางเดินแคบๆ ของถ้ำเพื่อจัดการพวกมันทีละรอบ แม้จะวางแผนไว้เช่นนี้ แต่หยางจวิ้นเฟยซึ่งเป็นอาชีพสายต่อสู้เพียงคนเดียวในทีมก็ต้องรับมือกับอสูรถึงหกตัวพร้อมกัน หากไม่มีการรักษาจากซ่งอันชิงและน้ำยาเพิ่มพลังชีวิตที่ดื่มเข้าไปเป็นน้ำเปล่า เขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาโมโหมากที่สุดก็คือ หลี่เหยาส่งแค่นกสีครามออกมาและหลบไปอยู่หลังสุดราวกับไม่ได้ทำอะไรเลย แม้ว่านกสีครามตัวนี้จะมีพลังโจมตีรุนแรงและครอบคลุมกว้าง แต่หยางจวิ้นเฟยไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคนที่สามารถพิชิตดันเจี้ยนระดับฝันร้ายได้เพียงลำพังจะมีฝีมือแค่นี้ แถมหลี่เหยาทำเหมือนตั้งใจแกล้งอีกต่างหาก
หยางจวิ้นเฟยตะโกนอย่างเดือดดาลขณะฟาดหอกใส่อสูรอย่างไม่หยุดมือ “ผู้อัญเชิญระดับสิบแล้วมีสัตว์อัญเชิญแค่สองตัว? นายเล่นอะไรของนายกันแน่?!”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าสัตว์อัญเชิญของฉันตายไปหนึ่งตัว” หลี่เหยาตอบกลับทันที โดยไม่สนใจอาการหัวเสียของหยางจวิ้นเฟย ถ้าเป็นแค่หยางจวิ้นเฟยคนเดียว หลี่เหยาคงไม่ต้องปิดบังฝีมือ แต่เนื่องจากมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในทีมและเธอเป็นอาชีพระดับ SS ซึ่งเขาไม่เคยพบและไม่รู้ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน หลี่เหยาเลยเลือกที่จะไม่เผยความสามารถทั้งหมด
โชโจ มิซากิที่มาร่วมทีมด้วยเอ่ยขึ้นในที่สุด “หลี่เหยาคุง ฉันเป็นอาชีพสายสนับสนุน มีแค่ทักษะการต่อสู้ที่เป็นชิกิงามิเท่านั้น ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลไปนะ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมทีมกันแล้ว สัตว์อัญเชิญของเธอ ฉันจะคอยเสริมพลังให้มันเอง”
แม้จะเอ่ยคำขอร้อง โชโจ มิซากิก็ยังคงแสดงออกถึงความสูงส่งอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้
หลี่เหยารู้สึกระแวงยิ่งกว่าเดิม เพราะหากเป็นเพียงแค่อาชีพสายสนับสนุนตามที่เธอว่า จะจัดการกับผู้พิทักษ์ลิ้นฉีกได้อย่างไร
“งั้น...นักสู้แห่งความว่างเปล่า” เขาพึมพำเรียกอัญเชิญออกมา ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่
ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน หลี่เหยาอาจไม่เชื่อโชโจ มิซากิ แต่เขาก็ยินดีที่จะใช้นักสู้แห่งความว่างเปล่าเพื่อแลกข้อมูลทักษะจากเธอ
หลังจากที่ได้กลืนกินอสูรระดับหัวหน้าหลายตัว ร่างของนักสู้แห่งความว่างเปล่าก็สูงใหญ่ขึ้นถึงสามเมตร เมื่อมันยืนขวางทางเดินในถ้ำ เหล่าก็อบลินตัวอ้วนพีก็ถึงกับหยุดชะงักลงด้วยความหวาดกลัว แต่แล้วอสูรทั้งหมดก็ระดมโจมตีใส่มันในทันที
[ -381 ]
[ -294 ]
[ -432 ]
[ -335 ]
“พลังชีวิตของมันสูงมาก!” ซ่งอันชิงถึงกับอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่านักสู้แห่งความว่างเปล่ารับการโจมตีหลายสิบครั้งโดยแทบไม่เสียเลือดเลยสักนิด ซึ่งหากเป็น
หยางจวิ้นเฟยโดนแทน เธอคงต้องร่ายเวทย์รักษาให้เขาหลายบท
เมื่อหยางจวิ้นเฟยหยุดพักนั่งหายใจหอบบนพื้น เขาจ้องมองสัตว์อัญเชิญของหลี่เหยาด้วยความกังวล สัตว์อัญเชิญที่ทั้งอึดทนอย่างนักสู้แห่งความว่างเปล่าและการโจมตีระยะไกลของนกสีครามช่างเป็นการจับคู่ที่ลงตัว เขาคิดว่ายิ่งหลี่เหยาเลเวลสูงขึ้นจนถึงระดับที่อัญเชิญสัตว์เพิ่มได้อีกสักตัวโดยให้เป็นตัวสายรักษา อาจจะถึงขั้นที่เขากับ
หยางเฟิงร่วมมือกันก็ยังเอาชนะหลี่เหยาไม่ได้
“ไม่ธรรมดาจริงๆ สินะ สมกับเป็นผู้พิชิตดันเจี้ยนระดับฝันร้ายเพียงลำพัง”
หยางจวิ้นเฟยพึมพำ
“มีสัตว์อัญเชิญระดับนี้ ทำไมไม่ส่งมันออกมาตั้งแต่แรกกัน?” หยางจวิ้นเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น
เขาตั้งใจว่าออกไปเมื่อไร จะรายงานให้คนข้างนอกฟังหมดทุกอย่าง หลี่เหยาเล่นประหนึ่งไม่ช่วยอะไรเลย แล้วจะเอาส่วนแบ่งไปทำไม? ด้านหลังกลุ่ม โชโจ มิซากิกำลังจ้องสำรวจมองนักสู้แห่งความว่างเปล่าอย่างพินิจพิจารณา ถ้าสัตว์อัญเชิญของ
หลี่เหยามีแค่พลังชีวิตสูงลิบกับการโจมตีของนกสีคราม ก็ไม่น่าจะรอดจากการปะทะ
กับผู้พิทักษ์ลิ้นฉีกได้
เหมือนกับได้ยินเสียงความคิดของเธอ หลี่เหยาสั่งให้สัตว์อัญเชิญโจมตี “ระเบิด!” คราวนี้ เป้าหมายของเขาไม่ใช่ก็อบลินก้อนเนื้อทั้งหกที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นพื้นดินด้านล่างที่แหลกสลายเป็นเศษหินน้อยใหญ่ ผืนดินถล่มเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายกระจายไปทั่วราวกับแผ่นดินแยก
ตัวเลขความเสียหายปรากฏขึ้นเป็นพืด
【-5421】
【-5942】
【-4873】
【-5041】
“นี่มันอะไรกัน!” หยางจวิ้นเฟยตกตะลึงจนดวงตาแทบถลน เขาเป็นถึงอาชีพสายต่อสู้ระดับ S แถมยังสวมใส่ชุดทองทั้งตัว แต่สุดกำลังของเขาก็ทำได้แค่หลักพันเท่านั้น! แล้วสัตว์อัญเชิญที่มีหน้าที่เป็นแทงค์กลับปล่อยการโจมตีเป็นวงกว้างและสร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้? บ้าบอชะมัด!
ณ ตอนนี้ หยางจวิ้นเฟยเข้าใจแล้วว่าทำไมหลี่เหยาถึงสามารถพิชิตดันเจี้ยนระดับฝันร้ายได้เพียงลำพัง และทำไมคำแรกที่โชโจ มิซากิพูดกับพวกเขาถึงเป็นว่า “พวกคุณตามฉันไปหาหลี่เหยาคุงเถอะ” เพราะหลี่เหยาคนนี้แหละที่ทำให้สัตว์อัญเชิญน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้!
ซ่งอันชิงก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน เพราะเธอเป็นคนเสนอให้สังหารหลี่เหยาเอง!
ถ้าหยางเฟิงยังมีชีวิตอยู่ละก็ พวกเขาสามคนคงจะรุมโจมตีหลี่เหยาทันทีที่พบตัว และ
คงจะโดนเขากำจัดไปแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ! เธอสั่นไปทั้งร่าง ขณะมองแผ่นหลังของ
หลี่เหยา สวดภาวนาว่า ข้าก็เป็นแค่นักบวชนะ ไม่มีเจตนาร้ายใดๆ เลยจริงๆ!
แม้แต่โชโจ มิซากิเองก็ถึงกับพูดไม่ออกเป็นครู่ นี่มันระดับพลังที่เทียบเท่ากับอาชีพนักเวทระดับ SS แล้ว แถมยังมีพลังชีวิตสูงลิบอีกต่างหาก เธอรู้สึกยินดีและทึ่งไม่น้อยที่สัตว์อัญเชิญของหลี่เหยามีศักยภาพพอจะรับพรจากดวงดาวได้ เธอเปิดแขนสองข้างออก พลันแสงสีน้ำเงินเจิดจ้าปรากฏขึ้นห้อมล้อมรอบตัวนักสู้แห่งความว่างเปล่า
【ได้รับพรจากแม่มดแห่งดารา ต้องการยอมรับหรือไม่?】
หลี่เหยาไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ยอมรับ”
【พรแห่งสมดุลจากดาว: เพิ่มความทนทานของสัตว์อัญเชิญ 347 หน่วย เป็นเวลา 24 นาที】
【พรแห่งนายพรานจากดาว: เพิ่มพลังจิตของสัตว์อัญเชิญ 542 หน่วย เป็นเวลา 24 นาที】
【เสียงกระซิบจากดวงดารา: เมื่อสัตว์อัญเชิญได้รับความเสียหายถึงตาย จะได้รับสภาวะอมตะเป็นเวลา 12 วินาที หากสภาวะนี้ยังไม่ได้ถูกใช้ จะคงอยู่ต่อไปอีก 24 นาที】
“พลังสนับสนุนใช้ได้เลย” หลี่เหยาพึมพำ โดยเฉพาะทักษะสุดท้ายนี้ การที่สัตว์อัญเชิญจะถูกยืดเวลาไม่ให้ตายอย่างฉับพลันเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับผู้อัญเชิญเช่นเขา
เสียงอันเยือกเย็นของโชโจ มิซากิ ดังขึ้นข้างๆ หูของหลี่เหยา ตอนนี้ร่างกายของเธอห่อหุ้มไปด้วยแสงสีน้ำเงินดั่งเทพธิดาที่ลงมายังโลก “เป็นอย่างไรบ้าง หลี่เหยาคุง” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความมั่นใจ “อยากร่วมมือกับฉันไหม ยอมมาเป็นผู้ติดตามเพียงคนเดียวของฉันเถอะ”
โชโจ มิซากิมั่นใจว่า ไม่มีชายคนไหนที่จะปฏิเสธคำเชิญจากเธอได้